ตอนที่ 2.2
“อินอิน เธอสวยมาก”
“หา?” ฉันเบิกตากว้างกับคำชมที่ออกจะเว่อร์เกินจริงของโพซี เราทั้งคู่เพิ่งแต่งตัวสำหรับงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้เสร็จ พอฉันเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้นแหละ ยัยนั่นก็ทำโตเท่าไข่ห่าน พูดประโยคนั้นออกมา
“ว๊า... สงสัยเราต้องแยกกันเดินแล้วล่ะ เพราะเธอแย่งซีนฉันหมดเลย นี่มันงานหมั้นของฉันแท้ๆ”
“เว่อร์ย่ะ ฉันไม่ได้สวยเด็ดเจ็ดย่านน้ำขนาดนั้น”
“เธอสวย” โพซีย้ำมาอีกรอบ ก่อนจะบ่นอุบอิบในลำคอ แต่ฉันแอบได้ยิน “ทั้งที่เมื่อก่อนเธอหน้าตาพื้นๆ มาก สวยขึ้นขนาดนี้ได้ยังไง”
“ว่าไงนะ”
“อ้อ แฮร่~ จำได้ไหมตอนอยู่มอสามที่เธอแอบกรี๊ดพี่โอเวอร์น่ะ ตอนนั้นเธอหน้าจืดมากแต่ดูตอนนี้สิ หน้าเรียว ตาคม จมูกสวย ปากอิ่ม อร๊าย! ยังกับเงาะถอดรูปแหนะ”
“ชม?”
“ก็ชมน่ะสิ”
“จิ๊” ฉันทำเสียงอย่างเพลียใจกับคำชมของยัยเพื่อนเลิฟ “ตอนนี้ฉันจบมอปลายแล้วนะ ก็ต้องสวยขึ้นเป็นธรรมดาสิ” ยกหางตัวเองเสร็จก็ค้อนขวับให้ยัยนั่นหนึ่งทีด้วย
“แน่นอน ฉันเองก็สวยขึ้น” โพซีไม่ยอมแพ้ ยัยนั่นยิ้มอย่างมั่นใจ ก่อนจะพูดออกมาอีกเหมือนเพิ่งนึกได้ “เอ้อ! แล้วตกลงเธอจะทำยังไงเรื่องที่เรียนต่อ ตัดสินใจหรือยัง”
“เรื่องนั้น...” ฉันกระตุกปาก จ้องหน้าโพซีด้วยแววตาเลื่อนลอย เพราะไม่รู้จะตอบยังไงดี จริงๆ ฉันอยากไปเรียนต่อเมืองนอกเหมือนพี่มินมิน แต่ฉันไม่ฉลาดแบบนั้น เรื่องสอบชิงทุนจึงไม่ต้องพูดถึง ฉะนั้นมีทางเดียวที่ฉันจะไปได้นั่นคือ ต้องหาเงินทุน แต่... ลำพังแค่งานพิเศษที่ทำตอนนี้ก็พอเลี้ยงชีพตัวเองได้เท่านั้นล่ะ ขนาดแค่ตั๋วเครื่องบินยังต้องเก็บเงินหลายเดือนกว่าจะพอ เฮ้อ~ เหนื่อยใจชะมัด อยากไปก็อยากไปแต่กำลังขับเคลื่อนสำคัญอย่างเงินกลับขาดแคลน แงๆ
แม้ว่าตอนนี้สถานะทางครอบครัวของเราจะฟื้นฟูขึ้นบ้างเล็กน้อย แต่หนี้สินก็ยังไม่หมดไปซะทีเดียว ถ้าหากฉันเอาเรื่องที่ตัวเองอยากเรียนต่อเมืองนอกไปกวนใจพ่อแม่ล่ะก็ พวกท่านคงลำบากใจน่าดู ฉันไม่อยากทำให้พ่อกับแม่หนักใจเลยไม่ได้บอกอะไร แค่ให้ท่านทั้งสองรู้ว่าฉันอยู่สุขสบายดี แค่นั้นก็พอแล้ว
“...ฉันยื่นใบสมัครทิ้งไว้ที่คลาเรียแล้วล่ะ” ฉันถอนหายใจเฮือกตอนบอกโพซี
“จริงเหรอ คณะอะไร”
“ถามทำไม เธอไม่ได้เรียนที่เดียวกับฉันสักหน่อย”
“อะ... ก็อยากรู้เฉยๆ จริงๆ ถ้าเธอไม่รู้จะเรียนอะไรที่ไหนยังไง น่าจะมาเรียนเซนมาร์นอฟกับฉันเนอะ” เซนมาร์นอฟคือมหาวิทยาลัยต้นแบบของโรงเรียนเซนมารีน นักเรียนที่จบจากเซนมารีนส่วนใหญ่มักจะเลือกเรียนต่อที่นี่ และพี่ท็อฟฟี่คู่หมั้นของโพซีก็เช่นเดียวกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ยัยนี่จะตามไปเรียนด้วย แม้ว่าเธอจะเรียนจบจากโรงเรียนมัธยมคลาเรจก็เถอะ
“ที่คลาเรียมีโควตาให้นักเรียนที่จบจากคลาเรจ ถ้าฉันไปเซนมาร์นอฟ ฉันก็ต้องสอบเข้า ไหนจะค่าเทอมอีก”
“แหม ทำยังกับที่คลาเรียค่าเทอมถูกนักหนิ”
“แต่อย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องเริ่มต้นใหม่” ฉันให้เหตุผลกลับไป
“อืมๆ ก็ดีแล้วล่ะ ฉันนึกว่าเธอจะบ้างานจนไม่คิดเรียนต่อ รู้แบบนี้ก็ค่อยโล่งใจหน่อย”
“นี่ฉันก็มีหัวคิดนะ”
“แฮร่ๆ” ยัยโพซียิ้มแห้งๆ กลับมา “เราไปกันเถอะ ป่านนี้พี่ท็อฟฟี่คงรอแย่แล้ว” โพซีจับมือฉันจูงออกจากห้องแต่งตัวเพื่อไปที่งาน วินาทีที่ก้าวเข้ามาในบริเวณห้องจัดเลี้ยง เรดาร์ตรวจจับผู้ชายของยัยนั่นก็ทำงานทันที
“พี่ท็อฟฟี่”
“อ้าวซี ทางนี้” ท็อฟฟี่โบกมือทักก่อนจะควักมือเรียกให้เข้าไปหา โพซีไม่รอช้ารีบดึงแขนฉันเดินไปทางคู่หมั้นสุดหล่อของเธอทันที
“พี่ท็อฟฟี่อยู่คนเดียวเหรอ” โพซีหันซ้ายแลขวา
“อ้อ เรียวเข้าห้องน้ำ ส่วนคนอื่นกำลังมา”
“งั้นเหรอ เราไปหาที่นั่งกันเถอะค่ะ ซีหิวแล้ว”
“อ้อ งั้นซีไปนั่งสิ อยากกินอะไรล่ะ”
“พี่จะไปตักให้ซีเหรอ”
“ตักให้แมวมั้ง ไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใครล่ะ”
“เฮ้อ~” ฉันมองคู่รักหวานแหววตรงหน้าอย่างรู้สึกอิจฉา ทำยังไงฉันถึงจะมีความสุขอย่างนี้บ้างนะ
“งั้นฝากตักมาเผื่อเพื่อนซีด้วยนะคะ”
“อ้อได้สิ” พี่ท็อฟฟี่ชำเลืองมองฉันก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“เอ่อ ขอบคุณค่ะ” ฉันรีบก้มศีรษะขอบคุณทันที ก่อนจะหันไปแยกเขี้ยวใส่โพซี “ฉันไปตักเองก็ได้นะ”
“เหอะน่า... เราไปนั่งรอที่โต๊ะกันดีกว่า ฝากด้วยนะคะพี่ท็อฟฟี่” แล้วยัยนั่นก็ลากฉันมานั่งที่โต๊ะ พลางสะกิดให้ดูผู้ชายที่เดินผ่านไปมา โอ๊ย~ ลายตา
“นี่ๆ ดูคนนั้นสิ เพื่อนเจ๊สวยมาก”
“ผู้หญิงหนิ”
“ก็ใช่ไง”
“เอ้า” ฉันหันไปจ้องหน้าโพซีอย่างข้องใจ ก็ก่อนหน้านี้เธอชี้ให้ฉันดูแต่ผู้ชายไม่ใช่เหรอ
“น้องชายหล่อ” ยัยนั่นเฉลย
“เฮ้อ~”
“รวยด้วยนะ”
“เหอะ!”
“ไม่สนเหรอ”
“นี่! เธอคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงยังไงกันแน่ห๊ะ” ฉันถลึงตาใส่โพซี
“ก็เปล่า ที่แนะนำให้เนี่ยก็มีแต่คนดีๆ ทั้งนั้น ฉันหวังดีกับเธอหรอก อยากให้ได้เจอสิ่งดีๆ คบผู้ชายหล่อๆ รวยๆ มันไม่เสียหายหรอกน่า”
“ฉันไม่อยากให้ใครมาดูถูกว่าจับผู้ชายรวย”
“เฮ้อ แล้วผู้ชายไม่หล่อแถมจนเธอจะมองไหม”
“ไม่มอง”
“น่ะเห็นไหม”
“แล้วเธอจะมาเจ้ากี้เจ้าการอะไรเนี่ย”
“ก็ฉันอยากให้เธอมีคนดูแลนี่นา อีกไม่กี่เดือนฉันก็ต้องไปเรียนที่เซนมาร์นอฟ เราจะไม่ได้เจอกันบ่อยๆ เหมือนเดิมแล้วนะอินอิน อย่างน้อยถ้าเธอมีแฟนฉันก็จะได้หายห่วงไง”
“ฉันดูแลตัวเองได้ย่ะ”
“รู้ว่าเธอเก่ง แต่ยังไงเราก็เป็นผู้หญิงนะ ต้องการใครสักคนมาปกป้อง”
“อืมๆ” ฉันขานรับอย่างตัดรำคาญ ก่อนจะลุกขึ้น “ฉันไปเข้าห้องน้ำนะ”
“ให้ไปเป็นเพื่อนเปล่า”
“ไม่เป็นไร เธออยู่เฝ้าโต๊ะรอสุดที่รักของเธอดีกว่า”
“อะ เป็นความคิดที่ดี”
เฮ้อ~ ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ เดินตรงมาเข้าห้องน้ำเพื่อยุติบทสนทนากับโพซี จุกจิกกว่าแม่ฉันซะอีก โดยเฉพาะเรื่องผู้ชายเนี่ย
