บทที่1
“ทั้งหมดสามร้อยสิบสี่บาทค่ะ”
“นี่ครับ ไม่ต้องทอน”
ผมรีบยื่นเงินให้พนักงานสาวสวยก่อนจะรีบอุ้มเจ้าหนูเนเวอร์ออกมาจากคาเฟ่ เมื่อเริ่มจะมีบางคนหันเหความสนใจมาที่เราสองคนแล้ว ให้ตายสิวะ นี่มันวันซวยอะไรของผมกันแน่เนี่ย
“ไม่กินด้วยกันเหรอครับ” เสียงใสถามขึ้น ก่อนที่มือเล็กจะยื่นเค้กในมือมาจ่อปากผมทันทีที่ถามจบ ดวงตากลมโตที่จ้องมองมาทำให้ผมต้องส่ายหน้าแทนคำตอบ แต่เมื่อเห็นว่าพยายามของเด็กคนนี้ยังไม่สิ้นสุด ผมต้องต้องเปิดปากพูดอีกครั้งเสียงแข็ง...
“ฉันไม่ชอบกินเค้ก”
“ทำไมล่ะครับ”
“ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น คนเราทุกคนล้วนแต่มีของที่ชอบหรือไม่ชอบกันทั้งนั้น”ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดเต็มที่
สิ่งที่ไม่ชอบอีกอย่างของผมก็คือ..คำถาม!
และเจ้าเด็กคนนี้ก็กำลังป่วนประสาทผมอยู่! จะทำยังไงกับเจ้าหมอนี่ดีนะ ไอ้ครั้นจะทิ้งไว้ตรงนี้ก็ทำไม่ลงเมื่อหันไปมองสายตาออดอ้อนคู่กลมคู่นั้นเข้า เอาเป็นว่ากลับไปรอที่เดิมที่เราเจอกันก็แล้วกัน บางทีตอนนี้แม่ของเด็กนี่อาจจะกำลังรออยู่ก็ได้!!
“อยู่คนเดียวไม่เหงาหรอครับ” คำถามที่น่าเบื่อดังขึ้นอีกครั้งหลังจากเจ้าหนูกินเค้กในมือจนหมด
“ไม่”
“ทำไมล่ะครับ”
“ฉันชอบอยู่คนเดียว”
“แต่ผมไม่ชอบให้คุณอยู่คนเดียว ที่ผ่านมาคงจะเหงามากเลยสินะครับ โอ๋ๆ ต่อไปนี้จะไม่เหงาแล้วนะ” สิ้นประโยคที่ฟังดูน่ารัก แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกอย่างเหวี่ยงเด็กในอ้อมกอดลงพื้น เพราะเจ้าหนูนี่ไม่ได้พูดเปล่า แต่กลับเอื้อมมือมาคล้องคอผมแน่นขึ้น พร้อมกับโน้มหน้ามาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ตามอำเภอใจ
ให้ตาย...นี่มันวันซวยอะไรของผมกันวะเนี่ย!
คอนโด
“ทำไมกลับมาช้าจังเลยคะ” เสียงหวานดังทักทายก่อนร่างบางในชุดเดรสสีแดงจะปรากฏต่อหน้าผมที่โซฟาห้องรับแขก ใบหน้าอ่อนหวานที่ถูกแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ ดวงตากลมกลมโตที่มีขนตาหนาเป็นแพที่ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล...ริมฝีปากบางที่ทาด้วยลิปสีส้มอ่อนๆ คลี่ยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อได้เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจของผมเข้า
รอยยิ้มที่ดูสะใจและมีความสุขในคราเดียวกันแบบนั้นมัน
ทันทีที่ได้เห็นใบหน้าของเจ้าของเสียงหวานจับใจจนผมลืมไม่ลง ก่อนจะค่อยๆ ตั้งสติวางเจ้าเด็กน้อยที่กำลังหลับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวลงที่โซฟา เพื่อจะได้มองคนตรงหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และนั่นทำให้ผมปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหญิงสาวที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้ากันนี้ ทำให้ร่างกายของผมแทบจะแข็งเป็นหินไปในทันทีที่พบหน้าเธอ
แม้ว่าจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน...แต่ผมก็ไม่เคยลืมดวงตาแสนเศร้าคู่นั้นของเธอได้เลยสักวัน!
“พอดีฉันใช้กุญแจสำรองไขเข้ามา คุณคงไม่ว่ากันนะคะ”
“…”
“จริงสิ เกือบลืมแนะนำไปเลย คุณคงจะได้เจอแกแล้ว นั่นคือเนเวอร์ค่ะ แกเป็นลูกชายของเรา!”
“ไอริส!”
“ทำไมเธอ…”
“ไม่เจอกันนานเลยนะคะ ดีใจจังเลยที่คุณจำชื่อฉันคนนี้ได้ด้วย” ฉันพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินเลี่ยงเดินหนีออกมาที่ระเบียงห้อง
“ไม่คิดจะเล่าให้ฉันฟังเลยรึไงว่าทำไมเธอถึงกลับมาตอนนี้…ในเมื่อจดหมายนั่นบอกไว้แล้วว่าจะต้องให้ฉันเป็นคนหาเธอให้เจอด้วยตัวเอง” แซนไทน์พูดขึ้นก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอย่างใจเย็น
“เวลาหงุดหงิดนี่นายยังชอบสูบบุหรี่เหมือนเดิมเลยนะ”
“ตอบคำถามฉัน!” ความใจเย็นเมื่อสักครู่หายไปทันตาเห็นเมื่อถูกย้อนถามด้วยท่าทีกวนประสาท ดวงตาคมกริบที่กำลังจ้องมองมานั้นไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อยแต่ในทางกลับกัน...แบบนี้สิมันถึงจะยิ่งสนุก!
“ฉันก็แค่เบื่อ ที่จะเล่นซ่อนหากับนายแล้วมันก็เท่านั้นเอง”
“หึ! จู่ๆ เธอก็จากไปโดยทิ้งจดหมายงี่เง่านั่นเอาไว้ เธอต้องการอะไรกันแน่!!”
“นั่นสินะ...แล้วนายคิดว่าไงล่ะ” ฉันย้อนถาม ก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินกลับเข้าไปด้านในเพราะบรรยากาศข้างนอกในตอนนี้ชักจะเริ่มไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็ยังช้ากว่าอีกคนค่อนข้างมาก
“แล้วเด็กคนนั้น ตกลงว่ายังไง”
“เนเวอร์แกเป็นเด็กน่ารักนะว่าไหม”
