บท
ตั้งค่า

CHAPTER 4

ตาม

ทำไมการชวนยูกิสะกลับเข้าคลาสถึงกลายเป็นหน้าที่ของฉันที่เป็นเหยื่อแวมไพร์ไปได้?

ไม่แฟร์เลย น่าหงุดหงิดจริงๆ

ยูกิสะเป็นอย่างไรบ้างนะ? เขาจะมีเลือดดื่มไหมหรือว่าไม่ได้กินอะไรเลยจนสลบไปแล้ว?

ก๊อกๆ

ประตูคอนโดเปิดออกในตอนเย็นก่อนที่ฉันจะเห็นร่างสูงปรากฏในกรอบประตู

“ยูกิสะ”

ฉันยอมเสี่ยงตายมาหาเขาถึงที่พัก

“นานามิ?” ร่างสูงจ้องมองฉันด้วยสายตาประหลาด นั่นคงเพราะฉันในตอนนี้ใส่หมวกกันน็อคที่ยืมเพื่อนมา “จะไปปล้นแบ้งค์?”

“ป้องกันคนกัดต่างหาก”

“อ้อ”

น่าชนลุกชะมัด หวังว่าใส่หมวกกันน็อคแบบนี้แล้วเขาจะกัดคอฉันไม่ถึงเพราะติดหัวนะ อีกอย่างมันอาจทำให้เขาเห็นแล้วรู้สึกอยากเลือดน้อยลง

“นายไม่สบายเหรอถึงไม่มาเรียน?”

“เปล่า”

“แล้วทำไมหน้าซีดๆ?”

หวังว่าเขาไม่ได้กำลังหิวโซนะขอร้องล่ะ แต่ถ้าใช่มันก็ไม่ควรเป็นความผิดของเหยื่ออย่างฉัน

ฉันต่างหากที่เป็นคนเคราะห์ร้ายและควรจะหน้าซีดกว่า

“หรือว่านายหิว?” ฉันถามสิ่งที่ไม่ควรถามออกไปจนได้

“ก็ตาลายอยู่บ้าง แต่ช่วยไม่ได้ในเมื่อเหยื่อไม่เต็มใจ”

“นายก็ไปดื่มเลือดคนอื่นที่ไม่ใช่เลือดฉันซี่”

“ไม่เอา ไม่ชอบ”

“ไม่เอาน่า จะเรื่องมากไปทำไม?”

“เลือดเธอ...ลองได้ลิ้มรสครั้งหนึ่งแล้วคงไม่อยากกัดคอคนอื่นอีกถ้าเธอเป็นแวมไพร์เหมือนฉัน”

อึก...

ดวงตาออดอ้อนที่จ้องมองมาแบบนั้นทำให้ใจแกว่งเหมือนกัน

ไม่ได้นะไม่ได้! ฉันจะไม่มีวันให้แวมไพร์กัดซ้ำเด็ดขาด!

“แล้วนายจะยอมตายหรือไง? ยังไงซะฉันก็ไม่ยอมให้นายมาแย่งเลือดฉันไปอีกหรอกนะ!” ฉันยื่นคำขาดพลางถอยหลังหนี การพูดคุยกับแวมไพร์น่ากลัวชะมัด!

แวมไพร์จ้องมองฉันด้วยสายตาประดับคำถาม “จะไม่เข้ามาข้างใน?”

“ถามมาได้! ใครจะไปยอมเข้าห้องนายกัน!”

ยูกิสะดูขบขันกับความหวาดกลัวของฉัน เรียวปากได้รูปยกยิ้มเบาบาง “แต่...เป็นห่วงสินะถึงได้มาหาฉัน”

“อาจารย์กับเพื่อนๆ ฝากมาถามว่าพรุ่งนี้นายจะไปเรียนไหมต่างหาก” ฉันแก้ตัวโดยเชิดมองไปอีกทาง

“ไม่ไปแล้ว”

“หา!?”

“ไม่ไปดีกว่า ไม่รู้จะเรียนไปทำไม” ร่างสูงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“อะไรกัน ฉันอุตส่าห์สมัครเรียนให้นาย...”

“เนื้อหาที่สอนมันง่ายเกินไป ไม่มีอะไรยากกว่านี้ให้เรียนหรือ? ทั้งที่คิดว่าจะได้เรียนอะไรน่าสนใจแต่ไม่น่าเชื่อ...ไม่มีความรู้อะไรใหม่เลยสักนิด”

“น...นี่มันคลาสที่ยากและท้าทายที่สุดในประเทศนี้แล้วนะ!”

“ฉันเรียนมาเป็นพันๆ ปีแล้ว”

“พันปี...?” คำพูดของร่างสูงตรึงฉันให้ตัวชา

“ฉันเรียนมาแล้วแม้แต่วิทยาการและสติปัญญาที่สูญหายไปของทวีปแอตแลนติส เพราะงั้นจะให้มาเรียนเรื่องที่ล้าหลังกว่าเดิมแบบนี้ไปเพื่ออะไร?”

“ว่าไงนะ!? นี่นายรู้วิชาการที่สูญหายไปของแอนแลนติสที่จมลงสู่ใต้ทะเลเมื่อหลายพันปีก่อนงั้นเหรอ!?”

ว่ากันว่าแอตแลนติสสมัยนั้นเจริญและครอบครองสติปัญญาสูงกว่าโลกปัจจุบันหลายเท่า ทว่าเมื่อทวีปจมลงก็ได้นำพาวิทยาการทั้งหมดหายไปกับห้วงน้ำ นั่นส่งผลให้โลกแม้แต่ปัจจุบันล้าหลังไปนับพันๆ ปีเพราะไม่ได้รับการส่งต่อวิทยาการ

“แล้วทำไมนายไม่แบ่งปันวิทยาการล้ำหน้าที่หายไปเหล่านั้นให้พวกเราล่ะ? เช่นสติปัญญาจากแอตแลนติสหรือจากหนังสือในห้องสมุดอเล็กซานเดรียที่ถูกพวกป่าเถื่อนเผาราบจนไม่เหลืออะไรไว้ให้รุ่นหลัง ไหนจะเทคโนโลยีสุดล้ำอย่างการสร้างปิรามิดหรือสวนลอยกรุงบาบิโลนด้วย!?”

นี่ถ้ายูกิสะเปิดเผยวิทยาการเหล่านั้นสักเสี้ยวหนึ่งเราอาจได้ขับรถไร้น้ำมันหรือได้ใช้พลังงานไฟฟ้าสะอาดแบบอนันต์ที่ไม่ต้องจ่ายเงินซื้อแล้ว

เราอาจได้ส่งข้อมูลทางโทรจิตแทนการใช้สายไซเบอร์ด้วยซ้ำ!

ยูกิสะกลับไม่ได้ดูตื่นเต้นกับความคิดของฉัน “จะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ไปทำไม? สิ่งที่จบลงหรือเกิดขึ้นใหม่ไม่ได้เป็นไปตามลิขิตของพระเจ้าหรอกหรือ?”

อะไรกัน...

ปีศาจที่อยู่ขั้วตรงข้ามกับพระเจ้ามาพูดถึงพระเจ้าแบบนั้น!?

“อย่าบอกนะว่านายจะไม่ไปเรียนแล้วจริงๆ แบบนั้นมันไม่ดีหรอก” ฉันรู้สึกหดหู่แทนอาจารย์ “นายต้องกลับไปนะ ถ้าไม่ใช่เพื่อตัวนายเองก็เพื่อเพื่อนๆ และมหาวิทยาลัย”

“เหรอ?” ดวงตาคมคายจ้องมองฉัน “ถ้าฉันยอมกลับไปเธอจะให้เลือดฉัน?”

“ไม่มีทางหรอกคนร้ายกาจ!” ฉันถอยหลังกรูดด้วยความหวาดกลัว

“แวมไพร์ต่างหาก”

จู่ๆ เจ้าของร่างสง่างามเคลื่อนมือใหญ่ๆ มาจับมือฉัน

“ป...ปล่อยนะ!”

“ชู่ว...” เสียงทุ้มกล่อมฉันให้เสียงเบาลง “อย่ากลัวไปเลย เชื่อสิว่าฉันจะทะนุถนอมเธอไม่ให้เธอตายหรอกน่า เธอเป็นเจ้าสาวของฉัน ลืมแล้วหรือไง”

“ไม่! ฉันไม่มีวันรับปากเด็ดขาด!”

ยูกิสะยอมกลับมาเรียนโดยที่ฉันไม่ได้รับปากว่าจะให้เขาดื่มเลือด ใครจะไปยอมกันเล่า!

แต่ถึงฉันจะไม่ยอมโอนอ่อนเรื่องนี้เขาก็ตกลงกลับมาเรียนจนได้ จะว่าไปยูกิสะไม่ได้ถึงกับเกเรเรื่องเรียนหรือใจร้ายกับคำขอของฉัน

เขาออกจะเกลี้ยกล่อมง่ายด้วยซ้ำ

ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายอยากโดดเรียนในวันนี้

“ยังไม่ออกไปอีก คนอื่นไปกันหมดแล้ว” ยูกิสะเร่งฉันที่ยังนั่งถ่วงเวลาอยู่ในห้องเรียนทั้งที่คนอื่นลงไปอยู่กลางสนามกันหมดแล้ว “อากาศออกจะดีไม่ใช่หรือไง?”

“แดดร้อนแบบนั้นผิวฉันเสียกันพอดี” ฉันส่ายหัวและถอนหายใจ “โปะครีมกันแดดเท่าไหร่ก็คงไม่พอแน่งานนี้ เป็นฝ้าแน่ๆ”

“ไหนว่าเป็นเด็กเรียนไง?”

ฉันก็ลุกแหละเพราะกะจะลุกอยู่แล้ว เด็กเรียนอย่างฉันยังไงก็ต้องไป

จู่ๆ ฉันก็ต้องประหลาดใจเมื่อยูกิสะถอดเสื้อนอกของเขามาคลุมหัวให้ฉัน

“หือ?” ฉันเงยมองคนตัวสูง

“อย่างน้อยใส่เสื้อตัวนี้คลุมไว้แขนจะได้ไม่ดำ หรืออยากสวมหมวกกันน็อคแบบเมื่อวาน?”

“คนได้หาว่าฉันบ้ากันพอดี” ฉันสะบัดเสียง

“อิดออดจริง เดินตามมาเร็วเข้าเหอะน่า” พูดจบยูกิสะก็เดินนำห่างออกไป

นี่มันอะไรกัน?

เขาที่โดดเรียนเมื่อวานเป็นฝ่ายกระตุ้นฉันที่อยากโดดเรียนวันนี้เฉยเลย!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel