บทนำ 2.1 - สงครามชี้ชะตาโอลิมปัส
เบื้องหน้าพระพักตร์จักรพรรดิ์ปีศาจ ปรากฏคือหุบเขาโอลิมปัสอันใกล้นี่ ปราศจากชีพจรอื่นใด กองทัพอันน่าเกรงขามย่างฝีเท้าหนัก ไม่เคยหยุดพักไม่เคยเหนื่อยล้า นับตั้งแต่เดินทางออกจากเมืองเฮเดน ปีศาจทุกตนพร้อมมากในการรบโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มีแต่ความกระหาย ใคร่ปลิดชีพศัตรูเบื้องหน้า หมายเศียรของเหล่าเทพมามอบให้องค์จักรพรรดิ์
การรบครานี้ มิได้หมายชัยชนะยึดโอลิมปัสเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เศียรของเทพซูสและเทพีเฮร่าคือเป้าหมายของเหล่าปีศาจมากมาย นำมาแลกรางวัลจากองค์จักพรรดิ์ หากปีศาจตนใดนำมามอบให้ได้... จะได้รับอภิสิทธิ์เข้าราชวงศ์ ได้รับเกียรติ เพิ่มพูนพลังเวทย์ ความแข็งแกร่งมากกว่าเก่า เชิดชูวงตระกูลแก่เผ่าพันธ์ปีศาจนั้นๆ
มากกว่าทองคำ [1] ถูกนำมาตีเป็นชุดเกราะนับสิบล้านกว่าตน มันแทบเทียบรางวัลจากจักรพรรดิ์มิได้เลย เมื่อชุดมากมายทั้งหลายเหล่านี้ คือเกราะป้องกันเวทย์จากศัตรูทั้งสิ้น โอกาสรบชนะจึงต้องเน้นโจมตีเป็นหลัก ยิ่งเคลื่อนพลเข้าใกล้มากเท่าใด โอลิมปัสอยู่ไม่ห่างหัตถ์พระองค์
การรบครานี้จักรพรรดิ์ปีศาจ เลือกที่จะประทับบนหลัง มังกรดำ ราชันมังกร [2] ทั้งปวง มีขนาดใหญ่พิเศษกว่ามังกรทั้งหลาย ด้วยมีความชำนาญการศึกและวัยวุฒินับแสนปี เป็นผู้นำทัพมังกรเคลื่อนมาทางนภากาศนับล้าน ยามเมื่อแผ่สยายปีก รอบด้านแวดล้อมไปด้วยความมืดมิด จากปีกมังกรทั้งฝูงมากมาย ปรากฏบนนภากาศบดบังแสงตะวันมืดมิดยิ่งกว่าสุริยะคราส จนไม่เหลือความสว่างให้แก่ทวยเทพ
เจ้าชายเทพบุตรปีศาจ เป็นฝ่ายเลือกเคลื่อนพลเดินเท้า มาพร้อมด้วยสุนัขไฟสามหัวเป็นพาหนะในการควบขับขี่ ดูแลกองทัพภาคพื้นดิน ปรากฏด้วยวรกายดุจเทพบุตรรูปงาม ศึกครานี้เขามิได้จำแลงแปลงกายเป็นทหารเอกรูปลักษณ์ปีศาจกึ่งเอลฝ์กึ่งอ็อคที่น่าเกลียดน่ากลัว เพื่อประกาศให้ประจักษ์ไปทั่วมิติว่า การศึกครั้งนี้สำคัญมากเพียงใด เจ้าชายเชื่อว่าเทพีผู้งดงามองค์นั้น คงจะต้องเตรียมรับการศึกอย่างดีมากกว่าเดิมเป็นแน่แท้
ความคะนึงถึงศึกเก่า เมื่อครั้งเคยได้พบปะอยู่กับนางตามลำพังในป่าครั้งก่อน ผุดขึ้นมาในความทรงจำแล้ว แอบอดกลั้นมิได้ เมื่อแอบสรวลแย้มออกมาเล็กน้อย ต้องรีบซ่อนรอยแย้มสรวลโดยไว รวมไปถึงพระพักตร์เหล่านี้ มิให้พระบิดาสะดุดหทัยได้ว่า แอบคะนึงถึงศัตรูผู้เลอโฉมในเพลาอันมิควร
******
เครื่องหมายสาส์นท้ารบ ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเหนือนครโอลิมปัส เปลวเพลิงสีส้มแดงประกายทองยังคงสว่างสไว พวกเขาเดินทางมาถึงหุบเขาโอลิมปัสได้แล้ว การเคลื่อนพลหยุดลงในทันใด ทัพมังกรทั้งฝูงค่อยๆ บินโฉบวนเวียนอยู่บนนภากาศวนไปมาอย่างช้าๆ
ในขณะที่ราชันมังกร ร่อนลง ณ ยอดเขาที่สูงที่สุด เพื่อพักผ่อนเก็บปีก ปล่อยให้ร่างสง่างามของจักรพรรดิ์ปีศาจก้าวลงจากเรือนกายมังกร... เพียงอีกอึดใจ ร่างใหญ่มังกรดำค่อยๆ หดเล็กลงกลายร่าง จุติกายชายหนุ่มรูปงาม ภายใต้เกล็ดดำเป็นชุดห่อหุ้มทั่วทั้งตัวกายเขา
แววตาดุจมังกรสีดำเป็นประกายหมอกควันไฟไม่เคยดับ เรือนกายประดับไปด้วยเกล็ดมังกรหนาทั้งตัว ดุจเกราะแกร่งห่อหุ้มทั่วร่างกาย ไม่มีอะไรทิ่มแทงเข้ามาได้ เรือนกายแกร่งยืนประทับอยู่เคียงข้างจักรพรรดิ์คู่บัลลังค์ มังกรดำตนนี้มิได้เป็นสัตว์เลี้ยงพาหนะ แต่เป็นผู้ปกป้องนายติดตามอย่างใกล้ชิดที่สุดมิเว้นห่างในยามศึก
“มอบเทพซูสให้ข้าได้ขบเคี้ยวเถอะ เขี้ยวของข้าคมพอจะกลืนกิน พร้อมเผาผลาญกายสวะของมันให้มอดไหม้ สลายไปกับเพลิงลาวาด้วยกระเพาะของข้า มากกว่าจับเป็นมานอนจมใต้ปราสาท อันเต็มไปด้วยธารลาวาของท่าน!!!” มังกรดำในร่างอมนุษย์ขอมอบถวายงานศึกนี้กับพระองค์ก่อนเริ่มศึก กายหนุ่มแน่นงดงาม เต็มไปด้วยมัดกล้าม กายแกร่งราวกับชุดเกล็ดมังกรแนบเนื้อ
“ข้าหมายให้นำเศียรพวกมันมอบให้ข้า เพราะข้ารู้ว่าถึงได้มาพวกมันก็มิวอดวายโดยง่าย... หากเจ้ากลืนกินเทพซูส มันจะไม่เป็นผลดีต่อเจ้านะ เดรก [3] ” น้ำสุรเสียงยังคงพยายามสุขุม แม้ว่าเพลิงร้อนในอกจะลุกโชติช่วงชัชวาลย์ อยากเผาผลาญหุบเขาโอลิมปัส ได้สัมผัสกับความร้อนแรงแห่งธารลาวาอันแท้จริง ยิ่งกว่าขุนเขาระเบิดปะทุ
“น้อมรับบัญชาฝ่าพระบาท!!!” เดรกนอบน้อมรับ รอสัญญาณบุกโจมตี ทลายประตูเมือง เพื่อเป้าหมายเดียว “หมายเศียรเทพซูสและเทพีเฮร่า”
เรือนวรกายรูปงาม ถูกซ่อนใต้ผ้าคลุมสีดำ อันเต็มไปด้วยเกราะหนักหนาใหญ่ ห่อหุ้มเรือนกายแกร่งนั้นไว้ โดยมิมีผู้ใดทำภยันตรายได้ แม้พระพักตร์ยังถูกซ่อนใต้หมวกเกราะ สวมหน้ากากอันน่าเกรงขาม จึงมิมีผู้ใดได้เห็นเรือนพระพักตร์ของพระองค์อีกเลย นับแต่จักรพรรดินีสิ้นพระชนม์
******
บัดนี้แวดล้อมโดยรอบไร้แสงสว่างจากเทพอพอลโล่ [4] ความมืดมิดกำลังครอบงำเยือกเย็นอย่างช้าๆ พร้อมกับเสียงลมหายใจดังแผ่ว หื่นกระหายใคร่ความหิวโหย บัดนี้ทหารทุกนายในสงครามครั้งนี้ พร้อมรบเต็มรูปแบบสุดชีวิต ไพร่พลกำลังแยกตัวแหวกเส้นทางเปิดออก ปล่อยให้ร่างของหมาสามหัวสูงใหญ่ เดินฝ่าออกจากวงล้อมด้านหลัง ปรากฏต่อหน้าทหารหลายพันกองเพลานี้ ไอเปลวเพลิงพ่นแผ่วออกมาจากปากของหมาทั้งสามหัว หอบหายใจเป็นจังหวะอย่างสะพรึง
เรือนวรกายรูปงามกำลังเด่นตระหง่าน เรือนพระเกศาสีทองเป็นประกายสว่างเจิดจร้าในฝั่งแดนสนธยา ความงามจากเขาได้ปรากฏต่อสายตาทุกแสนล้านคู่ ให้ประจักษ์รู้ว่ามีบุตรชายแห่งจักรพรรดิ์ พร้อมดำเนินศึกนี้โดยมิเกรงขลาดกลัวใดๆ สองหัตถ์กำศาตราวุธคู่กาย ถึงสั้นแต่คมกริบดุจมหันตภัยร้าย พร้อมกำบังเหียนคุมพาหนะสามหัว กัดกินพ่นไฟได้อย่างอิสระตลอดเวลา
เบื้องหน้าพระพักตร์เจ้าชายรูปงาม กำลังปรากฏกองกำลังเทพแห่งสว่าง เต็มไปด้วยชุดเกราะสะท้อนแสง พยายามสลายความมืดมิดจากเงาดำของเหล่าฝูงมังกรมากมาย กำลังโบยบินอยู่เหนือโอลิมปัสบนนภากาศ พร้อมทยานลงมาโฉบเนื้อทวยเทพได้ทุกเมื่อ กำลังจะเข้ามาในสนามรบ ราวกับอาหารอันโอชะจานใหญ่ขึ้นโต๊ะ...
กลิ่นอายแห่งความตาย กำลังสร้างความหวาดกลัวให้แก่ฝ่ายทวยเทพ แม้พวกเขาจะยืนประจันกันต่อหน้าเพลานี้ วรกายสะท้าน ภายใต้ความเงียบงันอันมีแต่เสียงวายุพัดผ่านในความเวิ้งว้าง ทัพเทพแอบแสดงความหวาดกลัวจนพระโอษฐ์สั่น ศึกตัดสินชี้ชะตาโอลิมปัส กำลังจะเริ่มขึ้นในเร็วๆ นี้
สัญญาณรบกำลังใกล้เข้ามา... เพลานี้เหล่าแม่ทัพขุนพลใหญ่ และเหล่าทหารหาญทั้งหลายฝ่ายโอลิมปัส กำลังตื่นตระหนกสุดชีวิต เรือนหน้าอันงดงามของพวกเขา กำลังเต็มไปด้วยความกังวลมากมาย หวั่นเกรงต่อทหารฝ่ายตรงข้ามที่มืดดำทมิฬ พวกเขาน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก รอบด้านเงียบงันปรากฏแต่เสียงวายุพลันแผ่วเบา ค่อยๆ หวีดวิวดังขึ้นท่ามกลางสมรภูมิหุบเขาโอลิมปัสนี้ จะมิยอมให้เผ่าพันธ์อื่น ย่างกรายบุกเข้ามาอย่างเด็ดขาด...
เทพีผู้นำทัพ ยืนตระหง่านต่อหน้าแม่ทัพทั้งหลาย พร้อมด้วยฝ่ายทวยเทพอีกมากมาย ยืนเรียงรายหลายแถวพร้อมรบในศึกนี้มิสั่นคลอน หญิงสาวผู้งดงามสวมชุดเกราะหนักเต็มยศ พร้อมลงศึกอย่างมิหวั่นเกรง ไม่ว่าคฑาประจำตัวซึ่งซ่อมมาแล้วกลับมาใช้ได้ดีกว่าเก่า หรือโล่ใหญ่ปกป้องกายจะแข็งขึ้นอีกหลายเท่า นางมิอาจคาดเดาได้เลยว่า ศึกนี้จะรอดพ้นการโจมตีจากทัพปีศาจจากเมืองเฮเดนได้รึไม่...
แม่ทัพใหญ่มิคาเอล [5] อยู่ฝ่ายทัพกองเหนือนภากาศ ต้องเผชิญหน้าปะทะกับเหล่ามังกรหลากเผ่าพันธ์ โบยบินสยายปีกใหญ่ เหนือน่านนภากาศเขตโอลิมปัสมากมายนับไม่ถ้วน สีหน้าเขาเกิดความกังวลแทบกลืนน้ำลายยากยิ่งนัก แม้ยามนี้กายรูปงามภายใต้ชุดเกราะสีทองเต็มยศทุกอณูผิว กับปีกสยายงามสีขาวดุจขนนก กำลังโบกสะบัดกลางอากาศนี้ เหล่าทหารทัพใหญ่ของมิคาเอล ได้แต่แอบเฝ้าภาวนา ขออย่าให้โดนเด็ดปีกจนไม่อาจบินต่อสู้ได้
ขุนพลเทพศึกสงคราม เทพแอรีส มาเป็นฝ่ายทัพหนักภาคพื้นตั้งตระหง่านอยู่หน้าเมือง พร้อมรับศึกการบุกจากฝ่ายตรงข้าม โดยรอคำสั่งจากเทพีผู้เป็นขุนพลหลักในศึกนี้
ในช่วงเพลาก่อนสงครามจะเริ่มในบัดดลนั้น วรกายแสงสว่างจาก เทพซูสและเทพีเฮร่า ผู้ปกครองในหุบเขาโอลิมปัส ปรากฏต่อหน้าเหล่าทวยเทพทั้งหลาย อีกทั้งทัพปีศาจมากมายก็เห็นเป้าหมายของศึกนี้แล้ว พวกเขาพร้อมที่จะเริ่มในเวลาอันเหมาะสม ยามโพล้เพล้ใกล้แสงตะวันจะดับลาลับฟ้า... ดวงตะวันของอพอลโล่ใกล้จะตกสุดขอบโลก ความมืดมิดกำลังจะดำเนินเมื่อราตรีผ่านเข้ามา ศึกใหญ่หลวงก็กำลังจะเริ่มต้น ณ บัดนี้...
******
[1] ทองคำในดินแดนปีศาจแห่งเฮเดน มิใช่สายแร่ทองคำบริสุทธิ์ มันเกิดขึ้นจาก... ปีศาจผู้นิยมชมชอบเนื้อทวยเทพ ออกรบพร้อมฉีกทึ้งกัดกิน ดื่มด่ำกับโลหิตของทวยเทพซึ่งเป็นสีทองคำบริสุทธิ์ เมื่อถูกกลืนกินไปแล้วถ่ายออกมาแล้ว จะกลายเป็นก้อนทองผสมดินผงธุลีมากมาย หากต้องการนำทองคำก้อนเหล่านั้นสร้างชุดเกราะ อาวุธ หรือแม้กระทั่งลงสีเมืองปีศาจเฮเดน จะทำการหล่อหลอม สกัดแยกออกมาด้วยความร้อนของลาวาใต้ปราสาท และมันยังเป็นถ้ำลาวาใหญ่มากใต้เมืองปีศาจเฮเดน การนำโลหิตทวยเทพดั่งสีทองคำบริสุทธิ์มาสวมใส่ ทาร่างกายไว้ เพื่อข่มขวัญทวยเทพให้เสียขวัญยามออกรบ...
[2] มังกรดำ ราชันมังกร คือราชามังกร ผู้นำมังกรทั้งปวง เป็นผู้เลือกไข่มังกรให้แก่ผู้เหมาะสม ไข่มังกรจะเป็นผู้เลือกเจ้าของ และเมื่อมันฟักออกมา มังกรน้อยจะเป็นผู้เลือกเจ้าของ มาเป็นสหายคู่กายร่วมกับราชวงศ์แห่งเฮเดน
[3] เดรก คือ พระนามของราชันมังกรดำ จ้าวแห่งมังกรทั้งปวง
[4] เทพอพอลโล่ บุตรพระองค์แรกของเทพซูสกับเทพีเฮร่า ผู้งดงามดั่งดวงตะวันแรกอรุณ พร้อมกับแสงสว่างจากเรือนวรกายงดงามดั่งทองคำ รูปลักษณ์หนุ่มแน่น เรือนเกศาหยักศกสีทองคำ ดวงเนตรสุกใสดังหยกมรกตเป็นประกาย มีทวนและโล่ทองคำเป็นศาสตราวุธประจำพระองค์
[5] แม่ทัพกองหลักของทัพเทพแห่งโอลิมปัส เป็นฝ่ายสนับสนุนของเทพสงครามแอรีส มีรูปกายงดงาม เรือนพระเกศาแดงเพลิง ดวงเนตรสีเขียว เรือนร่างหนาสูงใหญ่ มีมัดกล้ามแข็งแกร่ง เป็นบุรุษรูปงาม ภายใต้การควบคุมการศึกของเทพสงครามแอรีสโดยตรง นอกจากแม่ทัพมิคาเอลแล้ว ยังมีแม่ทัพอื่นๆ มีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับแม่ทัพมิคาเอล ดั่งทหารกล้าหาญประจำนครโอลิมปัสที่เกงกาจ
