บทที่ 3 บังเอิญ
คนเลว เขาเป็นใครกันทำไมมาดูถูกฉันได้ขนาดนี้ ถึงฉันจะไม่มีกิน แต่ฉันก็รักศักดิ์ศรีของตัวเองนะโว๊ยยย ฉันได้แต่พึมพำกับตัวเองอยู่หลายครั้ง ในหัวยังคงนึกถึงแต่เรื่องตอนนั้น หลังจากที่กลับมาจากงานมีท เขาขโมยจูบแรกของฉันไป ฉันอยากจะเก็บไว้ให้คนที่ฉันรักมากที่สุด แต่เขา!! เขากลับขโมยมันไปอย่างง่ายดาย น่าเจ็บใจยิ่งนัก!! ฮึ่ยยยยยย!! ทำไมฉันเอามันออกไปจากหัวไม่ได้สักที
และแล้ววันนี้ก็มาถึงโรซี่ที่กำลังโบกมือลาให้ฉันที่สนามบิน นักเรียนที่ฉันรัก (เงิน) มาก กำลังจะไปหาครอบครัวสามเดือน T^T
“เจอกันนะ ครูพราววววว” เธอบอกลาฉันด้วยน้ำเสียงที่สดใส ฉันได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้เธอแล้วโบกมือลากลับ เฮ้อออ ยัยพราวนะยัยพราว แกต้องสู้สิวะ ฉันได้แต่ปลอบใจตัวเอง
“วันนี้จะทำอะไรดีน้าา” ฉันถามตัวเองเบาๆ พร้อมกับเดินไปเรื่อยๆ มองของกินร้านนั้นก็ดี ร้านนี้ก็โดน แต่ก็ได้แต่หักห้ามใจ
กรอกกก กรอกกก↝
งื้ออออ อย่าพึ่งร้องสิ มาม่าก็แล้วกัน ฉันเดินวนหาแฟมิลี่มาร์ทอยู่สักพัก แถวนี้ไม่มีร้านอาหารขายเลย มีแต่คอนโด ตึกสูงๆ เต็มไปหมด คนมันหิวนี่นา ฉันไม่ยอมยืนไส้กิ่วอยู่ตรงนี้หรอก มันต้องมีสักร้านสิน่า!!
“เจอแล้ว!! ร้านอาหาร” ถึงแม้ข้างนอกจะดูเก่าแต่ข้างในดูหรูมากเลยเหมือนไม่ใช่ร้านอาหารด้วยซ้ำแต่มันมีอยู่ร้านเดียวก็ต้องกินรองท้องไปก่อนในร้านตกแต่งสไตล์วินเทจที่มองมุมไหนก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศเก่าๆ เหมาะแก่การเก็บไว้เป็นภาพความทรงจำซะเหลือเกิน
“สวัสดีครับ มากี่ท่านครับ” เสียงของพนักงานต้อนรับทักทายอย่างเป็นกันเองและมันทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย
“เอ่อ นะ หนึ่งค่ะ” ฉันรีบตอบกลับเขาอย่างรวดเร็ว
“เชิญด้านนี้ได้เลยครับ” เขาเชิญฉันมานั่งเก้าอี้อย่างสุภาพก่อนที่ตัวเขาจะเดินไปหยิบเมนูมาให้ ฉันได้ที่นั่งติดมุมหน้าต่าง วิวกำลังดีเลย มองออกไปข้างนอกเป็นถนนใหญ่เห็นรถผ่านไปมาได้อย่างชัดเจน
“คุณผู้หญิงเชิญดูเมนูก่อนได้เลยนะครับ” พนักงานยื่นเมนูให้พร้อมกับรอยยิ้มที่แสนน่ารัก ฉันได้แต่ยิ้มรับ ราคาคงไม่แพงมากหรอกน่าหกสิบ เจ็ดสิบบาทยังไงฉันก็ยอมจ่ายนะเวลานี้ ลองกินอาหารดีๆ สักมื้อให้ตัวเองแล้วกัน
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ↝ ฉันเปิดดูหน้าเมนูอย่างช้าๆ แต่ทว่า
“ฉิบหายยยยยยย” เสียงกระซิบของฉัน ทำไมมันแพงขนาดนี้ ข้าวผัดจานเดียวสองร้อยห้าสิบแม่เจ้า ก๋วยเตี๋ยวที่ฉันอยากกินสี่ร้อยห้าสิบ ต้มข่าไก่ผสมเนื้อกวางหนึ่งพันห้าร้อยบาทโว๊ยยยยยย ร้านอาหารก็ดูวินเทจแต่นี่มันราคาขายต่างชาติชัดๆ ฉันอยากจะประท้วงแก ทุกสิ่งทุกอย่างเข้ามาในหัวฉันอย่างพรั่งพรู ทั้งโมโหทั้งหิว ขายราคาเลือดสาดขนาดนี้กะจะสร้างตึกสู้กับต่างประเทศหรือยังไงกัน
“คุณผู้หญิงรับอะไรดีครับ ตอนนี้เรามีเมนูพิเศษสำหรับเดือนนี้เลยนะครับ เป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อ A5 นำเข้าของดีมากเลยนะครับ รับสักชามไหมครับ” พนักงานพูดพร้อมกับทำหน้าอ้อนๆ และเสียงที่นุ่มนวล
“เอ่ออ มะ..” เสียงของฉันมันได้หายเข้าไปในลำคอ
“นะครับ” พนักงานทำหน้าอ้อนๆ อีกครั้งพร้อมกับทำตาปริบๆ
“ก็ได้ค่ะ 1 ชาม” แงงงงง๊ ก็ผู้ชายเขาอ้อนอ่ะแกกกก T^T เสียเงินไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ซะด้วยสิเรา
“ได้ครับ รอสักครู่นะครับ” พนักงานรูปงามบอกพร้อมกับรอยยิ้มกระแทกใจสุดๆ หนึ่งทีก่อนจะเดินไปดีใจกับพนักงานในครัวที่ขายเมนูประจำร้านออก
“เอ่อ ห้องน้ำอยู่ไหนหรอคะ” ฉันเดินไปถามเขาเพราะอั้นฉี่มาได้สักพักระหว่างที่เดินทางหาร้านอาหาร
“เดินตรงไปด้านขวาเลยครับคุณผู้หญิง” เขาอธิบายมันได้ดีเหมือนกับเป็นประโยคที่พูดซ้ำๆ จนชิน ฉันได้แต่ก้มหน้ารับแล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจะนับเงินในกระเป๋าพร้อมกับฉี่ที่กำลังจะราดอยู่ตรงนั้น ฉันจับกระเป๋าตังค์แน่นแล้วค่อยๆ นับแบงก์ย่อยช้าๆ หนึ่ง สอง สาม… กะ เก้าร้อยบาท กรี๊ดดด กะ เก้าร้อยบาท!! ฉันมีเงินแค่เก้าร้อยบาท ไหนลองเช็คเงินในบัญชีสิ ฉันเปิดโทรศัพท์หาแอพธนาคารที่คิดว่าจะจ่ายได้ยอดเงินเหลือห้าพันบาท โอเค สบายใจได้ หวังว่าที่ร้านจะรับจ่ายแบบโอนนะโชคดีที่ยัยโรซี่โอนเงินค่าเรียนมาให้ก่อนที่เธอจะกลับประเทศ ขอบคุณ สวรรค์ สัญญาฉันจะอยู่ให้ได้ถึงสิ้นเดือน T^T
“หึ!!” เสียงในลำคอของใครบางคน เหมือนจงใจทำเสียงให้ฉันได้ยิน ฉันหันไปตามเสียงนั้นถึงกับช็อก เขา! เขาคนนั้นอีกแล้ว ไวท์!!! เขายืนอยู่หน้าห้องน้ำตั้งแต่ตอนไหนกัน
“Hi, How are you?” เขาทักทายเหมือนเรารู้จักกันมานาน ฉันได้แต่เบิกตากว้าง ทำอะไรไม่ถูกรีบเก็บกระเป๋าเอาไว้ด้านหลังทันทีอย่างคนทำความผิดกลัวว่าคนตัวสูงจะเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“มะ มีอะไร” ฉันตอบเขาไปด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด
“เปล่า ก็แค่ทักทาย ไม่คิดว่าจะเจอแฟนคลับที่นี่” น้ำเสียงที่ยียวนกวนประสาทนั่นมันทำให้ฉันอยากจะหาอะไรมาปาใส่หน้าเขาแล้ววิ่งหนีไปให้ไกล ให้ตายสิ เขาก็ยังคงเป็นคนชอบกวนประสาทเหมือนเดิม
“แฟนคลับนายก็คงจะมีอยู่ทั่วโลกนั่นแหละ แต่น่าเสียดายที่มันไม่ใช่ฉัน” ฉันเถียงเขาอย่างไม่ลดละ คนอะไรหลงตัวเองสิ้นดี
“หึ!! หรอ เธอมาทำอะไรที่นี่” ไวท์ถามขึ้นเปลี่ยนเรื่อง ไม่สนใจกับคำพูดที่ฉันเถียงเขาจนขาดใจ
“กินข้าวไง ถามแปลก ที่นี่ร้านอาหารนะ”
“ไม่คิดว่าคนแบบเธอ จะมีรสนิยม กินร้านอาหารมีระดับแบบนี้นะ” กรี๊ดดดดด เจ็บมากกกก
“ไม่คิดถึง จู…”
“ไปละ หิว” เขายังไม่ทันที่จะพูดจบ ฉันรีบตัดบท เพราะไม่อยากจะเถียงหรือมานึกถึงวันนั้นกับคนคนนี้เลย ถ้าเป็นคนอื่นคงจะดีใจแทบตาย แต่ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น ภาพลักษณ์ที่เขาสร้างกับคนอื่นกับสิ่งที่เขาทำกับฉันมันสวนทางชะมัด!
หลังจากที่กลับมาที่โต๊ะ อาหารก็มาเสริ์ฟพอดี กลิ่นหอมของเนื้อมันช่างดีจริงๆ ฉันรีบตักมันเข้าปาก ซดน้ำซุปที่หอมหวานอย่างช้าๆ ตามด้วยเส้นที่เหนียวนุ่มอย่างมีความสุข
“ซู๊ดดดดดด” ฉันซดน้ำซุปจนหมดชามไปเลย จะได้คุ้มกับเงินที่ต้องเสียไป ความสุขของฉันมันคือการได้กินของอร่อยนี่แหละนะ
“เธอนี่กินแปลกนะ ไม่ห่วงภาพลักษณ์ของตัวเองบ้างรึไง” เสียงเดิมที่คุ้นเคย ทำให้ฉันแทบสำลักน้ำซุปที่พึ่งจะกลืนมันลงไป เขาเดินมานั่งเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามฉัน ฉันพึ่งสังเกตว่าวันนี้เขาแต่งตัวธรรมดามาก เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนสีน้ำเงินขาดที่หัวเข่า พร้อมกับแว่นสีดำอยู่บนผมนั่น แต่มันกลับดูดีอย่างบอกไม่ถูก ปากสีแดงกระจับ จมูกที่โด่งสวยเข้ากับรูปหน้าของเขาและสายตานั่นอีก
“ยุ่ง!!” ทำไมฉันต้องมาเจอเขาที่นี่ด้วยนะ
“ถ้าหิวขนาดนั้น ก็สั่งอีกสิ” รอยยิ้มอ่อนๆ ที่เขาให้กลับทำให้ฉันใจเต้นแปลกๆ อีกแล้ว…ช่างมันเถอะ ฉันสลัดภาพในหัวนั้นทิ้งไปก่อนจะหันไปสนใจพนักงานในร้านแทน
“เก็บเงินด้วยค่ะ” ฉันทำเป็นเมินเขา แล้วโบกมือเรียกเก็บเงินจากพนักงาน แต่ดูพนักงานจะไม่ได้มองมาที่ฉันเลย ฉันทำเหมือนพยายามจะลุกขึ้นแต่โชคดีที่พนักงานคนหนึ่งเห็นมันซะก่อน เธอรีบเดินมาที่โต๊ะเราทันทีราวกับฉันเป็นแขกคนพิเศษของที่ร้านอาหารนี้
“คุณผู้หญิงจะรับอะไรเพิ่มไหมคะ?” เธอถามพร้อมกับยิ้มสวยๆ
“กะ เก…” ยังไม่ทันที่ฉันจะเอ่ยปาก คนตรงหน้าก็ถือวิสาสะพูดแทน
“เดี๋ยวจ่ายรวมกับค่าห้องของผมเลยครับ” ฉันตกใจที่เขายื่นมือเข้ามาขอจ่ายเอง หรือว่าเขาจะเห็น…ทั้งหมด
“ได้ค่ะคุณไวท์” พนักงานตอบรับเขาอย่างง่ายดาย
“นี่นาย!!”
“ถือซะว่าผมเลี้ยงคุณก็แล้วกัน ที่เราได้เจอกันอีก” เขายิ้มให้ฉัน มันเป็นยิ้มที่ดูเป็นมิตรอย่างบอกไม่ถูก เขาคงจะเลี้ยงแบบนี้กับทุกคนนั่นแหละ อย่าฝันอะไรไปหน่อยเลยยัยพราว
“ขอบใจ”
“ไม่คิดว่าคนแบบเธอจะพูดอะไรแบบนี้ได้นะ” เขาหัวเราะกับมันราวกับว่านี่เป็นเรื่องที่ตลกมาก มันแปลกตรงไหน -_-
“นายมาทำอะไรแถวนี้อ่ะ” อยู่ดีๆ ฉันก็ถามเขาขึ้นมา เพราะความอยากรู้อยากเห็น เมื่อไวท์เดินออกมานอกร้านพร้อมกับฉัน
“ผมอยู่ที่นี่ไงก็นี่คอนโดผม คุณอยากจะขึ้นไปดูไหมล่ะ?” เขาหันไปชี้บนตึกสูงให้ดูพร้อมกับสายตาที่เปล่งประกาย พร้อมยิ้มมุมปาก จ้องมาที่ฉันนิ่ง
“ไม่ล่ะ ฉันมีนัดต่อ” ฉันรีบตัดบทเพราะไม่อยากให้อะไรเกินไปมากกว่านี้
“นัดกับใครไว้หรอ” เขาถามฉันเพราะความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน
“นายไม่ต้องรู้หรอก ไปละ”
“เดี๋ยว!! เธอชื่ออะไร”
“พราว…”
ตืดดดด ตืดดดด↝ เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้นขัดจังหวะสนทนา
-ไรอัน-
ฉันรีบกดรับสายอย่างไม่รีรอเผื่อจะมีงานด่วน งานเร่งเข้ามา พราวรับหมด ช่วงเวลาที่ชุลมุนเช่นนี้ใครจะไปหยิ่งได้ล่ะ
“สวัสดีค่ะ”
“Hi teacher คุณมาซอนพมวันนี้ได้ไม พรุ่งนี้พมไมว่างครับ” คุณไรอันที่พยายามพูดไทยกับฉัน เขาเป็นคนสวิตที่เก่งและพยายามมาก เป็นนักเรียนที่น่ารักคนนึงเลย
“ได้ค่ะ เจอกันที่คาเฟ่ ที่เดิมนะคะ” ฉันรีบตอบตกลงทันทีด้วยรอยยิ้มที่ดีใจอย่างมาก รู้สึกดีที่ยังมีงานทำ เหมือนเสียงสวรรค์ที่ช่วยชีวิตฉันอีกครั้งนึงงงง
“ใคร ยิ้มทำไม” เขาถามฉันด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ผิดจากเมื่อกี้โดยสิ้นเชิงพลันมองฉันด้วยหางตาอย่างไม่พอใจ
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกนาย”
“ผู้ชายเยอะเหมือนกันเนอะ” เขาพูดเสียงประชดอีกครั้งพร้อมกับสายตาที่ดูเย็นชาขึ้นมองทอดออกไปไกลสุดสายตา
“...”
“...” เขาเองก็ดูจะเงียบผิดปกติเช่นกัน เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ไวท์เดินมาส่งฉันขึ้นรถแท็กซี่และยืนรอเป็นเพื่อน ระหว่างทางเราได้แต่เงียบจนฉันขึ้นรถมาได้ แล้วมองทุกอย่างผ่านกระจกหลัง สายตาคู่นั้นก็ยังคงยืนจ้องมองฉันเหมือนคิดอะไรได้ในหัว ทำไมกันนะ คงจะไม่มีเรื่องบังเอิญเป็นครั้งที่สามหรอกน่า
