บทที่3
“แกก็พูดเกินไป น้องเขาก็ออกจะน่ารัก ทำไมไม่ลองถอดแว่นตานั่นออกล่ะสาวน้อย ผมที่มัดรวบนั่นอีก ลองถอดออกดูหน่อยสิ” ไม่ว่าเปล่าพี่เจแปนทำท่าว่าจะเอื้อมมือมาถอดแว่นตากับยางมัดผมของฉันออก แต่ฉันไวกว่าเอี้ยวตัวหลบไปอยู่ที่ด้านหลังของรุ่นพี่อย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ฉะ…ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” ฉันพูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินก้มหน้าก้มตาไปห้องน้ำที่มีป้ายติดเอาไว้อยู่ในทันที ผู้คนมากมายที่กำลังเต้นกันอย่างไม่มีใครยอมใครเบียดเสียดกัน จนทำให้ฉันเดินมาเข้าห้องน้ำได้อย่างยากลำบาก
ฉันยืนถอนหายใจพลางมองหน้าตัวเองที่สะท้อนผ่านกระจกใสในห้องน้ำ ใบหน้าของยัยผู้หญิงเฉิ่มที่กำลังจ้องมองกลับคืนมาทำเอาฉันแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย ใครจะเชื่อกันล่ะว่าครั้งหนึ่งฉันเองก็เคยสวย แต่ฉันเกลียดและไม่ชอบมัน เพราะมันมักจะสร้างปัญหาโดยที่ฉันไม่ทันจะได้รู้ตัวเสมอ
ฉันเลยจบปัญหาทุกอย่างลงด้วยการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ ทำให้ตัวเองกลายเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ ที่ไม่มีอะไรสะดุดตาแบบนี้ เพื่อความสงบสุขของชีวิตยังไงล่ะ
หึๆ พวกคุณคงคิดว่าฉันโง่ที่เลือกจะเป็นยัยเฉิ่ม มากกว่าจะเป็นสาวสวยที่ผู้หญิงด้วยกันเห็นยังต้องอิจฉา หากคุณไม่เคยพบกับเรื่องราววุ่นวายและปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นคุณคงไม่เข้าใจ ยังไงก็ถือซะว่าเรื่องที่เล่าให้ฟังเป็นเพียงนิทานน้ำเน่าที่เล่าเท่าไหร่ก็ไม่มีวันจบบริบูรณ์สักทีก็แล้วกัน
เพราะยังไงซะนี่ก็เป็นสิ่งที่ฉันเลือกเองอยู่ดี
“แกเห็นหน้ายัยนั่นตอนที่ฉันทำท่าจะดึงแว่นตากับยางมัดผมออกรึเปล่าวะ ทำอย่างกับว่าลูกเป็ดขี้เหร่แบบยัยนั่นถ้าถอดรูปออกมาแล้วจะกลายเป็นเจ้าหญิงแสนสวยได้อย่างงั้นแหละ ถ้าเปลี่ยนเป็นแม่มดยังจะดูเป็นไปได้ซะมากกว่า” เพราะเสียงเย้ยหยันที่ดังขึ้นทำให้ฉันหยุดฝีเท้าของตัวเองเอาไว้กับที่ เพราะอยากจะรู้ความจริงที่ออกมาจากปากของรุ่นพี่บ้างไม่มากก็น้อยถ้าลับหลังฉันพวกเขาคุยอะไรกันบ้างและมันก็เป็นไปตามคาด หน้าตาที่แสนเฉยของฉัน กำลังตกเป็นหัวข้อสนทนาอยู่ในตอนนี้
“รู้อย่างนั้น แกยังอยากให้ฉันเล่นเกมส์บ้าๆ นั่นอีกรึไงวะ”
เกมส์อย่างงั้นเหรอ.. เกมส์อะไรกัน?
“ช่วยไม่ได้นี่หว่า ใครใช้ให้แกดันปากเก่งว่าตัวเองสามารถได้ทุกอย่างมาครองเพียงแค่กระดิกนิ้ว เมื่อไหร่ที่แกได้เวอร์จิ้นของยัยขี้เหร่นั่นมาครอบครอง ทุกอย่างก็เป็นอันจบ ว่าแต่เมื่อไหร่วะ”
“ขอเวลาทำใจหน่อยสิวะ บอกตามตรงว่าเห็นหน้ายัยนั่นทีไรฉันผวาทุกที” ราวกับว่าร่างกายของฉันมันชาวาบไปถึงขั้วหัวใจเมื่อได้รับความจริงที่ไม่น่าเชื่อออกมาจากปากของพวกเขาทั้งสองคน นี่สินะ...ความจริงของเรื่องทั้งหมด!
ผู้ชายสารเลว เขาในตอนนี้มันไม่ต่างอะไรจากปีศาจร้ายในคราบซาตานเลยสักนิด ถ้าทุกอย่างมันเป็นแค่เกมส์อย่างที่ปากพวกเขาว่าล่ะก็นะ ฉันจะขอเล่นเกมส์บ้าๆ นั่นไปด้วยเลยก็แล้วกัน
รับรองว่ามันคงจะสนุกถึงใจพวกเขาอย่างแน่นอน!
“ทำไมมาช้านัก ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ชอบรอใครนานๆ” เมื่อตั้งสติได้ฉันก็รวบรวมความกล้าเดินกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าพี่เจแปนไม่ได้อยู่ที่โต๊ะด้วยแล้ว คำถามแรกที่เขาควรจะถามฉันไม่ใช่คำถามที่แสดงให้เห็นถึงความห่วงใย แต่กลับเป็นคำถามที่แสดงความไม่พอใจให้ได้เห็นมากกว่า
จิตใจของเขาประกอบไปด้วยน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลายรึยังไงกัน ฉันไปทำอะไรให้เขาเจ็บช้ำนักหนาอย่างงั้นเหรอ ทำไมถึงได้ตอบแทนกันแบบนี้
“ขอโทษด้วยค่ะ ฉันแค่รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย”
“งั้นก็ดื่มนี่เข้าไปซะ มันจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น” ดีขึ้นหรือว่าง่วงเร็วกว่าเดิมกันแน่ เขาคงคิดไม่ถึงล่ะสิท่าว่าฉันจะแอบยืนดูการกระทำของเขาอยู่ตั้งนานสองนาน หนำซ้ำยังพบว่าเขาแอบเอาอะไรบางอย่างใส่ลงไปในแก้วค็อกเทลสีฟ้าสดใสที่กำลังส่งมาให้ฉันอีกด้วย ร้ายกาจอย่าได้บอกใครเลยจริงๆ
“ก่อนจะดื่ม ฉันขอถามอะไรบางอย่างได้ไหมคะ”
“ว่ามาสิ”
“รุ่นพี่ชอบเล่นซ่อนแอบรึเปล่า”
