บทนำ 1.2 - ที่มาแห่งสงคราม
ทางด้านหุบเขาโอลิมปัส ห่างไกลจากเส้นทางของมนุษย์ ไม่มีผู้ใดเดินทางมาถึง เหล่าทวยเทพมากมายกำลังวุ่นวายต่อการรับมือศึกครั้งสำคัญ หลังจากมีสาส์นท้ารบจากผู้แทนจักรพรรดิ์ เดินทางมาเพื่อประกาศออกมาอย่างชัดเจน ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นภายในหุบเขาโอลิมปัสมาก่อน ที่แน่ๆ ว่าผู้ครองนครโอลิมปัสอย่างเทพซูส ต้องวิตกกังวลมากเป็นพิเศษกว่าครั้งไหนๆ เมื่อพบการประกาศท้าศึกจนถึงในเมืองตน
เมื่อตัวแทนปีศาจ ผู้นำสาส์นแห่งเมืองปีศาจนามว่า "อิไลจาห์" [5] เดินทางมาถึงหุบเขาโอลิมปัสก่อนล่วงหน้า จำแลงแปลงกายเป็นเหล่าทวยเทพ เดินเข้าไปในหุบเขาโอลิมปัสโดยไม่มีผู้ใดสังเกต เพียงไปถึงจุดหมายควรแสดงสัญลักษณ์นี้ โดยมิต้องเจรจาใดๆ มันคือ สาส์นท้ารบ [6]
ด้วยการแสดงสัญลักษณ์ หมอกควันไม่มีวันจางหาย ปรากฏบนนภากาศ ใจกลางเมืองโอลิมปัสในครานี้ มันคือรูปควันประจำสัญลักษณ์แผ่สยายไปทั่วนภากาศ รูปลักษณ์ราวกับมีชีวิตปรากฏเปลวเพลิงลุกโชติช่วงบนนภากาศ คำรามข่มขวัญผู้รับสาส์น คุกกรุ่นอยู่ตลอดเพลา พวกเขาเหล่าทวยเทพทั้งหลาย มีโอกาสตระเตรียมตัวรับศึกนี้ ก่อนพลบค่ำในอีกสามวันข้างหน้า…
“เพราะเจ้า!!! เฮร่า… เพราะเจ้าแท้ๆ พวกเราจะตายกันหมด เพราะเจ้าตนเดียว… ทำไมเจ้าไม่ยั้งคิดจนเรื่องมันบานปลายเช่นนี้!!!” ความโกรธาของเทพซูส [7] กำลังจะทำให้โอลิมปัสล่มสลาย เพราะการกระทำของเทพีเฮร่า [8] ในครั้งล่าสุดนี้ เหล่าทวยเทพอาจต้องพ่ายศึกแน่
ตราสัญลักษณ์ท้ารบของเผ่าปีศาจ ประกาศบนท้องฟ้าเมืองใด ทวยเทพไม่รู้หนทางกำชัยชนะเลย อาจพ่ายถูกยึดเมืองแน่นอน แม้นเทพซูสพยายามประณีประนอมมาตลอด เพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ในเมืองตน แต่ครานี้เกินกว่าจะรับหัตถ์ไหว เมื่อเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้น เพราะความริษยาของเฮร่า ต่อจักรพรรดินีผู้งดงามมากที่สุดในปฐพีแห่งมิตินี้
“พวกเราไม่มีวันแพ้หรอก อนุชาของข้า!!! เรามีโพรไซดอน [9] และเฮดีส [10] พร้อมด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งสาม [11] เมื่อนำมารวมเป็นหนึ่ง จะไม่มีวันพ่ายศึกแน่นอน… ข้าเชื่อว่าพวกเราแข็งแกร่งกว่าเผ่าพันธ์ใดๆ ในมิตินี้แน่!!!” ด้วยความมั่นใจของเทพีเฮร่า นางมั่นใจว่า โอลิมปัสจะไม่มีวันพ่ายศึกจากพวกปีศาจเหล่านั้น เพราะสูญเสียจักรพรรดินีปีศาจไปแล้ว ขวัญกำลังใจของเหล่าปีศาจแห่งเฮเดนได้หายไปจากมิตินี้ ด้วยหัตถ์นางล่อลวงทำลายจักรพรรดินีจนสิ้นมรณา
“เจ้าต้องวิปลาสไปแล้วแน่ๆ ครานี้พวกเราทุกตนจะต้องพินาศ เพราะความยโสโอหังของเจ้า…” เทพซูสรู้อยู่เต็มวรกาย ว่าการทำศึกรบกับจักรพรรดิ์ปีศาจ หาโอกาสกำชัยชนะนั้นยากกว่าเจรจาขอหย่าศึก ฝ่ายนั้นไม่เคยเจรจาต่อการทำศึกสักครั้ง มีแต่ “รบ” กับ “ไม่รบ”
ความกลัดกลุ้มจับเข้าเศียรจนเส้นพระโลหิต โปนปูดนูนหนา เหนือเรือนพระเกศากระเซิง หลังจากพระหัตถ์ยกขึ้นสางแก้ความเครียดนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่อาจคาดการณ์ได้เลยว่า จะแก้ไขสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร
“เรายังมี เทพีแห่งสงคราม [12] ธิดาของท่านไง อนุชาที่รักของข้า!!! นางคือเทพีผู้รอบรู้ ผู้มากปัญญา ฉลาด เรามีผู้มีนำทัพอย่าง เทพแห่งสงครามแอรีส [13] บัดนี้ถึงเพลาของพวกเขาจะได้พิสูจน์ความภักดีต่อโอลิมปัสแล้ว” เทพีเฮร่าพยายามหาตัวช่วยที่จะมารับมือกับการสงครามที่กำลังจะมาถึงเร็ววันนี้ ถึงกับเยินยอสรรเสริญทวยเทพเพื่อแก้ต่างเหตุของตนที่ได้ก่อไว้
“เจ้าคาดหวังสุดท้ายรึ เฮร่า โธ่พี่สาวข้า พระเชษฐภคินีวิปลาศ (ไอ้พี่สาวบ้า) เจ้าไม่เคยรู้จักจักรพรรดิ์ปีศาจตนนั้นดีพอ เขา!!! คือสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดในมิตินี้ สงครามจากจักรพรรดิ์ปีศาจ ไม่น่าพิศมัยเมื่อครั้งสมัยเราโค่นโครนอส [14] เจ้าไม่เคยหลาบจำรึ? สงครามชิงดินแดนทุกครั้ง มันน่าหวาดกลัวเกินกว่าจะทำให้เจ้าจินตนาการเห็นทุกๆ มิติที่ผ่านมา…เจ้าไม่น่าก่อสงครามที่ไม่มีวันชนะกับเขาเสียแล้ว”
******
ระหว่างนี้ที่เทพซูสกับเทพีเฮร่า กำลังหารือเรื่องการศึกครั้งสำคัญครั้งนี้ อีกวิหารหนึ่งปรากฏเรือนวรกายงาม กำลังเปลี่ยนฉลององค์จากชุดปกติประจำวัน เฟ้นหาเครื่องเกราะป้องกันสีทอง สวมใส่ครบทุกชิ้น ราวกับน้ำหนักของมันยังไม่เท่าความหนักอึ้งในหทัยของนาง ศึกครั้งนี้นางจะต้องทุ่มเททั้งหมดที่มี เพื่อกำชัยชนะมามอบให้บิดา เพื่อหมดกังขาเรื่องลูกครึ่งเทพ กับทวยเทพมากมาย เคยทอดพระเนตรดูแคลนนาง ราวกับเทพีไม่สมบูรณ์แบบเสียที…
อุปกรณ์ทุกชิ้นกำลังประกอบเข้ากับวรกายงาม เรื่องร่างงดงามดั่งเทพธิดาประธานพร วรกายของนางไม่เคยต้องหัตถ์ชายอื่นใด แววเนตรสุกใสมั่นคง ส่งสีม่วงเป็นประกายทอง มองออกไปนอกหุบเขาโอลิมปัส ทอดพระเนตรถึงเงาดำทมิฬ รู้สึกถึงความน่าสะพรึงข่มขวัญแผ่วเบา ราวสัมผัสได้จนถึงโสตประสาททุกๆ อณูขุมขน จนถึงพระอัฐิในวรกายได้
พระหทัยกำลังเต้นแรง สูบฉีดโลหิตรวดเร็วกว่าจังหวะปกติ เรียวพระทนต์ขบกรามแน่น พลันนึกถึงสงครามที่แล้วมาหลายต่อหลายครั้ง ทวีความรุนแรงไม่เคยลดหย่อน ศึกครานี้นางพร้อมสู้ศึกนี้จนสุดหาชีวาไม่ แม้จะต้องยกเทพทั้งหมดในโอลิมปัส พร้อมรบเคียงบ่าเคียงไหล่จนถึงวินาทีสุดท้าย นางจะไม่ยอมหยุดสู้ จนกว่าจะหมดแรงที่มี…
เสียงอุปกรณ์โลหะ ดังรำไรภายในเมืองโอลิมปัส เหล่าเทพน้อยใหญ่กำลังโกลาหลกับสาส์นท้ารบจากเมืองปีศาจ ปรากฏบนนภากาศ ความแตกตื่นย่อมทำให้ผู้คนอยากหนีจากท้าสงครามนี้ แต่พวกเขามิได้รับอนุญาตให้หนีทิ้งเมือง กลับถูกบังคับเกณฑ์สู้รบในสงครามนี้…
เสียงเด็กน้อยลูกเทพกำลังร้องไห้ขวัญกระเจิง เมื่อเห็นพ่อแม่ของตนถูกเกณฑ์เป็นทหารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เหล่าเด็กน้อยซึ่งวัยวุฒิไม่พร้อมรบ จะต้องถูกนำพาไปยังที่ๆ ปลอดภัย รอให้ศึกนี้จบลงคงคำนวนความเสียหายได้มากแน่
เทพีเอสเทีย [15] บุตรีของไกอา [16] พระมาตุจฉาของเทพีอเธน่า [17] กำลังนำทางให้เด็กๆ ทั้งหลายกว่าแสนชีวิต ไปหลบซ่อนในขุนเขาห่างไกลเส้นทางจะพบเจอ รวมไปถึงเทพีดิมิเทอร์ [18] ซึ่งไม่ชำนาญการศึก นางก็ขอลี้ภัยไปกับพวกเด็กน้อยเหล่านั้นเช่นกัน
บางทีศึกนี้อาจจะมีเทพีไม่กี่องค์ ต้องลงสนามในสงครามนัดนี้ นางพร้อมแล้วเพื่อปะทะกับเหล่าทัพปีศาจมากมายนับแสนนับล้าน อีกทั้งทัพมังกรบนนภากาศ มากกว่าแสนตน เมืองโอลิมปัสจะรอดพ้นจากเพลิงพิโรธจากจักรพรรดิ์ปีศาจในครานี้รึไม่… เทพีอเธน่าแอบหวังเพียงเล็กๆ ว่าจะได้รับความปราณี ระหว่างถอนลมหายใจสุดพระปับผาสะ
นางคาดการสถานการณ์ในครั้งนี้แล้ว เหตุเพราะเทพีเฮร่าก่อเรื่องใหญ่ ใครๆ ต่างล่วงรู้ว่าฝีพระหัตถ์นาง บังเกิดสงครามสะท้านมิติ ได้เดินมาถึงเมืองโอลิมปัสในที่สุด เทพีอเธน่าถอดถอนลมหายใจอีกเฮือกใหญ่ หลังจากความคิดในหทัยสร้างความอึดอัดกลัดกลุ้มแทบล้น
หัตถ์งามเอื้อมไปหยิบคฑาวุธประจำตน พร้อมโล่ใหญ่สัญลักษณ์ตนปกป้องภัยประทับเรือนร่าง ในอาภรณ์ของสตรีถือโล่ผู้แข็งแกร่ง วรกายงามเคลื่อนย้ายออกจากห้องส่วนพระองค์ เพื่อไปรวมกันกับทวยเทพองค์อื่น… คงไม่อาจเลี่ยงสงครามครั้งสำคัญชี้ชะตานี้ได้
เทพีอเธน่าไม่อาจตัดสินศึกนี้ได้ว่า โอลิมปัสมีโอกาสรับชัยชนะหรือทางฝ่ายปีศาจจะพ่ายลงอย่างไร… ไม่อาจคะนึงภาพในอนาคตได้เลย… เพียงประตูวิหารเปิดกว้างทั้งสองด้าน ปรากฏแสงอาทิตย์เจิดจ้า กำลังคล้อยลงต่ำลงเรื่อยๆ ไปยังทิศตะวันตก
******
[5] อิไลจาห์ บุรุษผู้ซ่อนรูปภายใต้ผ้าคลุมทึบดำ สามารถจำแลงแปลงกายได้เหมือนชาวเมืองภายในได้โดยมิมีใครสงสัย ดวงตาที่แท้จริงถูกซ่อนไว้ใต้ผ้าคลุมฮู้ด รูปลักษณ์ที่แท้จริงรูปงาม ผิวพรรณขาวเทา เป็นบุรุษผู้มีอายุมาก สัดส่วนรูปลักษณ์ปรากฏเหมือนชาวเมืองปีศาจเฮเดน คือตัวแทนพระองค์ และนำสาส์นจากองค์จักรพรรดิ์ปีศาจ สู่เมืองอื่น หน้าที่ของเขายังทำหน้าที่ทางการฑูต หรือ ส่งสาส์นท้ารบ ตามคำบัญชาขององค์จักรพรรดิ์
[6] สาส์นท้ารบ คือ การแสดงสัญลักษร์ลัญชกรประจำราชวงศ์ ขององค์จักรพรรดิ์ปีศาจ มันเป็นผลึกคริสตัลดำชนิดหนึ่ง ปรากฏรูปลักษณ์ออกมา เมื่อประกาศชัยชนะได้แล้ว มันจะกลายเป็นผลึกเย็นสีดำตกลงสู่ใต้พสุธา กลายเป็นศิลาปีศาจคริสตัลผุดขึ้นมาสูงใหญ่ มีรูปลักษณ์ มีชีวิต อีกทั้งเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ตามใจผู้พิชิตปรารถนาอย่างง่ายดาย
[7] เทพซูส คือบุรุษรูปงามแห่งนครโอลิมปัส แต่เดิมเป็นชายหนุ่ม ผมนุ่มสลวยหยักศกสีน้ำตาลแดงเปลือกไม้ ดวงเนตรสีเขียวมรกต มีอายุยืนยาวไม่มีวันแก่ชรา แข็งแรงรูปงาม มีมัดกล้าม แข็งแกร่ง ดั่งเรือนกายของบิดาเช่นโครนอส ด้วยอุปนิสัยชอบกลั่นแกล้ง สนุกสนานกับการคลุกคลีอยู่กับมนุษย์ ซึ่งต้องคำสาปจากกล่องในมือของแพนโดร่า ทำให้ความมีอายุขัย และความเยาว์วัยของเทพซูสหายไป ทำให้ความหนุ่มแน่นนั้นเสื่อมลงไปตามกาล ปรากฏภาพลักษณ์ของชายสูงอายุ มีหนวดเครา ในวัยชราดั่งมนุษย์ แต่เทพซูสไม่มีวันสูญสลายและม้วยมรณา จึงมีอายุยืนมากและไม่มีหนทางใด ทำให้เทพซูสสิ้นมรณาได้
[8] เทพีเฮร่า เทพธิดาผู้งดงาม มารดาผู้เรืองอำนาจแห่งโอลิมปัส นางคือพี่สาวของเทพซูสและครองคู่กับพระองค์ มีเรือนวรกายงดงาม เรือนพระเกศาสีน้ำตาลแดงเปลือกไม้ ดวงเนตรงามดั่งหยกเป็นประกาย มีอายุยืนเป็นสาวงามอมตะดั่งดรุณีแรกแย้มนัก แต่หลังจากได้ขึ้นเป็นเทพีแห่งนครโอลิมปัส เทพีเฮร่าวิตกหทัยหลายครั้ง เมื่อเทพซูสหนีออกจากโอลิมปัส เพื่อไปสุงสิงกับมนุษย์สาวๆ อยู่บ่อยครั้ง มิได้แค่นอกใจหรือมากภริยาเท่านั้น เทพีเฮร่าหมดพลังอำนาจมากมาย กับการตามหาเทพซูส เหตุเพราะหลงใหลความงามของสตรีมนุษย์อยู่หลายครั้ง จนทำให้เทพีเฮร่าหมดความมั่นใจในความงามของตน กลายเป็นเทพีผู้ริษยาในความสวยงามของมนุษย์เสียเอง ความงามของเทพีเฮร่ามิได้หยุดความชื่นขอบสตรีอื่นของเทพซูสได้เลย
[9] เทพโพไซดอน บุรุษผู้มีพลังอำนาจบังคับมหาสมุทร เป็นน้องชายของเทพีเฮร่า และเทพซูส ผู้ครอบครองเมืองใต้น้ำอีกมิติหนึ่ง เป็นบุรุษรูปงาม มีกายเนื้อแข็งแกร่งเช่นเดียวกับโครนอส บิดาตน มีเรือนพระเกศาสีน้ำตาลแดงเปลือกไม้หยักศก มีตรีศูลเป็นอาวุธประจำกาย หนึ่งในอาวุธยอดเยี่ยมของสามพี่น้องแห่งโอลิมปัส มีอุปนิสัยไม่ต่างมากนักกับเทพซูส ทำให้เรื่องมากด้วยสตรีของเทพโพไซดอนเกิดขึ้นเหมือนๆ กับเทพซูส
[10] เทพเฮดีส เทพแห่งความตาย น้องชายของเทพีเฮร่า และเทพซูส อีกทั้งเป็นหนึ่งในพี่น้องกับเทพโพไซดอน มีร่างกายแข็งแกร่งซ่อนรูปไว้ใต้ผ้าคลุมกาย มีคราดเป็นอาวุธประจำพระองค์ ครอบครองดินแดนสนธยา เมืองแห่งความตายต่างมิติ ทำหน้าที่รับดวงวิญญาณของผู้วายชนม์ มาสู่ดินแดนแห่งนี้ เทพเฮดิส จึงเป็นเทพซึ่งห่างไกลจากเทพตนอื่นๆ มากที่สุด
[11] อาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งสาม ประกอบด้วย หนึ่ง) สายฟ้าของเทพซูส, สอง) คราดของเทพเฮดีส, สาม) ตรีศูลของเทพโพไซดอน เมื่อรวมอาวุธทั้งสามเข้าด้วยกัน จะกลายเป็นอาวุธทรงพลังมาก หลังจากเคยเกิดสงครามโค่นโครนอส ชาวไททันให้หลับใหลภายใต้ขุนเขาอันยาวนาน ปัจจุบันขุนเขาแห่งนั้น ทับร่างของโครนอสเอาไว้อยู่ คือนครโอลิมปัสทับร่างของโครนอสอยู่....
[12] เทพีแห่งสงคราม คือ เทพีแห่งสติปัญญา ผู้รอบรู้ และยังเป็นเทพีแห่งพมหรจรรย์อีกด้วย
[13] เทพสงคราม แอรีส คือเทพสงครามฝ่ายชาย ผู้แข็งแกร่ง ร่างสูงใหญ่ มิเคยหวาดเกรงต่อศัตรูใด วรกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามหนา ราวกับชายงามเลี้ยงกล้ามเนื้อ ดุดัน ด้วยดวงเนตรสีเขียวเข้ม เรือนพระเกศาสีน้ำตาลบรอนซ์ หยักศกสลวยเกือบยาวถึงพระศอ พร้อมด้วยอาวุธประจำกายคือ ขวานด้ามยาวประดับทองคำ เนื้อขวานโค้งคมเดียว กับโล่หนาเป็นเกราะป้องกัน ชุดเกราะประดับลวดลายราวกับสลักชัยชนะของพระองค์ไว้โดยรอบ
[14] โครนอส คือ ชาวไททันที่แข็งแกร่ง หลานของไกอา ผู้หวาดเกรงว่า วันหนึ่งลูกหลานของตน จะแข็งแกร่ง และต้องการกลับมาฆ่าพวกเขา เมื่อโครนอสมีบุตรและบุตรีกับคู่ครองตน จึงได้กลืนกินเหล่าทวยเทพเอาไว้ จนกระทั่งวันหนึ่งเทพซูสได้มีโอกาสช่วยเหลือเหล่าทวยเทพพี่น้องตน รวมพลังกันเพื่อโค่นโครนอสลง จนเกิดโอลิมปัสอย่างสงบสุขมานาน
[15] เทพีเฮสเทีย คือบุตรีของไกอา ได้รับพระนามว่าเป็นเทพีแห่งพรหมจรรย์ ประจำนครโอลิมปัส ผู้มีเรือนเกศาสีน้ำตาลแดงไหม้ พร้อมด้วยดวงเนตรสีน้ำเงินดั่งมหาสมุทร เรือนวรกายงดงาม เป็นที่บูชาของเหล่าชาวเมืองโอลิมปัสที่น่าเคารพพระองค์หนึ่ง นางเป็นเทพีที่รักสงบ จึงไม่ถนัดนักกับการทำสงคราม
[16] ไกอา มารดาทัร้งปวง แห่งทวยเทพแห่งนครโอลิมปัส
[17] เทพีอเธน่า เทพีแห่งสติปัญญา ผู้รอบรู้ ยังเป็นเทพีแห่งสงคราม และครองตำแหน่งเทพีแห่งพรหมจรรย์ เพราะนางมิยอมออกเรือน นางแข็งแกร่งดุจบุรุษ มีเรือนผมเกศาสีม่วงหยักศกสลวยยาวจนถึงเรือนสะโพก พร้อมด้วยดวงเนตรสีม่วงประกายขอบทอง เนื้อนวลนางงามดั่งมนุษย์อมตะ เพราะมารดาของอเธน่าเป็นมนุษย์อมตะที่งดงามมาก แต่หลังจากนางจุติได้ไม่นาน เมืองมนุษย์ต้องคำสาปจากกล่องในหัตถ์ของแพนโดร่า จึงเหลือเพียงนางตนเดียวเป็นเทพีครึ่งเทพครึ่งมนุษย์อมตะตนเดียวในโอลิมปัส
[18] เทพีดิมิเทอร์ เทพีแห่งการเกษตรกรรม บันดาลพืชผลอุดมสมบูรณ์ เป็นดั่งดรุณีวัยแรกแย้ม บริสุทธิ์ผุดผ่อง มีเรือนเกศาสีน้ำตาลไหม้ดั่งเปลือกไม้น้ำตาลแดง หยักศกยาวสวยงามจนถึงกลางเรือนหลังบาง ดวงเนตรสีเขียวมรกตงดงามเป็นประกาย และนางยังเป็นเด็กสาววัยบริสุทธิ์ได้รับการคุ้มครองจากเทพีเฮสเทียอย่างดี เพื่อมิให้เทพซูสพรากพรหมจรรย์นางไปได้
