4 Boy Friends(2)
ฉันนิ่งไป แคมม์หวาดหวั่นกว่าเดิม แต่เมื่อฉันตอบออกไปเขาก็ยิ้มโล่งออกมา “ฉันไม่เคยกินกาแฟที่ไหนอร่อยแบบนี้เลย”
“ล้อเล่นหรือเปล่า แค่กาแฟคาราเมลธรรมดาๆ”
“กาแฟคาราเมลเหรอ อร่อยจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดที่ฉันได้กินกาแฟใส่คาราเมล” ฉันคิดแบบนั้นจริงๆ รู้ตัวทันทีว่าอาจชอบกาแฟชนิดนี้แบบลำเอียงเพียงเพราะมันเป็นกาแฟที่แคมม์เลือก
“งั้นรอที่นี่นะ” แคมม์ลุกเดินไปที่ซุ้มขายกาแฟเล็กจิ๋วหน้าตาน่ารักข้างตึก ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกาแฟแก้วใหม่ในมือ แล้วมือสีขาวงดงามก็ยื่นแก้วให้ฉัน “สำหรับเพื่อนใหม่ ยินดีต้อนรับเข้าแก๊งนะ”
ยิ้มของเขาทำให้สายลมเคลื่อนไหวทั้งที่เมื่อครู่นิ่งงัน อย่างเชื่องช้า...ฉันยื่นมือไปรับกาแฟแก้วนั้น “ขอบใจ แคเมรอน”
แล้วแคมม์มองเลยหลังฉันไป “เซธ เรียนอะไรมา? ”
“เมคาทรอนิคส์” คนที่เพิ่งมาถึงตอบ
“หือ? หน้าอย่างนายเรียนวิศวะ?” ฉันร้องเสียงสูง
“เซธเรียนเก่งนะ” แคมม์โฆษณาเพื่อน “เขาต้องคอยติวคณิตศาสตร์ให้ฉันอยู่เรื่อย เราก็เลยสนิทกันมาก”
“พ่อของฉันเป็นเพื่อนกับพ่อของแคมม์ เราก็เลยสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก เราเหมือนโตมาด้วยกัน ฉันไปเล่นบ้านแคมม์แทบจะทุกเสาร์” เซธอธิบาย
“สนิท...” ฉันมองแคมม์ที่ยืนเคียงข้างเซธอย่างพิจารณา พวกเขาหล่อเหลาจนหน้าทึ่ง ถึงจะต่างกันแบบสุดขั้วก็ตาม แคมม์ดูหล่อเหลาราวกับภาพวาดที่งดงาม แต่เซธดูเท่ แกร่ง และเนี้ยบราวกับนายแบบระดับโลก ถึงออกจะดูดิบและน่ากลัวอยู่บ้าง นั่นก็เพราะไม่มีใครเคยเห็นเซธยิ้มเลย ริมฝีปากงดงามของเขาเรียบเป็นเส้นตรงเสมอ “พวกนายไม่ใช่แฟนกันใช่ไหม? ”
คำถามของฉันทำให้พวกเขาแทบหงาย แคมม์หัวเราะออกมา แต่เซธทำหน้าเหมือนอมนมบูดเข้าไป เขาตวาดจนฉันสะดุ้ง “มองอะไร! หรืออยากตาย? ”
ฉันหมอบเอามือกุมหัวเหมือนเครื่องบินจะตก แต่เซธกลับไม่ได้ตะคอกฉันอย่างที่เข้าใจ เขากำลังคุ้มกันฉันจากสายตาของนักศึกษาชายสามคนที่มาเดินป้วนเปี้ยนและส่งตาหวานมาต่างหาก
“หวา เปล่าครับท่าน” พวกเขากลัวจนตัวสั่น
“งั้นก็รีบไสหัวไป! ”
“รับทราบครับ” แล้วพวกนั้นก็วิ่งแน่บไป ฉันยิ้ม มั่นใจเต็มร้อยว่าเมื่ออยู่เคียงข้างเซธและท่ามกลางร่างสูงใหญ่ของเพื่อนๆ ในแก๊ง ฉันจะปลอดภัยราวกับไข่ในหิน
แต่ถึงพวกนึกศึกษาชายปอดแหกพวกนั้นจะไปไกลแล้วก็ยังไม่อดตัดพ้อ “แค่มองก็ไม่ได้ ท่านเซธใจร้าย”
“อยากโดนกระทืบใช่ไหม...” เสียงของเซธฟังเลือดเย็น ทำให้พวกนั้นวิ่งเตลิดไปจนไม่เห็นเงา
“นายใจร้ายจังเซธ พวกนั้นก็แค่อยากมองนายกับแคมม์ไม่ใช่หรือไง” ฉันล้อ
“ไม่ใช่” แคมม์บอก “พวกเขามองเธอต่างหาก วิคกี้”
“หา? มองฉัน?” ฉันร้องอย่างไม่เชื่อหู
“อย่านึกว่าเพราะตัวเองสวยเป็นอันขาด เพราะถึงจะหน้าตาน่าเกลียดหรือหน้าเหมือนลิง แต่เป็นผู้หญิงคนเดียวแบบนี้ก็ต้องถูกมองอยู่ดี” เซธว่า
“เซธ นายพูดด้วยอวัยวะส่วนไหน” ฉันทุบเซธแรงๆ
“ทำเป็นพูดไป ยังไงก็ต้องถือว่าวิคกี้สวยสุดในโรงเรียนไม่ใช่หรือไง นายมันก็แค่ปากแข็ง” เคนตันที่เพิ่งมาถึงปรามเซธทันที และเมื่อฉันหันไปก็พบว่าเพื่อนในแก๊งทุกคนมากันครบแล้ว
พวกเรานั่งๆ นอนๆ คุยเล่นกันในสนามหญ้า บรรยากาศรอบข้างสวยสดใสราวกับภาพวาด พื้นหญ้าหนานุ่มและเย็นเฉียบเมื่อเกลือกกลิ้ง อากาศโปร่งโล่ง ท้องฟ้ากว้างเหนือขึ้นไปอาบสีครามเข้มสะดุดตา ตัดด้วยหมู่เมฆสีขาวราวกับฝูงแกะที่เปล่งสว่างราวกับเรืองแสง ลมพัดเย็นแทรกเข้ามาในเสียงพูดคุยและหัวเราะของเรา และเลาะผ่านไปตามเส้นผมสีดำสนิทของแคเมรอน...
ฉันเผลอมองเขาอีกแล้ว...
“แสงเงาตรงนี้สวยดีนะ มาถ่ายรูปกันดีกว่า” ฉันลุกวิ่งไปหานักศึกษารุ่นน้องคนหนึ่งที่กำลังเดินอยู่บนไม้ต่อขาสูงหลายเมตรเพื่อยื่นมือถือให้ เขาคงเตรียมซ้อมเดินขาไม้ในงานพาเหรดชาวนา “ถ่ายรูปให้หน่อยได้ไหมคะ”
แล้วฉันก็วิ่งกลับมาที่กลุ่มเพื่อน
“หนึ่ง...สอง...สาม ชีส...”
แชะ
“โอเคไหมฮะ” คนถ่ายยื่นมือถือห้ฉันดู
“วะ...ว้าว” รูปในมือถือทำให้ฉันตื่นเต้น “เยี่ยมมากเลย ขอบใจนะ”
แล้วฉันก็ยิ้มกว้างให้รุ่นน้องที่ถ่ายรูปให้ แต่เขากลังหน้าแดงแล้วค่อยๆ หงายไปข้างหลัง
โครม! เขาหล่นจากไม้ลงไปนอนหงายอยู่บนหญ้า ทำเอาเพื่อนร่วมแก๊งของฉันหัวเราะกันใหญ่จนคนตกไม้วิ่งหนีแก้เขินแทบไม่ทัน ฉันเอียงหัวงงๆ ก่อนจะก้มลงมองภาพบนสกรีนอีกครั้ง แล้วฉันก็อดยิ้มไม่ได้
รูปที่ถ่ายออกมาเป็นภาพมุมเงยของพวกเราที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้าอย่างมีชีวิตชีวา ทว่าทั้งที่เพื่อนทุกคนทำตัวตามสบาย รูปที่ได้กลับดูราวกับรูปถ่ายของกลุ่มนายแบบของมืออาชีพที่เด่นสะดุดตา พวกเขาหน้าตาดีเกินไป มีเสน่ห์เกินไปจนน่าอิจฉา โดดเด่นไปคนละแบบแต่รวมกันแล้วลงตัวอย่างน่าประหลาด เพื่อนทุกคนของฉันหล่อเหลาไร้ที่ติในแบบของตัวเอง
แคเมรอน ชายที่ดูราวกับใบเมเปิ้ลในฤดูร้อนบนท้องฟ้าสีฟ้าจัด ฟากฟ้านั้นสูงลึกล้ำและแสนห่างไกล
นิกิต้ากับรอยยิ้มบางเหมือนกับเจ้าชาย ดูงดงามราวกับกิ่งเมเปิ้ลเปลือยเปล่าใต้แสงจันทร์ในคืนเยือกเย็นที่หิมะโปรยปราย
แซค ชายที่ดูสดใสราวกับใบเมเปิ้ลสีเขียวที่เริงระบำในเสียงหัวเราะของสายลมฤดูร้อน
เซธ ชายที่ดูหล่อเหลาและโดดเด่นอย่างน่าประหลาดใจ ดูแกร่งและเคร่งขรึมราวกับใบเมเปิ้ลสีแดงหม่นของฤดูใบไม้ร่วง
และเคนตัน ชายหน้าตาดีไร้ที่ติ เขาดูน่ามองราวกับใบเมเปิ้ลสีเขียวอ่อนในฤดูใบไม้ผลิที่แสนสดใส
แต่ที่รูปนี้ดูดีได้อย่างไม่น่าเชื่อก็เพราะเพื่อนทุกคนของฉันเกิดมาเพื่อที่จะถ่ายรูปออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบในทุกเวลา เพราะฉะนั้นถึงไม่ปรับแต่งอะไรรูปนี้ก็เป็นรูปของกลุ่มผู้ชายที่หน้าตาดีที่สุดอย่างปฏิเสธไม่ได้
แล้วเสียงของแคมม์ก็ทำให้ฉันต้องเงยขึ้นจากรูปในมือของตัวเอง
“เฮ้เพื่อน ฉันต้องไปแล้ว ไว้เจอกัน” อยู่ๆ แคมม์ก็ลุกขึ้นสะพายกระเป๋าแล้วเดินออกไป
“อ้าว” ฉันออกจะผิดหวัง “แคมม์จะรีบไปไหนเหรอ”
“ไปหาแฟน” เคนตันบอก
“ฟะ...แฟน!? ” ฉันตกใจเหมือนถูกฟ้าผ่า
“ตกใจอะไรล่ะ” เซธถาม
“อะ...เอ้อ...อ่า...เปล่า”
ฟังไม่ผิดร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะฉันเป็นชาวคาเนเดียนที่พูดภาษาอังกฤษ และทุกคนที่นี่ก็เป็นชาวคาเนเดียนที่พูดภาษาอังกฤษ แคเมรอนมีแฟนแล้ว ฉันไดยินชัดเจน
ทุกอย่างจบลงแล้ว จบบริบูรณ์ เกมโอเวอร์ ดิเอนด์ จบแบบไม่มีภาคต่อ
“หัวเราะอะไรเหรอวิคกี้”
จบตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ
“ฮ่าๆๆๆ”
หลังอกหักจากแคมม์ตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มฉันก็เดินกลับบ้าน แซคมาส่งฉัน บ้านของเราอยู่ย่านดาวน์ทาวน์ใกล้วิทยาลัยเหมือนกัน อาร์เธอร์เป็นเมืองเล็กๆ ที่สงบและน่าอยู่ เพราะอย่างนั้นถึงออกจะเป็นเรื่องแปลกและรับไม่ได้ที่จะมีแก๊งอันธพาล และเพราะเหตุผลนั้นเพื่อนๆ ถึงได้จัดเวรมาส่งผู้หญิงคนเดียวอย่างฉันเพื่อความปลอดภัย และถึงฉันจะเกรงใจจนอยากปฏิเสธ แต่ก็ทนเพื่อนๆ คะยั้นคะยอด้วยความหวังดีไม่ได้
เพื่อนๆ ตกลงกันว่าจะเวียนกันมาส่งฉันทุกวันไม่ขาด แซคจะมาส่งบ่อยหน่อยเพราะบ้านอยู่ใกล้ รองลงมาก็คือเคนตันเพราะบ้านของเขากับฉันห่างกันแค่สามบล็อคเท่านั้น ฉันรู้สึกเหมือนเพื่อนๆ ทุกคนทำตัวเป็นองครักษ์ของฉันเลย
พูดถึงเรื่องแคเมรอนฉันคิดว่าตัวเองน่าจะหายอกหักจากเขาได้ง่ายๆ เพราะฉันเพิ่งแอบชอบเขามาได้ไม่กี่วัน และนิสัยส่วนตัวของฉันเองก็เป็นคนทำใจง่าย ฉันไม่ชอบจมอยู่กับความเศร้าหรือยึดติดกับสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ ฉันดีใจด้วยซ้ำที่รู้ว่าเขามีแฟนตั้งแต่วันแรกๆ ฉันจะได้ตัดใจทัน
จริงอยู่ที่การมีเพื่อนตัวสูงเดินมาเป็นเพื่อนเพื่อกันอันธพาลเป็นเรื่องดี แต่ก็มีบางอย่างที่ฉันไม่ชอบอยู่เหมือนกัน ฉันไม่สนุกเลยกับการตกเป็นเป้าสายตาของผู้หญิงด้วยกัน ผู้หญิงทุกคนที่เดินผ่านเราจะต้องมองแซคจนเหลียวหลังเพราะเขาหล่อแบบไม่เกรงใจใครหน้าไหน แล้วฉันก็ไม่พ้นถูกมองไปด้วยเพราะเดินมาด้วยกัน พูดง่ายๆ ก็คือการเดินข้างผู้ชายหน้าตาดีทำให้ฉันเกร็งเหมือนกำลังเดินอยู่กับดารา
การที่แซคเดินมาส่งฉันอย่างไม่อิดออดแบบนี้ทำให้ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนดีมาก เขาไม่แค่มาส่งฉันถึงหน้าบ้าน แต่ยังยืนรอดูให้แน่ใจว่าฉันหากุญแจบ้านเจอและเปิดเข้าบ้านได้ หลังจากนั้นเขาถึงจะค่อยลาไป
“ขอบใจนะ บาย...”
