บทที่ 2 ตอน ข้อแลกเปลี่ยน
“สวัสดี เธอใช่เพียงพราวเพื่อนน้องสาวฉันไหม?” ชายร่างกำยำเดินเข้ามาทักทายเธอด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร แววตาเจ้าเล่ห์มองสำรวจเธอในมือข้างหนึ่งของเขาถือบุหรี่ส่วนอีกข้างถือแก้วเหล้า
“ใช่ค่ะ พราวเอง”
“สวยกว่าที่คิดไว้เลยนะแล้วมีแฟนรึยัง? โสดไหม?”
“ยังไม่มีค่ะ วันนี้พราวต้องทำยังไงบ้างคะ” ตอนนี้ฉันอยากรีบทำงาน อยากรีบกลับไปโทรหาแม่เรื่องพ่อและอยากพัก พรุ่งนี้วันหยุดต้องทำรายงานส่ง อีกทั้งงานบ้านในห้องอีกมันเยอะไปหมด
“เดินตามฉันมา นี่เงินของเธอ ถ้าบริการดีถ้าพวกรุ่นพี่ฉันพอใจเธอจะได้เพิ่ม ในห้องจะมีแขกวีไอพีสามคนและเพื่อนชงเหล้าอีกสองคน เธอโอเคใช่ไหม?” ธนบัตรสีเทาหลายฉบับยื่นให้ฉัน ฉันรีบรับมันมานับก่อนจะเลิ่กคิ้วอย่างงุนงง
“คุณให้เกินสามพันค่ะ นี่ค่ะ” ฉันยื่นเงินส่วนที่เกินมาคืนให้กับเขาเขาอาจจะนับผิดหรือมุกลินอาจจะยังไม่ได้บอกว่าฉันขอเบิกก่อนหน้านี้แล้ว เขาทำหน้านิ่งพร้อมกลับแค่นหัวเราะออกมาอย่างหนักราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก ก่อนจะเดินนำฉันไปโดยไม่ยอมรับเงินส่วนนี้คืน
“อย่าทำหน้าซีเรียสฉันให้พิเศษ เพราะเธออาจจะเครียดเพราะแขกที่เธอได้ค่อนข้างนิ่งขรึมและหลายอารมณ์โคตรๆแต่รวยมาก หมอออสตินคนหล่อ”
“…” ฉันแอบกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ด้วยความกลัวงานแรกก็งานหินเลยเหรอวะ
“เธอไหวใช่ไหม? ทำไมหน้าถอดสีขนาดนั้น?”
“สะ…สบายมากค่ะ” แม้ว่าข้างในใจจะถอดใจไปแล้วแต่เงินตรงหน้ามันหอมหวานและต่อชีวิตฉันได้อีกยาวฉันจะทำมัน
“ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ส่วนมากหมอตินจะไม่ค่อยมาเที่ยวสักเท่าไหร่มาแต่คุยงานแล้วกลับเลย เธอโชคดีนะที่ได้แขกระดับนี้ กระเป๋าหนักแต่เธอต้องใช้ความอดทนเยอะถ้าเขาชอบอาจจะได้ไปต่อ ส่วนนี้มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเธอ แต่อย่าคาดหวังอะไรมากเพราะเขาแค่มาสนุก คนระดับนี้ไม่ชอบการผูกมัด”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้าคานรับอย่างรู้เรื่อง ไม่มีใครมาตามหารักแท้จากสถานที่แบบนี้หรอก พวกเขาแค่มาผ่อนคลายแค่นั้นฉันรู้
แกร๊ก~ ประตูบานใหญ่ค่อยๆเปิดเผยให้เห็นชายหนุ่มทั้งสามกำลังนั่งคุยกันอย่างสนุกสนานแต่มีคนหนึ่งที่ดูหน้าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ ไฟในห้องนี้สลัวๆไม่สว่างมากกำลังดีเลย
“ใครวะสวยว่ะ”
“ไม่เคยเห็นเลยเด็กใหม่เหรอวะหุ่นดีใช้ได้ หน้าตาผ่าน ชื่ออะไรล่ะ?”
“…” ผู้ชายสองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเอ่ยถามพี่มาร์ตินที่พาฉันเข้ามาและดูเหมือนว่าพวกเขาจะสนใจฉัน แต่อีกคนคงไม่สนใจ ขนาดปรายตามองยังไม่ทำเลย
“นี่เพียงพราวเด็กในร้านคนใหม่อายุยี่สิบเอ็ดปี สถานะยังโสด พึ่งย้ายมารับแขกวีไวพีครั้งแรกฝากน้องมันด้วยนะครับ คนนี้ที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่ามีปัญหาค่าใช้จ่ายในการเรียน ตบทิปหนักๆให้น้องเขาด้วยนะครับหมอออสติน”
“……”
“ทำไมไม่เอาน้องมาดูแลกูวะ น่าจะบอกว่าสวยขนาดนี้กูจะจ่ายไม่อั้นเลยว่ะ”
“ใจเย็นเฮียลี่เซียน คนนี้หมอตินได้ไปครอง เดี๋ยวผมหาคนใหม่เด็ดๆมาให้”
“ไปนั่งข้างๆหมอออสตินไปสาวน้อย” พี่มาร์ตินผลักฉันเบาๆให้เดินไปนั่งข้างๆเขาที่นั่งไม่สบอารมณ์ใครเลยสักนิด
“ผมไปนะครับเฮีย”
“อืม” แล้วประตูก็ปิดลงทั้งสองคนที่นั่งโต๊ะหน้าฉันเลิกสนใจแล้วสนุกกับเด็กของเขา แล้วฉันต้องเริ่มยังไงดี
“ให้ชงใหม่ให้ไหมคะ” ฉันเหลือบไปเห็นเหล้าในแก้วที่เหลือนิดเดียวของคุณเขา
“อืม” เขาส่งเสียงเบาๆ กลิ่นหอมจากเสื้อของเขาทำให้แอบเคลิ้มคนอะไรกลิ่นหอมชะมัดแต่หน้าบอกบุญไม่รับสาวๆคนไหนจะกล้าเข้าหา ฉันนั่งใกล้เขาพอสมควรไฟสลัวๆทำให้เห็นใบหน้าเขาไม่ค่อยชัดมากแต่ก็เดาว่าน่าจะหล่อแหละ สันจมูกโด่งขนาดนี้กรอบหน้าชัดมาก ผิวละมุน หล่อดี…
“ให้มาชงเหล้าไม่ได้ให้มานั่งเหม่อ! ทำเป็นรึเปล่า!!!” เสียงเข้มปนดุเอ่ยขึ้นจนฉันสดุ้งหลุดจากภวังค์ความคิดบ้าบอของตัวเอง
“ขอโทษค่ะ นี่ค่ะเหล้าเข้มๆ”
“….”
“ไม่ได้ตั้งใจจริงๆค่ะ”
“ถ้าจะใจลอยแบบนี้ต่อไปไม่ต้องรับงาน น่ารำคาญฉิบหาย!!!” เขาหยัดตัวขึ้นแล้วลุกพรวดออกไปทันที ฉันทำผิดขนาดนั้นเหรอ
“ไอ้หมอแผลงฤทธิ์แล้ว”
“มันอารมณ์ไม่ดีทะเลาะกับแม่มา ตามออกไปสิมันอยากผ่อนคลายเดี๋ยวเธอก็ได้เงินก้อนหนาจากมัน” เพื่อนเขาเอ่ย ฉันพยักหน้าก่อนจะเดินตามเขาออกไป ฉันมองไปยังร่างสูงโปร่งที่ยืนพ้นควันบุหรีขึ้นฟุ้งทั่วอากาศ ถ้าไม่บอกว่าเขาเป็นหมอฉันคงคิดว่าเขาเป็นมาเฟียเถื่อนๆเหมือนในนวนิยายที่ฉันเคยอ่านแต่นั่นมันนิยายในชีวิตจริงคงไม่มีเรื่องพวกมาเฟียอะไรแบบนั้นหรอก
“เฮลโล หมอออสตินพูดมีอะไร?”
“……”
“โทรมาทำไมเอาเบอร์ฉันมาจากไหน!! หุบปากซะเงินที่ฉันให้มันยังไม่พอรึไงฉันเคยบอกแล้วไงว่าฉันจ่ายแล้วจบอย่ามาสร้างความผูกพันกับคนอย่างฉัน อยากตายรึไง ฉันอธิบายชัดเจนแล้วว่า one night stand! หรืออยากให้ฉันใช้ลูกปืนเรียกสติเธอ?” ฉันถึงกับชะงักเมื่อได้ยินในสิ่งที่เขาเอ่ยกับปลายสาย ทำไมเขาถึงมีความคิดที่โหดเหี้ยมอำมหิตขนาดนี้ ใจร้ายเกินไปจริงๆผู้ชายคนนี้
“……”
“ถ้าโทรมาอีกเจอดีแน่ อย่าหาว่าฉันใจร้าย”
“…..” เขาค่อยๆปรายตามองมาที่ฉันก่อนจะกดวางสาย ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะ สายตาคนเบื้องหน้าฉันตอนนี้มันน่ากลัวมาก เขาจะฆ่าฉันเหมือนที่ขู่ปลายสายไหม เขาจะหักคอหรือฉันตัดลิ้นฉันไหมเนี่ย ถอยดีกว่าฉันยังมีหนี้สินที่ต้องชดใช้ มีภาระมากมายที่ต้องดูแลยังตายตอนนี้ไม่ได้ภาระฉันยังเยอะ แถบยังไม่มีผัว ยังตายไม่ได้จริงๆ ถอยคือทางที่ดีที่สุด…
“อย่าขยับ! จะหนีไปไหน! มารยาทไม่มีแอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์”
“ซวยแล้วไงอีพราว ซวยแล้วไง ตายแน่หมอนี่ฆ่าฉันแน่!” แขนและขาทั้งสองข้างของฉันเริ่มสั่นเทา เมื่อเขาก้าวขาเข้ามาเรื่อยๆ จะถอยหนีก็ไม่กล้า
“ร้อนเงินใช่ไหม?”
“……”
“ไม่ได้ยินเหรอถามว่าร้อนเงินใช่ไหม” เขาตวาดเสียงเข้มเอ่ยถามอีกรอบจนฉันสดุ้งและรีบเอ่ยตอบกลับทันทีด้วยน้ำเสียงที่แอบลนลาน
“ระ..ร้อนค่ะ จำเป็นต้องใช้เงินมากๆ”
“อยากได้เงินไหม?”
“ยะ..อยากสิคะ”
“ฉันให้เธอไม่อั้นถ้ารับข้อเสนอ”
“….…”
“ไปต่อกับฉันคืนนี้ฉันให้สองหมื่น” ฉันกำชายกระโปรงของตัวเองแน่น ฉันจำเป็นต้องใช้เงินแต่สิ่งที่ฉันกำลังจะทำมันคือการขายศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงที่ฉันรักษาและหวงแหนมันมาตลอดยี่สิบปี
“น้อยไปงั้นเหรอสี่หมื่นเป็นไง ห้าหมื่น? หรืออยากได้เท่าไหร่เสนอมาให้สมกับราคาที่เรียกด้วย”
“ฉันมะ..”
ครืด ~ ครืด ~ เสียงโทรศัพท์ของฉันแผดเสียงขึ้นแทรกในระหว่างที่ฉันจะเอ่ยปฎิเสธ เขาพยักหน้าให้ฉันรับสายก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบแล้วหันหน้าหนีฉัน
“ค่ะแม่”
( น้องพราวอยู่ไหนลูก ฮึก!ฮืีอ!)
“พราวอยู่หอค่ะแม่ เกิดอะไรขึ้นคะทำไมแม่ร้องไห้? ใครทำอะไรแม่”
( น้องพราวคือพ่อต้องผ่าตัดด่วน แต่แม่จนปัญญาจะหาเงินแสนนึงมาพาพ่อไปหาหมอที่โรงพยาบาลศูนย์ในเมือง น้องพราวกลับมาบ้านวันหยุดนี้ได้ไหมพ่ออยากเห็นหน้าหนูก่อนที่พ่อจะ…)
“พราวจะกลับบ้านคืนนี้เลยค่ะ” หัวใจของคนเป็นลูกเมื่อได้ยินอย่างนี้ก็แทบจะขาดใจลงตรงนี้ให้ได้ ฉันไม่มีปัญญาหาเงินมากมายขนาดนั้นได้ภายในคืนเดียวหรอก น้ำตาของฉันไหลพรากอาบสองข้างแก้มอย่างน้อยใจในโชคชะตากรรมของฉัน
( น้องพราวรีบกลับมาดูใจพ่อนะลูก ) น้ำเสียงของแม่เต็มไปด้วยความสั่นเครือ ทันทีที่สายตัดไปเข่าของฉันก็ทรุดลงกับพื้นทันที มันยืนตั้งรับไม่ไหวจริงๆ
“อยากให้ช่วยไหม ฉันช่วยได้”
“ไม่มีใครช่วยฉันได้หรอก ไม่มีเลย คุณได้ยินไหม พ่อฉันกำลังจะตายฉันไม่มีปัญญาหาเงินหนึ่งแสนบาทมาได้ภายในคืนเดียวหรอกนะ ฮึก~” ฉันนั่งร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายคนตรงหน้าฉันไม่อยากสูญเสียแต่ฉันจนปัญญาจะสู้แล้วจริงๆ แค่เงินพันยังหายากนับประสาอะไรกับเงินหมื่น
“เธอลืมไปแล้วรึไงว่าฉันเป็นหมอและก็มีเงินมากพอที่สามารถต่อชีวิตพ่อเธอได้” คำพูดของเขาทำให้ฉันมีความหวัง เขารวยเขาช่วยฉันได้แน่ๆ
จะทำยังไงก็ได้ขอแค่ฉันยังมีพ่อ ขอแค่เขาต่อลมหายใจพ่อฉันได้ฉันยอมทุกอย่าง ฉันคลานเข่าเข้าไปหาเขาพร้อมกอดขาขอร้องอ้อนวอนเขาอย่างไม่อายเพราะนี่อาจจะเป็นทางเดียวที่จะช่วยพ่อฉันได้
“ช่วยพ่อฉันด้วยขอร้อง ฮึก! ฉันยอมทุกอย่างขอแค่ช่วยท่านทีนะหมอออสติน ได้โปรดช่วยครอบครัวฉันด้วยค่ะ” ฉันทั้งร้องไห้และกอดขาเขาไว้
“อืม ฉันจะช่วยพ่อเธอแต่มีข้อแลกเปลี่ยน”
“ฉันยอม ยอมทุกอย่างจริงๆไม่ว่าข้อแลกเปลี่ยนของคุณจะเป็นอะไรฉันพร้อมที่จะยอมรับมันแต่โดยดี ขอแค่คุณช่วยพ่อฉัน ฉันยอมค่ะหมอ”
