บท
ตั้งค่า

CHAPTER 3

MY LOVER IS A VAMPIRE!

ทำไมเช้านี้ถึงไม่ใช่เช้าวันเสาร์อาทิตย์นะ

อีกอย่างทำไมทั้งที่เมื่อวานถูกแวมไพร์กัดที่มหาวิทยาลัยแต่วันนี้ฉันต้องมาเรียนด้วย!?

ช่วยไม่ได้…ก็นี่มันวันเรียนของฉันนี่ เด็กเรียนอย่างฉันจะให้ขาดเรียนเหมือนพวกที่ไม่ใส่ใจมันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกน่า!

อยากให้เรื่องเมื่อเย็นวานเป็นแค่ฝันร้าย อยากให้ไม่เคยมียูกิสะอยู่จริงและในโลกนี้ไม่มีแวมไพร์

“เฮือก!”

ลมหายใจขาดห้วงราวถูกกระชากเมื่อเห็นร่างสูงน่าหวาดผวาอยู่ในชั้นเรียน แวมไพร์ยูกิสะกำลังถูกขนาบข้างด้วยสาวๆ มากมายราวกับไอดอลผู้เลอค่า

“สวัสดีตอนเช้า” เมื่อยูกิสะเห็นฉันเดินตัวลีบลงมานั่งบนเก้าอี้ก็เอ่ยทักและนั่งลงข้างๆ ฉันเหมือนเมื่อวาน “เมื่อคืนฝันดีหรือเปล่า?”

“...”

หงึก...เมื่อวานฉันถูกกัดและวันนี้ตั้งแต่เช้าแวมไพร์เอ่ยทักฉัน

นี่มันเรื่องบ้าบอคอแตกอะไรกัน...?

“นานามิ”

“ฮึ...”

ฉันควรจะพูดกับแวมไพร์ที่กัดฉันเหรอยูกิสะ บ้าจริงที่ฉันพลาดท่าไปแต่งงานกับแวมไพร์ มันแน่อยู่แล้วว่าฉันต้องแต่งงานกับมนุษย์ เพราะงั้นเมื่อแต่งกับแวมไพร์แบบนี้ก็ถือว่าการแต่งงานเป็นโมฆะ

พอเจอเรื่องสยองเมื่อวานเข้าบอกเลยว่าฉันเข็ดขยาดสุดๆ!

“นานามิทำไมวันนี้เธอดูหน้าซีดๆ ล่ะ?” เพื่อนคนหนึ่งที่เดินผ่านมาทางนี้ถามฉัน

“เอ่อ...” ฉันไม่รู้จะตอบอย่างไรเพราะแวมไพร์ก็นั่งอยู่ข้างๆ นี่เองและเหมือนกำลังฟังอยู่ด้วย “ฉันฝันร้ายน่ะ”

ฝันร้ายมากด้วย...ไม่ใช่ร้ายธรรมดา!

“เห? ฝันอะไรเหรอ?”

“อย่าให้ต้องเล่าเลย เดี๋ยวก็ต้องหามฉันไปส่งจิตเวชหรอก”

ก็ยิ่งนึกถึงมันก็ยิ่งน่ากลัวนี่นา

เพื่อนส่งสายตาเห็นใจมาให้ฉัน “โอเคๆ ไม่ถามแล้วจ้ะ โอ๋ๆๆๆ ขวัญเอ๊ยขวัญมา”

ปวดหัวจัง...

ฉันคงเครียดละมั้ง ลุกไปดื่มอะไรหวานๆ หรือไม่ก็น้ำวิตามินประเภทที่เหมาะกับคนที่เสียเลือดไปดีกว่า

เมื่อเดินไปสักพักฉันถึงเห็นว่ายูกิสะเดินตามมา

เฮือก...!

“ย...อย่าเข้ามานะ!” ฉันหลับตาปี๋และปิดตาด้วยมืออีกชั้น มีผีตัวใหญ่ยืนอยู่หน้าฉัน!!

“ไปซื้อน้ำเหรอ? ฉันไปซื้อให้ไหม?”

“หือ?”

ฉันออกจะแปลกใจจนต้องเปิดตาเงยมองหน้าอีกฝ่าย ถึงจะดูเยือกเย็นและเงียบจากภายนอกแต่ทำไมถึงอ่อนโยนและห่วงใย? ถึงงั้นก็เหอะเขาเป็นแวมไพร์ที่ฆ่าฉันได้ในพริบตา!

ฉันจะเป็นไข้หัวโกร๋นอยู่แล้ว!

“ม...ไม่ต้อง ถอยไปนะ อย่าเข้ามา...!!”

“ทำตัวปกติไม่ดีกว่าเหรอภรรยา? เดี๋ยวคนอื่นจับส่งจิตเวชนะ” ปีศาจหน้าตาดียิ้มร้ายกาจ หมอนี่กำลังแกล้งฉันหนำซ้ำยังเดินใกล้เข้ามาอีกด้วย

“ม...ไม่เอา อย่ามายุ่งนะ อ๊ะ...!?”

กึก...

ทำไมจู่ๆ เขาถึงกอดฉันล่ะ? ข้อมือของฉันเพิ่งจะถูกมือที่ใหญ่กว่าดึงเข้าไปจนตัวชนเข้ากับร่างสูงแข็งแรง มืออุ่นแกร่งเคลื่อนกอดและลูบเส้นผมฉันแผ่วๆ เหมือนอยากจะปลอบใจฉัน

“ยูกิสะ...?”

“รอยคมเขี้ยวของแวมไพร์ก็เหมือนเกล็ดหิมะ ความเจ็บแปลบของมันคงอยู่แค่ชั่วคราวเท่านั้น”

“หือ?”

เอ่ยแผ่วราวกับเสียงใบไม้ไหวแล้วร่างสูงคลายอ้อมแขนก่อนเดินห่างออกไปทางห้องพักอาจารย์ซึ่งเจ้าของห้องโผล่ออกมาพอดี

“มาแล้วเหรอยูกิสะ มาช่วยอาจารย์ตรงนี้หน่อยสิ”

“ครับ”

ฉันได้แต่เพียงมองตามแผ่นหลังของร่างสูงที่เดินห่างออกไป

ชั่วขณะหนึ่งฉันรู้สึกหวาดกลัวยูกิสะน้อยลงถึงจะไม่มากก็ตาม

ทำไมแวมไพร์ต้องดื่มเลือดด้วย?

วันนั้นทั้งวันฉันนั่งหน้าซีดและอยู่ไม่เป็นสุข เรียนก็แทบไม่รู้เรื่องเพราะมีแวมไพร์ที่สุดแสนจะน่ากลัวนั่งอยู่ข้างๆ

ขณะที่อาจารย์เดินออกไปโทรศัพท์ยูกิสะเหลียวมาพูดกับหน้าซีดๆ ของฉันด้วยน้ำเสียงนุ่ม “เลิกกลัวฉันเหมือนเด็กอ่อนแอได้แล้วน่า”

ฉันหน้าซีดลงอีก

“นานามิเก่งกว่านี้และกล้าหาญ ฉันเชื่ออย่างนั้น”

เมื่อเขาพูดแบบนั้นฉันก็ดุเขาไม่ออกเหมือนกัน

ว่าแต่ถ้าต้องนั่งเรียนติดกับแวมไพร์ทุกวันจันถึงศุกร์แบบนี้ชีวิตฉันจะปลอดภัยได้อย่างไรล่ะ!!

เมื่อชั้นเรียนแรกจบลงยูกิสะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป เขาไม่ได้กลับมาอีกในคลาสต่อๆ มา

นั่นแสดงว่าเขาคงไปแล้วสินะ ดี...ดีมากเลย

ฉันอยากให้เขาย้ายกลับโรมาเนียไปเลยด้วยซ้ำ...กลับไปสู่ประเทศต้นกำเนิดแวมไพร์แล้วอยู่ที่นั่นไปตลอดกาล เพราะถ้าเขาอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ คงเป็นฉันที่จะเป็นโรคประสาทตายไปก่อน

ลาก่อนยูกิสะ!

เย็นวันเดียวกันฉันกลับถึงบ้านแล้วก็จริงแต่หน้าฉันยังหน้าซีดจากการเห็นผีอยู่หรือเปล่านะ?

ฉันกลัวแวมไพร์มากกว่าที่ตัวเองคิด ลองใครจู่ๆ ถูกกัดก็คงช็อคทั้งนั้น เผลอๆ บางคนคงหัวใจวายไปแล้วด้วยซ้ำ

เมื่อมองจากเงาสะท้อนของน้ำในอ่างอาบน้ำแผลคมเขี้ยวเหนือหัวใจของฉันหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว

ไม่น่าเชื่อ...ผิวตรงนั้นดูราวกับไม่เคยถูกคมเขี้ยวกัดมาก่อน

ฉันนึกถึงคำพูดของยูกิสะ ‘รอยคมเขี้ยวของแวมไพร์ก็เหมือนเกล็ดหิมะ ความเจ็บแปลบของมันคงอยู่แค่ชั่วคราวเท่านั้น’

แวมไพร์...

ยูกิสะเป็นแวมไพร์

หวังว่าเขาจะไปแล้วไปเลยและพรุ่งนี้ฉันไม่ต้องพบเขาที่ห้องเรียนอีกนะ!

ขอบคุณพระเจ้า!

วันรุ่งขึ้นโต๊ะเรียนของยูกิสะว่างเปล่า

“สุดยอด!” ฉันกระโดดตัวลอย

“นานามิเป็นอะไรเหรอ?” น้ำเสียงสงสัยถามขึ้น เมื่อฉันมองไปก็เห็นว่าเพื่อนๆ ในห้องกำลังจ้องมองฉันเหมือนตัวประหลาด

โทษทีฉันเผลอดีใจจนเสียงดังเว่อออกไป “เอ่อ...ไม่มีอะไรจ้ะ”

“แล้วยูกิสะอยู่ไหน วันนี้เขาไม่มาเหรอ?” เพื่อนแทบทุกคนถามฉัน ที่พวกเขาอยากรู้กันขนาดนี้ก็เพราะยูกิสะกลายเป็นไอดอลไปแล้วตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวเท้าเข้ามา

“เอ่อ…ก็...”

“เธอเป็นคนพาเขามาเรียนที่นี่ไม่ใช่เหรอ งั้นทำไมลองไปถามเขาดูล่ะว่าเขาหายไปไหน?” ทุกสายตาคาดคั้นฉันเหมือนยกให้ฉันรับผิดชอบการหายไปของนักศึกษาใหม่

“เขาคงแค่ตื่นสายแหละน่า” แวมไพร์คงตื่นตอนกลางคืนเพราะงั้นกลางวันไม่น่าจะลุกไหว

“แต่เมื่อวานเขาเรียนคาบเดียวแล้วหายไปเลยนะ”

คำพูดเพื่อนทำให้ฉันสะอึก

“นานามิเธอไม่มีเบอร์โทรยูกิสะเหรอ? ช่วยตามเขามาเรียนทีสิ กำลังจะมีควิซแล้วนะ ฉันจะลอกข้อสอบเขา เอ๊ยไม่ใช่ๆ”

แต่ฉันไม่อยากตามเขานี่

“อย่างบอกนะว่ายูกิสะไม่สบายหรือไม่ก็ไปโดนอุบัติเหตุอะไรเข้า!?” เพื่อนๆ เริ่มกังวลไปต่างๆ นานา

“เมื่อวันก่อนฉันเห็นเขากินอาหารเที่ยงไม่ได้ด้วย บางทีอาจกำลังไม่สบายหนักละมั้ง”

“ฉันก็เห็นเขาดูเงียบแปลกๆ สงสัยยังปรับตัวกับอาหารญี่ปุ่นไม่ได้ น่าสงสารมากอ่ะ”

“ฉันนี่อยากไปเรียนทำอาหารยุโรปมาให้เขากินเลย”

อะไรกัน...แค่ยูกิสะไม่กินข้าวเที่ยงนี่รู้กันทั้งคลาสยิ่งกว่าข่าวด่วนเนี่ยนะ?

เมื่อพูดถึงอาหาร...ยูกิสะดื่มเลือดฉันครั้งสุดท้ายเมื่อเย็นวานซืน เมื่อวานเขาไม่ได้ดื่มเลือดฉัน

ฉันไม่แน่ใจว่าเขาออกล่าหรือหาเลือดจากคนอื่นไหมแต่ถ้าไม่ละก็เขาอาจกำลังแย่อย่างที่เพื่อนว่า...?

“นานามิ” จู่ๆ อาจารย์ที่ปรึกษาของโปรแกรมพิเศษที่เราเรียนอยู่เดินตรงมาหาฉัน

ฉันถึงกับสะดุ้งเพราะเมื่อกี้กำลังกังวลถึงเรื่องร้ายที่อาจเกิดกับยูกิสะ “ว้าย คะอาจารย์?”

“ยูกิสะไม่มาเรียนเหรอ? เมื่อวานซืนที่เขาเข้าเรียนวันแรกเขาทำควิซเคมีช่วงเช้าได้คะแนนเต็ม”

“ฮ้า!” เพื่อนๆ ฮือฮา

“ส่วนเมื่อวานเขาก็ได้คะแนนเต็มข้อสอบฟิสิกส์ทั้งที่เพิ่งเข้าเรียนได้ไม่ถึงสองวัน อาจารย์คิดว่าเขาเป็นอัจฉริยะ”

เสียงฮือฮายิ่งดังขึ้นเช่นเดียวกับเสียงกรี๊ดลั่น

“พวกเราอยากขอบคุณนานามิที่พาเขามาเรียนที่นี่” อาจารย์ยิ้มกว้าง “ยูกิสะจะต้องสร้างชื่อให้วิทยาลัยของเราและเป็นที่พึ่งของเพื่อนร่วมรุ่นได้อย่างแน่นอน อาจารย์ว่าจะขอยืมสมุดเล็คเชอร์ที่เขาจดเรื่องที่อาจารย์สอนเมื่อวันก่อนด้วยเพราะงั้นช่วยตามเขากลับมาเรียนให้ที”

“ยืมเล็คเขอร์หมอนั่นเอ๊ยเขามาทำไมคะ?”

อาจารย์จะยืมสมุดเล็คเชอร์ลูกศิษย์เนี่ยนะ?

“เอามาดูเพื่อทำเอกสารวิชาการน่ะ เขาจดเรื่องที่สอนไปละเอียดดี”

อาจารย์ไม่เคยขอยืมสมุดจดใครมาก่อน นี่มันเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ชัดๆ!

“อีกอย่างพรุ่งนี้จะมีการเรียนเนื้อหาใหม่ที่สำคัญมากเพราะงั้นช่วยตามเขามาเรียนด้วยล่ะ”

“...”

“ได้ยินหรือเปล่านานามิ”

“เอ้อ...ค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel