บทที่2
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากรู้…ที่อยากรู้และต้องรู้ก็คือเขาเป็นลูกใคร” คำถามที่ไม่อ้อมค้อมดังขึ้น ก่อนที่ไหล่ทั้งสองข้างของฉันจะถูกมือแกร่งเอื้อมมาจับพร้อมทั้งเขย่าไปมาอย่างบ้าคลั่ง
“ก็บอกไปแล้วไงว่าเขาเป็นลูกของนาย”
“…”
“จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ยังไงซะต่อจากวินาทีนี้ไป นายก็จะต้องเป็นพ่อของเด็กคนนั้นอยู่ดี เพราะนี่เป็นกฏที่ผู้แพ้จะต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของผู้ชนะ” คำตอบของฉันทำเอาคนตรงหน้าหมดสารรูปไปเลยทีเดียว แต่มันก็สมควรแล้วที่เขาจะต้องชดใช้ทุกสิ่งที่เขาเคยทำกับเธอไว้ ทุกๆ อย่างมันก็เป็นเพียงแค่เกมส์เท่านั้น
เกมส์นี้มีไว้สำหรับนายคนเดียวเท่านั้นแซนไทน์!
สี่ปีก่อนหน้านี้
“นี่ๆ ไอริส ฉันได้ข่าวมาว่ารุ่นพี่แซนไทน์ขอคบกับเธออย่างงั้นเหรอ” เสียงตะโกนที่ดังลั่นส่งผลให้ร่างบางที่กำลังวิ่งเก็บลูกบาสต้องหยุดชะงัก ก่อนจะหันมาส่งยิ้มบางๆ แก้เขินให้เพื่อนสนิทแทนคำตอบ
“จริงเหรอเนี่ย นี่เธอกำลังเล่นกับไฟอยู่รู้ตัวรึเปล่า เขาน่ะร้ายกาจจะตายไป” เนปจูน เพื่อสนิทเพียงคนเดียวในรั้วมหา’ลัยพูดขึ้น ทำให้ฉันต้องหวนคิดถึงคำเตือนที่ได้รับเป็นจดหมายก่อนหน้านี้ จดหมายจ่าหน้าซองถึงฉันแต่ข้างในกลับว่างเปล่านั่น จะเกี่ยวกับเขาคนนั้นด้วยรึเปล่านะ ผู้ชายที่ทำให้ฉันหลงรักตั้งแต่แรกเห็นคนนั้น
แซนไทน์....
“วันนี้ฉันมีนัด ฝากเธอเก็บลูกบาสที่เหลือด้วยนะเนป แล้วเจอกัน บาย!” ฉันตะโกนขึ้นทันทีที่เหลือบไปเห็นเวลาบนนาฬิกาเรือนใหญ่บนหอคอยของตึกเรียนซึ่งกำลังบ่งบอกว่าฉันกำลังจะไปตามนัดสาย
และแน่นอนว่าคนที่เป็นฝ่ายโทรมานัดฉันนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน…เขาคือแซนไทน์ คนที่ใครหลายๆ คนต่างบอกว่าเขาเป็นผู้ชายที่ร้ายกาจ เย็นชา และอันตรายเสียยิ่งกว่าใคร ผู้หญิงเฉิ่มๆ แบบฉันไม่น่าเชื่อเลยนะว่าจะได้มีโอกาสอยู่ในสายตาของเทพบุตรคนนั้นด้วย เหมือนกับฝันไปเลย
ส่วนฉัน ‘ไอริส’ หญิงสาวที่โดดเดี่ยวมาตั้งแต่เกิด ชีวิตฉันเหลวแหลกสุดๆ เพราะทางบ้านที่ไม่ว่าจะเป็นพ่อซึ่งจ้องแต่จะขายฉันให้กับเสี่ยรวยๆ หรือแม่ที่บังคับให้ฉันเข้าไปทำงานที่ผับเพื่อเอาเงินไปเล่นไพ่ในบ่อน จนท้ายที่สุดฉันก็ทนไม่ไหว จึงหนีออกจากบ้าน หางานทำเลี้ยงตัวเองจนกระทั่งได้ทุนมาเรียนต่อที่นี่จนได้
ซึ่งนี่มันก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว ทำไมฉันยังไม่ลืมความทรงจำแย่ๆ พวกนั้นไปอีกก็ไม่รู้สินะ อาจคงเพราะมันคือความจริงที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และแม้ว่าจะพยายามลบแค่ไหนมันก็ยิ่งจะชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น ฉันจึงเลือกที่จะจดจำมันเอาไว้เพื่อสอนใจตัวเองให้เข้มแข็งขึ้น เพื่อวันพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไป!
“ขอโทษที่มาสายค่ะ พี่มานานหรือยังคะ” ฉันกล่าวขอโทษทันทีที่วิ่งมาถึงรถสปอตคันหรูสีเทาที่มีร่างสูงของใครบางคนยืนพิงประตูรถสูบบุหรี่รออยู่ก่อนแล้ว
“ขึ้นรถสิ” คำตอบที่ได้ทำให้ฉันรับรู้ได้ทันทีเลยว่าคนตรงหน้ากำลังหงุดหงิด แหงล่ะ เขาเป็นถึงหนุ่มฮอตอันดับหนึ่งของคณะเชียวนะ มีเหรอจะไม่โมโหที่ต้องมายืนรอผู้หญิงธรรมดาๆ อย่างฉันคนนี้ แต่ว่ามันเพราะอะไรกันแน่ เขาถึงได้ขอคบกับฉัน นี่แหละคือสิ่งที่ฉันยังคงสงสัยอยู่
คลับ X
คลับใต้ดินที่อยู่ไกลออกไปจากชานเมืองเป็นสถานที่ที่รุ่นพี่พาฉันมา ตลอดระยะเวลาการเดินทางที่สุดแสนจะยาวนานนั้นเราแทบจะไม่ได้พูดคุยหรือแลกเปลี่ยนเรื่องส่วนตัวกันเลยสักนิด ความเงียบที่เป็นอยู่ทำเอาฉันประสาทเสียไปทีละน้อยๆ จนกระทั่งประตูด้านคนขับถูกปิดลงอย่างแรงทำให้ฉันต้องรีบเปิดประตูและวิ่งตามหลังรุ่นพี่ออกไปติดๆ
“เรามาทำอะไรที่นี่เหรอคะ”
“เข้าไปเดี๋ยวก็รู้เองแหละน่า! ฉันไม่ชอบผู้หญิงพูดมาก เพราะฉะนั้นหุบปากของเธอซะ!” เพราะเสียงตะคอกที่ได้รับกลับมา เลยทำให้ฉันต้องรีบหุบปากของตัวเองลง
“แซนไทน์โว้ย ทางนี้ๆ” เสียงที่ตะโกนเรียกทำให้ฉันต้องชะเง้อหาต้นตอของเสียงนั้นอย่างอดสงสัยไม่ได้ ก่อนจะพบว่าเจ้าของเสียงที่ตะโกนก้องนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรุ่นพี่เจแปน เพื่อนสนิทของพี่แซนไทน์นั่นเอง
“นี่ไอริส ส่วนนั่นไอ้เจแปน มันคือคนที่ทำให้เธอต้องเข้ามาวุ่นวายในชีวิตของฉัน” เขาแนะนำแบบส่งๆก่อนจะตวัดมามองฉันด้วยหางตาอยู่ครู่จากนั้นก็หันเหความสนใจไปที่เพื่อนสนิทแทน
“คะ? ว่าไงนะคะ”
“ฉันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ว่ะไอ้เจ แกน่าจะสั่งให้ฉันไปตายยังจะง่ายซะกว่านะเว้ย” คำสบถที่ฉันยังไม่เข้าใจของรุ่นพี่เรียกเอาเสียงหัวเราะของพี่เจแปนได้อย่างดีเยี่ยม จนฉันอดจะรู้สึกไม่ได้เลยว่าตัวเองเริ่มจะกลายเป็นตัวตลกของพวกเขาเข้าไปทุกที
