บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1

+++ 3 ปีต่อมา +++

Kushou’s story

ครืด!

เจ้าชีวิต

ครืด!

เจ้าชีวิต

ครืด!

เจ้าชีวิต

“เฮ้ย! จะโทรมาทำไมนักหนาวะ” ผมสบถอย่างหัวเสีย จ้องมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่สั่นเตือนเพราะสายเรียกเข้าไม่หยุด แทบอยากจะกลั้นใจตายเมื่อเห็นว่าใครที่โทรมา เจ้าชีวิต! ไม่รู้จะอะไรกับผมกันนักกันหนา แค่คิดก็หงุดหงิดชะมัด

ครืด!

ท็อฟฟี่

ยังจะโทรมา! หืม... ผมชะงัก กำลังจะสบถออกมาอีกรอบแต่บังเอิญเหลือบเห็นชื่อคนโทรเข้ามาซะก่อน เฮ้อ~ นึกว่าเป็นเจ้าชีวิตซะอีก ผมระบายลมหายใจที่ร้อนระอุทิ้งไปก่อนจะกดรับสายในเวลาต่อมา

“ว่าไง”

[อยู่ไหน]

“สนามบิน”

[เฮ้ยนี่มันกี่โมงแล้ว! งานจัดพรุ่งนี้นะโว้ย จะทันไหม]

“ฉันกลับทันพรุ่งนี้แน่นอน”

[กี่โมง!?]

“เออน่า ไม่ต้องเซ้าซี้มาก รับรองฉันไปร่วมงานหมั้นแน่ๆ”

[ก็ได้ ถึงตอนไหนโทรบอกแล้วกัน]

“แค่นี้นะ ต้องไปขึ้นเครื่องแล้ว”

ติ๊ด!

ผมกดวางสายก่อนจะเดินไปรอตรวจตั๋วเพื่อขึ้นเครื่อง บินกลับประเทศไทย

ผมมาถึงคอนโดโดยสวัสดิภาพ กำลังจะไขกุญแจเข้าห้อง กลับต้องชะงักเมื่อความรู้สึกแปลกๆ แวบเข้ามาในใจ จ้องมองลูกบิดอยู่นาน ก่อนจะเก็บกุญแจแล้วหมุนเปิดโดยที่ไม่ได้ไข

แอด~

“...” ว่าแล้วเชียว ผมผ่อนลมหายใจเฮือกอย่างพยายามสะกดอารมณ์ เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

“กลับมาแล้วเหรอ ฉันโทรหาตั้งหลายรอบ ทำไมไม่รับสาย”

“ป๊ามาที่นี่ทำไม” ผมกลอกตาไปมา สบสายตาคุณพ่อบังเกิดเกล้าอย่างไม่พอใจ ก่อนไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียอุตส่าห์เปลี่ยนกุญแจห้องใหม่แล้วแท้ๆ แต่อาป๊าผมก็ยังอุตส่าห์ล่วงล้ำเข้ามาในห้องได้ บอกได้คำเดียวว่าผู้ชายวัยกลางคนตรงหน้าผมนี่ไม่ธรรมดา

“ได้ข่าวว่าแกเรียนจบก่อนกำหนด ถ้างั้นแกคงพร้อมที่จะทำงานกับฉัน”

“แล้วป๊ารู้เหรอว่าผมเรียนอะไรมา” ผมจ้องหน้าอาป๊าด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว

“พูดแบบนี้คิดจะต่อต้านฉันอีกคนเรอะ”

“นี่ป๊า พูดดีๆ สิ อย่าตะคอกได้ไหมผมยิ่งตกใจง่ายอยู่ด้วย ผมว่าป๊าอย่าเสียเวลากับผมเลยดีกว่า ธุรกิจของป๊าก็ให้ลูกชายสุดที่รักของป๊าเป็นคนสานต่อสิ อย่ามาเสี่ยงกับผมเลย”

“แกนั่นไง ลูกชายสุดที่รักของป๊า”

ป๊าเสียงอ่อนลง พยายามประนีประนอมสุดๆ ทำไมผมจะดูไม่ออกว่าอาป๊าข่มอารมณ์เดือดดาลเอาไว้แค่ไหน

“หึ!” ผมแสยะยิ้ม “ป๊าจำไม่ได้เหรอว่าใครที่ประกาศตัดพ่อลูกตอนผมบอกจะไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย”

“อาตี๋!”

“ผมไม่มีอะไรจะพูด ป๊ากลับไปเถอะ” ผมเบือนหน้าไปทางอื่น ยังไม่หายขุ่นเคืองกับเรื่องนั้น

“ฉันเลี้ยงดูแกมาเพื่อให้เป็นผู้บริหารไม่ใช่พ่อครัวอย่างที่แกกำลังจะทำ”

“เป็นเชฟแล้วมันผิดตรงไหน ผมมีความสุขกับการทำอาหาร ป๊าก็น่าจะยินดีไม่ใช่เหรอ ถามหน่อยเถอะ ความสุขของป๊าคืออะไร? ความยิ่งใหญ่ ชื่อเสียง เงินทอง ไม่สนเลยใช่ไหมว่าลูกจะรู้สึกยังไง”

“หยุดพูดเดี๋ยวนี้”

“ป๊ากลับไปเถอะ”

“ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าแกยังไม่พร้อมทำงานที่บริษัทก็กลับไปเรียนต่อซะ แกมีเวลาแค่ซัมเมอร์นี้เท่านั้น”

“นี่ป๊าหมายความว่ายังไง” ผมจ้องอาป๊านัยน์ตาสั่น รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล

“ฉันติดต่อที่เรียนเอาไว้แล้ว แกมีหน้าที่แค่เดินเข้าไปเรียนให้จบ”

“ป๊า”

“ฉันกลับล่ะ”

เฮ้ดูสิ! บอกแล้วว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา ผมไล่ตั้งนานไม่คิดจะกลับ แต่พอสร้างความร้อนใจให้ผมเสร็จก็จะกลับไปดื้อๆ เหอะ น่าโมโหไหมล่ะ พ่อผม

“เดี๋ยวก่อนป๊า” ผมถลันเข้ามาขวางทางป๊าทันควัน “นี่ป๊าจะมาวุ่นวายกับชีวิตผมแบบนี้ไม่ได้นะ”

อาป๊ากระตุกยิ้มเลือดเย็น “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ก็แกเป็นลูกฉัน”

“ป๊า”

“มาขวางทางทำไม หลบไป แกยิ่งอยากไล่ฉันไปให้พ้นหน้าไม่ใช่หรือไง”

อาป๊าย้อน

“โห่ป๊า ทำไมป๊าไม่ไปบอกลูกชายสุดที่รักของป๊าล่ะ ป๊ามายุ่งกับลูกนอกคอกอย่างผมทำไม”

“หยุดพูดเพ้อเจ้อสักที ไอ้ลูกชายสุดที่รักของป๊า” ป๊าเหยียดยิ้ม ตบบ่าผมอย่างหนักแน่นสองที ก่อนเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก ทิ้งให้ผมยืนนิ่งเป็นหิน โมโหความเอาแต่ใจของป๊าอยู่คนเดียว

ฮึ่ย คอยดูนะ ผมจะไม่มีทางทำอย่างที่ป๊าต้องการแน่

ครืด!

ท็อฟฟี่

[เฮ้ ถึงไหนแล้ว]

“อยู่ห้อง” ผมทิ้งตัวลงนั่งหลังกดรับสายได้ไม่นาน กวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างรู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจ มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อผมกลับมาที่นี่แล้วไม่ได้ทำตามใจตัวเอง ต้องคอยอยู่ในสายตาของป๊า แถมยังกำหนดเส้นทางชีวิตเอาไว้ให้ผมเสร็จสรรพ เฮ้อ! รู้งี้ไม่น่ากลับมาก็ดี เอ๊ะ! หนีกลับไปตอนนี้เลยดีไหม

[เฮ้! ทำไมเสียงเป็นแบบนั้นล่ะ ห้ามผิดนัดเด็ดขาด เข้าใจไหม]

“เออๆ นี่ตกลงแกเป็นเพื่อนหรือเป็นเมียฉันกันแน่วะ จิกชะมัด!”

[เฮ้ย ฉันแอบมองแกบ่อยๆ ตอนอยู่มอหก จำไม่ได้เหรอ]

“เฮ้ย พูดอะไร ขนลุกว่ะ!”

[ฮ่าๆ ถ้าเบี้ยวล่ะก็ ฉันโกรธแกจริงๆ ด้วย งานสำคัญ ฉันก็อยากให้เพื่อนคนสำคัญมาร่วมแสดงความยินดีด้วยเป็นธรรมดา]

“เออๆ ขออาบน้ำก่อนแล้วกัน ฉันไม่เบี้ยวหรอกน่า ไม่งั้นที่กลับมาเมืองไทยคราวนี้ก็เสียเปล่ากันพอดี”

[อืมๆ ว่าแต่ไม่เป็นอะไรแน่นะ]

“จะให้เป็นอะไรวะ?”

[เอ้า ก็น้ำเสียงแกมันเหมือนมีเรื่องหนักใจ]

“อ่อ... คงเหนื่อยเพราะเพิ่งกลับมาถึงน่ะ พักสักหน่อยคงดีขึ้น”

[เออๆ อย่าเพลินจนลืมเวลาล่ะ]

“เออๆ แค่นี้ล่ะ”

ติ๊ด!

ผมโยนโทรศัพท์ทิ้งไปด้านข้างอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel