บทที่ 3 “ฉันขอร้อง” (1)
- 3 -
“ฉันขอร้อง” (1)
“คุณเธียร์คะ มีบริษัทใหญ่ติดต่อเสนอให้เราเสนอสร้างโครงการคอนโดให้กับเขาค่ะ” เสียงของเลขาสาวเอ่ยขึ้นกับคนที่กำลังนั่งทำงานที่โต๊ะทำงานด้วยความเคร่งเครียด
คาเธียร์เงยหน้าขึ้นพร้อมกับทำหน้าแปลกใจซึ่งหน้าที่นี้รองประธานอย่างเธอไม่ต้องสนใจเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมเลขาของเธอถึงได้ดูสนใจมันนัก
“มีอะไรรึเปล่าคะคุณเซีย”
“ดิฉันเห็นว่านี่เป็นโอกาสทองที่คุณเธียร์จะคว้าไว้นะคะ ถ้าคุณดูแลงานนี้เองดิฉันว่าต้องเป็นผลงาน ท็อปของบริษัทในปีนี้เลยค่ะ” เลขาสาวเอ่ยด้วยรอยยิ้มมุ่งมั่นทำให้คาเธียร์คิดตามสิ่งที่เธอพูด
หน้าที่ของรองประธานอย่างเธอในบริษัทหยางแห่งนี้ก็คือบริหารบริษัทให้ดีและหน้าที่รองสำหรับการเป็นลูกสาวคนโตก็คือการเอาชนะคำดูถูกที่พ่อเธอเอ่ยบอกเช้าเย็นว่าเธอนั้นยังทำงานได้ไม่ดีตามที่ต้องการ
“แล้วฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่ายังไง”
“ตอนนี้กำลังประชุมกันอยู่ค่ะ แต่ยังไม่มีใครรับหน้าที่เพราะรู้ว่ามาเจ้าของบริษัทนั้นโหดและดุมาก เรื่องงานนี่ตามจิกเป็นไก่เลยล่ะค่ะ”
“ก็ปกติของลูกค้าไม่ใช่รึไง ใครๆ ก็ต้องอยากได้สิ่งที่ดีที่สุดทั้งนั้น” คาเธียร์ตอบอย่างไม่ใส่ใจ เธอเองก็เจอลูกค้ามาหลากหลายรูปแบบและเธอก็เข้าใจความประสงค์ของลูกค้าดี
“แปลว่าคุณเธียร์จะดูแลงานนี้เองใช่ไหมคะ” เลขาสาวเอ่ยด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“แน่นอน เตรียมประชุมแผนได้เลย” คาเธียร์ยกยิ้มขึ้น ซึ่งเธอเองก็อยากจะลงมือเองเช่นกัน เธอจะทำให้รู้ไปเลยว่าเธอนั้นมีความสามารถมากแค่ไหน
ภายในห้องประชุมที่ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบและความตึงเครียดโดยที่ผู้บริหารสาวนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะพร้อมกับแฟ้มเอกสารที่วางอยู่ตรงหน้า เธอจัดเตรียมงานที่จะประชุมไว้เป็นอย่างดีเนื่องจากเธอเองก็คาดหวังกับผลงานชิ้นนี้อย่างมาก
“ทุกคนคงทราบแล้วว่างานนี้เธียร์จะดูแลเอง เธียร์อยากขอความร่วมมือกับทุกคนช่วยให้งานนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีนะคะ”
“ครับ / ค่ะ” เสียงของพนักงานเอ่ยตอบรับรองประธานสาวอย่างหนักแน่น
“เธียร์อยากทราบถึงปัญหาของการเริ่มงานชิ้นนี้ค่ะ ว่ามีจุดแข็ง จุดอ่อนอย่างไรบ้าง เราจะได้ช่วยกันหาทางออก”
“ขออนุญาตนะคะ” เสียงของหนึ่งในพนักงานลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเดินออกไปนำเสนอหน้าห้องประชุมก่อนที่ไฟในห้องจะมืดลงพร้อมกับหน้าจอโปรเจคเตอร์ที่ฉายขึ้น
“จากที่ได้วิเคราะห์และได้ประชุมหารือกับทีมงานของเราแล้วนะคะ ดิฉันจะขออธิบายดังนี้ค่ะ เริ่มจากจุดแข็ง ถ้าหากเรารับโครงการนี้บริษัทของเราจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของประเทศนำบริษัทคู่แข่งค่ะ เพราะโครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการที่ใหญ่มาก หากเราไม่รับงานนี้แน่นอนว่าลูกค้าจะต้องไปจ้างบริษัทคู่แข่งแน่”
“แล้วทำไมเขาถึงเลือกเราไว้ตั้งแต่แรกล่ะ”
“ในช่วงปีก่อนทางลูกค้าเคยว่าจ้างบริษัทคู่แข่งแต่ทำพลาดค่ะ ลูกค้าเลยฉีกสัญญาลงทันที และนี่เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะทำให้ลูกค้าเชื่อใจเราได้...”
“...ต่อไปเป็นจุดอ่อนนะคะ ตอนนี้เรามีปัญหาในเรื่องเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งค่ะ ทางลูกค้า รีเควสมาว่าอยากได้สไตล์โมเดิร์นแต่ก็ยังไม่ถูกใจกับบริษัทที่เราเสนอไป”
“แต่บริษัทเฟอร์นิเจอร์ที่เราเซ็นสัญญาด้วยก็อันดับต้นๆ ของประเทศทั้งนั้นเลยนะ” คาเธียร์ขมวดคิ้วยุ่ง
“ลูกค้าอยากได้ของบริษัท ALAN ค่ะ”
“ALAN เหรอ...” คาเธียร์เอ่ยเสียงแผ่วเมื่อพูดถึงชื่อบริษัท
“...อืมบริษัทนี้ก็น่าสนใจนะ เห็นว่าได้รับหลายรางวัล”
“ปัญหาอยู่ตรงนี้แหละค่ะ ทางบริษัท ALAN ติดต่อดีลยากมากค่ะ เพราะส่วนมากจะส่งออกให้กับลูกค้าต่างประเทศ เห็นมีคนบอกว่าเจ้าของบริษัทที่ติสท์มากเลยนะคะ”
“งั้นช่วยหาเบอร์ของเลขาเขาไว้ให้เธียร์หน่อยนะคะ เดี๋ยวเธียร์จะลองคุยเอง”
“ได้ค่ะคุณเธียร์”
@ALAN MODERN - LIFE
หญิงสาวยืนอยู่หน้าบริษัทเฟอร์นิเจอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยความลำบากใจ เธอผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะก้าวขาเดินเข้าไปด้านในเพื่อจัดการธุระสำคัญ
คาเธียร์ได้ติดต่อไปกับเลขาของเจ้าของบริษัทโดยตรงและนัดพบกับเขาซึ่งเธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเอ่ยขอ จนในที่สุดทางนั้นก็ตอบรับและให้วันนัดกับเธอคือวันนี้
“ดิฉันมาขอพบท่านประธานค่ะ ได้นัดไว้แล้วเวลาบ่ายโมง” คาเธียร์เอ่ยกับประชาสัมพันธ์อย่างเป็นมิตร
“ให้บอกว่าใครนัดพบคะ”
“คาเธียร์ รองประธานบริษัทหยางค่ะ”
“สักครู่นะคะ...” พนักงานกดโทรศัพท์ต่อสายตรงไปยังห้องประธานบริษัทและพูดคุยบางอย่าง
“...คุณคาเธียร์คะ ท่านประธานรอคุณอยู่ที่ห้องรับรองแล้วค่ะ ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นสิบเก้าได้เลยนะคะจะมีเลขาส่วนตัวของท่านประธานรอรับอยู่ค่ะ”
“ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินไปลิฟต์ตัวหรูและกดไปยังชั้นสิบเก้าที่ตามพนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์บอก
ร่างบางถอนหายใจออกมาด้วยความประหม่า เธอเองก็กังวลไม่น้อยว่าการเจรจาครั้งนี้จะสำเร็จไปได้ด้วยดีหรือไม่ เธอลงทุนมาคุยงานเองแบบนี้ก็ยอมหวังผลตอบรับในทางที่ดีอยู่แล้ว
ติ๊ง!
ไม่นานลิฟต์ก็หยุดอยู่ที่ชั้นสิบเก้าขาเรียวก้าวออกไปนอกลิฟต์ก็พบกับชายร่างสูงโปร่งสวมสูทยืนโค้งศีรษะลงเมื่อเธอเดินออกมา
“ใช่เลขาของท่านประธานรึเปล่าคะ”
“ใช่ครับ ตามผมมาทางนี้เลยครับท่านประธานรออยู่ที่ห้องแล้ว” คาเธียร์พยักหน้ารับและเดินตามร่างสูงไปยังห้องห้องหนึ่ง
คนเป็นเลขาเคาะประตูสามทีก่อนที่เจ้าตัวจะเปิดประตูและผายมือให้คาเธียร์เดินเข้าไปด้านใน ร่างบางเดินเข้าไปพร้อมกับเตรียมคำพูดมาอย่างถี่ถ้วนเธอเองก็หวังว่าการคุยกับเจ้าของบริษัทที่มากความสามารถแบบนี้จะสำเร็จไปตามที่หวังเช่นกัน
ใบหน้าเธอก็ยังไม่เคยเจอะเจอ เคยเห็นแค่ชื่อเสียงเรียงนามตามนิตยสารและหนังสือพิมพ์รายวันของวงการธุรกิจก็เพียงเท่านั้น
เมื่อเข้าไปก็พบว่าคนที่ต้องการเจอนั้นนั่งหันหลังอยู่ที่เก้าอี้ เมื่อประตูปิดลงทำให้คนตรงหน้าค่อยๆ หันเก้าอี้มาหาเธอช้า
คาเธียร์บีบมือตัวเองแน่นเธอได้ยินมาว่าคนๆ นี้เจรจายากเสียยิ่งกว่าประธานาธิบดี คิวงานรัดตัวแถมยังเลือกรับการนัดคุยยากกว่าใคร การที่เธอได้มานัดเจอเขาเพื่อคุยในเรื่องธุรกิจแบบนี้ก็นับว่าโชคดีมากแค่ไหนแล้ว
“สวัสดีครับ คุณคาเธียร์” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มร้ายทำให้คาเธียร์เงยหน้าขึ้นเพื่อกล่าวทักทายคนตรงหน้า
แต่ทว่า...
“นะ...นาย!” ร่างบางชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด เธอชี้หน้าพร้อมกับมองด้วยความตกใจอย่างมาก เพราะคนตรงหน้าเธอคือคนที่จะมาหลอกน้องสาวของเธอและก็คือคนที่จูบเธอที่โรงแรมเมื่อวานนี้!
“ตกใจมากเหรอที่เจอฉัน” อลันเหยียดความสูงและค่อยๆ สาวเท้าเข้าไปหาคาเธียร์
“นะ...นาย! ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่! นายเป็นลูกชายของประธานบริษัทงั้นเหรอ”
“ฉันนี่แหละประธานบริษัท”
