บท
ตั้งค่า

นาทีที่ 4 ถึงเวลาที่ต้องเลือก

นาทีที่ 4

ถึงเวลาที่ต้องเลือก

ปัง! ๆ ๆ

กำปั้นหนักทุบลงยังประตูห้องรัว ๆ ใบหน้าหล่อเหล่าเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อแฟนคลับของเขา อีกทั้งยังไม่ได้รับความยุติธรรมแถมคนที่ทำผิดยังลอยหน้าลอยตาในสังคมมีผู้คนรายล้อมและโอบอ้อมไปด้วยความรัก สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คนอย่างนาทีเกลียดที่สุด เพราะมันคือการทำลายคนที่รักเราและดูถูกพวกเขาอย่างไม่มีหัวจิตหัวใจ

“จิน!” นาทีร้องเรียกคนที่อยู่ข้างในเสียงดังลั่น ทว่าเขากลับได้แต่ความเงียบคืนกลับมา

“จินเปิดประตู!”

“ไอรู้นะว่ายูอยู่ข้างในอะ เปิดประตูเดี๋ยวนี้”

“ได้ ยูทำให้ไอต้องเลือกแบบนี้เองนะ แล้วยูจะสียใจ!” ชายหนุ่มร่างสูงกำหมัดแน่น ขบกรามจนเผยกรอบหน้าเด่นชัด ดวงตาสีนิลกาลเต็มไปด้วยความแค้นและเพลิงโทสะลุกไหม้แผดเผาใบหน้าของคนที่กำลังนึกถึงจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ตลอดระยะเวลาหลายปีเขายอมสองคนนี้มาตลอดจนเขาแทบจะเสียอิสรภาพทั้งชีวิตไป เขาทำทุกอย่างให้ทุกคนได้สิ่งที่พวกเขาต้องการ แต่คนใจดำพวกนั้นกลับมอบแต่ความอัปยศคืนแก่เขาเป็นการตอบแทน

“ถึงเวลาที่ยูจะต้องเดินออกมาจากนรกแล้วล่ะนาที”

ตัดภาพไปที่ภายในห้องของคอนโดที่หรูที่สุดและราคาแพงที่สุดในกรุงเทพมหานครอีกทั้งยังเป็นห้องที่เห็นวิวของแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างชัดเจน แก้วไวน์เลิศรสชนประสานเสียงเลี้ยงฉลองเยี่ยงคนมีชัย ไวน์ราคาแพงค่อย ๆ ถูกกลืนลงไปยังลำคอ ดวงตาทรงเสน่ห์หลับพริ้มอย่างเพลิดเพลินเมื่อได้ยินเสียงร้องของคนที่กำลังร้องเรียกด้วยความสิ้นหวังเหมือนหมาบ้า ดาราหนุ่มและผู้จัการแสนเจ้าเล่ห์ยิ้มเยาะหัวเราะคิก ๆ คัก กำลังสนุกที่เห็นนาทีกำลังดิ้นพล่าน แต่นี่มันยังน้อยไปเมื่อเทียบกับสิ่งที่กำลังจะทำในตอนต่อไป

“หึ น่ากลัวจังเลยนะครับพี่มิน”

“แบบนี้เอาไงต่อดีคะคุณซุปเปอร์สตาร์คนใหม่ของเมืองไทย”

“ก็...ฉีกสัญญาไปเลยก็น่าจะดีนะครับ คุณผู้จัดการของซุปเปอร์สตาร์คนใหม่ของเมืองไทย จินจะทำให้ทีได้รู้ว่าทีเป็นของจินคนเดียว และมีแค่จินเท่านั้นที่จะช่วยทีให้อยู่ในวงการนี้ต่อไปได้”

“ฮ่า ๆ ๆ”

ตึก! ๆ ๆ ๆ

เสียงฝีเท้าหนักดังลงมาจากข้างบนอย่างเร่งรีบเพราะตอนนี้ใกล้ถึงเวลาที่จะเริ่มเรียนคาบแรกของวันแล้ว ผมจึงรีบวิ่งลงมาแบบไม่คิดชีวิตแถมวันนี้ยังเจอแต่เรื่องซวยแต่เช้าเพราะจู่ ๆ แล็ปท็อปของผมก็หายไปทั้งที่เมื่อกี้ผมยังจับขึ้นมาเช็คดูยอดคนอ่านอยู่เลย

“พี่วันค้าบ”

“จ้า ว่าไงจ๊ะชีวา”

“พี่เห็นแล็บท็อปผมป้ะ”

“ไม่นะ ลืมไว้ที่ไหนหรือเปล่า”

“นั่นน่ะสิ ผมลืมไว้ที่ไหนนะ” ตอนนี้ผมลุกลี้ลุกลนจนสมองปั่นป่วนไปหมดคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกว่าลืมไว้ตรงไหน เพราะถ้าเกิดว่ามันหายไปล่ะก็ ข้อมูลทุกอย่างที่ผมสะสมเกี่ยวกับดารามาทั้งชีวิตมันก็จะหายไปด้วย ถ้าเป็นแบบนั้นมันคงไม่ดีต่อผมแน่นอน อยู่ไหนนะคิดให้ออกสิวะชีวา...เฮ้ย!

“อยู่นั่นไง!” ผมตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความดีใจเมื่อเห็นเจ้าชีต้าร์ลูกรักของผมวางอยู่บนโต๊ะกลางร้าน ทว่าตอนนี้กลับมีผู้ชายคนหนึ่งสวมชุดนักศึกษาหม้อเดียวกับผม แต่ปกปิดใบหน้าด้วยแว่นดำและหมวกแก๊ปอย่างมิดชิด ตอนนั่งไม่เห็นหรือไงนะว่ามีของคนอื่นวางอยู่ โต๊ะอื่นก็ว่างนี่นา สงสัยใส่แว่นดำแล้วมองไม่เห็นแน่เลย

ผมรวบรวมสติไว้กับตัวให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะไม่พูดเหวี่ยงออกไปเพราะยังไงคนนี้ก็ถือว่าเป็นลูกค้าในร้านถ้าเกิดมีปัญหามันจะแย่ต่อร้านของผม เพราะฉะนั้นชีวาตั้งใจเย็นนะ พุทโธ พุทโธ~

“เอ่อ...ขอโทษนะครับคุณลูกค้า พอดีว่าผมลืมของไว้ที่โต๊ะของคุณลูกค้าน่ะครับ”

“...” เงียบ นอกจากจะไม่ตอบอะไรยังมองผมเหมือนกับว่าผมเป็นตัวประหลาด แหม คิดว่าตัวเองหล่อนักหรือไง หล่อไม่สู้นาทีของฉันหรอกจ้ะพ่อหนุ่ม

“ผม...ขออนุญาตนะครับ”

“อืม” แหน๊ะ ยังตอบเหมือนกับว่าตัวเองเป็นพระเอกอีก เอาเถอะวันนี้ชีวาคนสวยรีบ เพราะฉะนั้นจะรีบเก็บของแล้วเดินออกไปทันทีเลย

“เดี๋ยวก่อน”

“ครับ?”

“ห้องน้ำไปทางไหน”

“ทะ...ทางนี้ครับ”

“ขอบคุณ” แล้วไอ้ขี้เก๊กก็ลุกพรวดขึ้นด้วยท่าทีลุกลนเหมือนกับว่าเขากำลังกลัวอะไรบางอย่างก่อนที่จะเดินไปยังห้องน้ำตามทางที่ผมชี้ให้

“ฟู่ว~ นึกว่าจะต่อยกูแล้ว” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งใจ ตอนแรกผมนึกว่าไอ้ขี้เก๊กคนนี้มันจะหันหน้ามาต่อยผมเสียอีก แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นคนดีกว่าที่คิดแฮะ ช่างเถอะตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาสนใจคนอื่นผมควรที่จะรีบไปเรียนได้แล้ว

หลังจากที่ยืนเพ้ออยู่นานผมก็เดินออกมาจากคาเฟ่เพื่อมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยที่อยู่ใกล้บ้าน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อแสงแฟลชมันกระแทกตาอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงกดชัตเตอร์รัว ๆ เหมือนกับว่าพวกเขากำลังมาถ่ายหนังที่บ้านของผมเลย และก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อตั้งสติได้แล้วพบว่าคนที่อยู่หน้าบ้านคือกลุ่มนักข่าวที่มีประมาณยี่สิบชีวิตกำลังเอาไมค์เล็ก ๆ มาจ่อที่ปากของผมอยู่ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย กูจะบ้าาาาา!!!

“เอ่อ...มีอะไรกันเหรอเปล่าครับ”

“น้องคะๆ เห็นน้องนาทีเดินผ่านทางนี้ป้ะ”

“นาที? มะ...ไม่เห็นนะครับ” นาทีไหนวะมีแต่แฟนในอนาคตของนาทีเว้ย ยืนอยู่ตรงนี้ไงล่ะไม่รู้หรือไง ชิ!

“แต่เมื่อกี้พี่เห็นน้องนาทีเขาเดินเข้าไปข้างในนะคะน้อง ที่ใส่ชุดนักศึกษาอะ เนี่ยชุดมอเดียวกันกับน้องเลย”

‘ชุดมอเดียวกันอยู่ข้างในอย่างนั้นเหรอ อย่าบอกนะว่าไอ้ขี้เก๊กคนนั้นคือ...’

“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นพี่น่าจะจำคนผิดแล้วล่ะครับ เพราะว่านี่คือร้านผมเองและที่สำคัญคนที่ใส่ชุดนี้มีแค่ผมคนเดียว”

“เหรอ แต่พี่ว่าพี่เห็นนะ”

“ไม่มีหรอกครับพี่ ๆ น่าจะจำคนผิด”

“โอเค ขอบคุณมากนะน้อง แต่ถ้าน้องเจออะรีบบอกพวกพี่เลยนะครับ”

“ได้เลยครับพี่ ถ้าเห็นนะผมจะรีบตะโกนเรียกเลยครับ”

“โอเค ๆ พวกพี่ไปละ”

“ไม่มีจริง ๆ เหรอวะ” พวกนักข่าวก็พากันทยอยกลับไปทีละน้อยจนหมดในท้ายที่สุด แต่ดูพวกเขาก็ยังไม่ค่อยเชื่อคำพูดของผมเท่าไหร่หรือบางทีอาจจะยังไม่ได้กลับจริงแค่แอบกบดานแถวนี้ต่อ ทันใดนั้นผมก็นึกขึ้นได้ว่าไอ้ขี้เก๊กคนนั้นบอกว่าจะไปห้องน้ำนี่นา แล้วถ้าเกิดว่า!

“ห้องน้ำ!”

ปัง!

“ขอโทษนะครับ มีใครยังอยู่ข้างในไหมครับ พอดีว่าผมจะทำความสะอาดห้องน้ำ”

“...” ผมถีบประตูด้วยเท้าเต็มแรงแล้วรีบกวาดสายตามองดูภายในห้องน้ำว่ามีห้องไหนที่ปิดอยู่ แต่ว่าประตูทุกห้องกับเปิดออกกว้างเหมือนกับว่าไม่มีใครเข้ามาหลบอยู่ที่นี่เลยสักคน

“ออกไปแล้วเหรอวะ มาช้าไปสินะ”

ปึก!

“โอ๊ะ!”

ซื๊ดดด แข็งมาก! แต่....หอมมากด้วย~

“...” ผมค่อย ๆ แหงนมองสิ่งตรงหน้าที่กั้นผมไว้ก่อนที่จะพบกับใบหน้าอันหล่อเหลาราวกับเทพบุตรที่ตอนนี้ไร้สิ่งปิดกั้นทั้งปวง ผิวหน้าขาวเนียนใสกิ๊ง ไม่มีรูขุมขนเลยสักครู่ จมูกโด่งเป็นสันคมปลายพุ่งสวยเป็นธรรมชาติ เมื่อเลื่อนมองต่ำลงมาตัดกับริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูหน้าจูบมันช่างน่าหลงไหลเหลือเกิน ดวงตาคู่นั้นที่มันกำลังมองผมอยู่ช่างเย้ายวนชวนให้เคลิบเคลิ้มตกเป็นเหยื่อโดยง่าย คนอะไรวะหล่อฉิบหาย หล่อวัวตายควายล้ม หล๊อออหล่อ!

“ขะ...ขอโทษครับ”

“คุณมากับพวกนักข่าวหรือเปล่า”

“เอ่อ...”

“กลับไปบอกพวกเขา บอกว่าผมจะให้สัมภาษณ์วันหลัง”

“ผมไม่ใช่พวกนักข่าวครับ ผมเป็นเจ้าของร้านครับ”

“เหรอ...ขอโทษครับ”

ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยผมด้วย ตอนนี้ผมกำลังคุยกับนาที ผมกำลังคุยกับคนที่ผมชอบอยู่!!

ในขณะที่ผมกำลังกรี๊ดกับตัวเองในใจผมก็แอบเห็นว่าเขากำลังกังวลกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ ก่อนที่ผมจะเจอเขานักข่าวพวกนั้นคงได้สะกดรอยตามนาทีมา เขาเลยเข้ามาหลบนักข่าวพวกนั้นที่ร้านของผมโดยบังเอิญ ถ้าเกิดว่าเราเสนอตัวช่วยอะไรสักอย่างจะดูละลาบละล้วงไปไหมนะ

“มี...อะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ”

@มหาวิทยาลัย

นาทีครับ ความจริงแล้วผมคือแฟนคลับของคุณ ผมขอถ่ายรูปกับคุณได้ไหมครับ? ไม่ได้ ๆ ความจริงแล้วผมคือแฟนคลับของคุณและผมก็เขียนฟิคของคุณกับจินจนโด่งดังไปทั่วประเทศ ได้โปรดรับผมไปเขียนบทให้คุณกับจินแสดงซีรีส์สักเรื่องได้ไหม โอ้ย! อันนี้ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลยไอ้วา

“คุณอายุเท่าไหร่” ผมสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจเมื่อนาทีหันมาถามผม นี่เป็นประโยคแรกเลยตั้งแต่เดินเคียงข้างกันมาร่วมสิบนาที ชาตินี้ใครจะไปคิดวะว่าจะได้เดินมาเรียนพร้อมกับดาราที่ตนเองชื่นชอบ แต้มบุญของไอ้วามันหมดแล้วโว้ย!

“ยะ...ยี่สิบเอ็ดครับ ปีนี้อยู่ปีสามแล้ว”

“รุ่นเดียวกันเลย ขอบคุณนะที่ให้เดินมาด้วย”

“ครับ ด้วยความยินดี”

“ผมต้องไปแล้วล่ะ”

“เดี๋ยวก่อนนาที!” ฉิบหายละไงทีนี้

“คุณรู้จักผมเหรอ?”

“เอ่อ...ครับ ผมเป็นแฟนคลับของคุณ” น่าอายชะมัดเลย

“อะ...อ๋อ แบบนี้นี่เอง” เขาเอ่ยออกมาแผ่วเบาเหมือนกับว่าเขารู้สึกผิดหวังในตัวผมยังไงก็ไม่รู้ อุตสาห์ได้มีโอกาสทั้งทีแล้วจะปล่อยให้มันลอยผ่านไปทั้งที่ยังระแวงแบบนี้ไม่ได้สิ ถึงเวลาที่จะต้องบอกความในใจกับเขาแล้วล่ะ ฮึบ!

“นาทีครับ! ผมขอให้นาทีกับจินอยู่ด้วยกันนาน ๆ นะครับ!” เท่านั้นแหละ มันก็ทำให้ผมเขินจนต้องรีบวิ่งหนีไปแล้วทิ้งให้นาทียืนงงอยู่ตรงนั้นคนเดียว ก็คนมันเขินนี่นา จะให้ยืนอยู่ตรงนั้นได้ยังไงเล่า...

ฟิ้ว~

“ดะ...เดี๋ยวก่อน! ยังไม่รู้จัก...ชื่อ...”

“ผมขอไม่รับคำอวยพรจากคุณแล้วกันนะ...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel