ตอนที่ 2 กลิ่นหอมกับข้อมูล
กลิ่นเลือดอันเข้มข้นมากกว่าด้านนอกนั้นจู่โจมเข้าสู่ปอดทันทันทีที่หายใจเข้าไป แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับกลายเป็นการเร่งปฏิกิริยาของร่างกาย ให้พุ่งตัวออกไปจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
และโดยไม่ทันตั้งตัว ร่างของคริสตัลก็ลอยไปกระแทกเข้ากับกำแพงบ้านอย่างรุนแรง
โครม!!!
“อั่ก!!”
“เฮ้ย!!”
เสียงอุทานจากด้านนอกก็ดังตามมาทันทีที่ได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างโดนกระแทกอย่างแรง
..เจ็บ
นั่นคือความรู้สึกแรกหลังจากที่โดนอะไรบางอย่างผลักจนร่างทั้งร่างลอยไปกระแทกกับกำแพงอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงตาสีน้ำเงินค่อยๆลืมขึ้นมาก่อนจะเบิกตาโพล่งและถอยหลังด้วยความตกใจ ก็ในเมื่อตรงหน้าตอนนี้นะ!!
“ไง เจ้าคนฟังไม่รู้เรื่อง”
มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!!!
“ท่านพี่ นี่ท่านแอบเข้าไปใช่ไหม เปิดประตูให้ข้าเดียวนี้เลยนะ!!”
ปังๆๆ
เสียงรั่วประตูดังโครมครามกับเสียงตะโกนดังขึ้นอีกครั้ง ทะ ทำไงดี
“รีบจัดการแผลของนายซะ! ถ้ายังไม่อยากตายในตอนนี้” ดวงตาที่เรืองแสงสีฟ้าขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะจางหายไป ร่างของแวมไพร์ตนนั้นก็เดินตรงไปที่ประตูก่อนจะเปิดออกให้พวกที่โวยวายด้านนอกได้เข้ามา
และด้วยความหวาดกลัวว่าตนจะต้องตายถ้าไม่ทำตามคำพูดนั้น ทำให้ร่างทั้งร่างของคริสตัลสั่นกลัว จนต้องรีบทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
“อุ๊บส์!! กลิ่นนี้มัน!!”
“กลั้นหายใจไว้ซะ! ถ้าใครทนไม่ได้ก็รออยู่ด้านนอก!”
เสียงที่ทรงอำนาจดังขึ้น นั่นจึงทำให้คริสตัลสะดุ้งตกใจกลัวจนลนลานมากกว่าเดิม
“โอ๊ย! ซี๊ด” และด้วยความที่มือไม้สั่นเพราะความกลัว จากที่คิดว่าจะตั้งใจล้างแผลและพันแผลให้เสร็จก็กลายเป็นต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“อ๊ะ!”
“กลิ่นหอมดีจัง อืมม แต่นายควรต้องทำแผลโดยเร็ว ตามมานี้ ”
จู่ๆก็มีใครไม่รู้โผล่เข้ามาแล้วก็ดึงคริสตัลออกไปจากห้องครัวที่มีตู้ที่เก็บอุปกรณ์ทำแผลและยาสามัญที่ติดไว้ที่บ้านเสมอ แล้วก็พาตัวเขามานั่งที่ห้องรับรองแขกที่ตอนนี้ได้เปิดไฟเพื่อให้แสงสว่างไปทั่ว นั่นจึงทำให้เขามองเห็นพวกผู้มาเยือนได้ชัดเจนขึ้น
“ท่านพี่ ข้าจะทำแผลให้เขาเอง ถ้าท่านพี่ไม่ไหว..”
“ข้ารอได้ แต่จงรีบเข้า เพราะเรายังมีเรื่องที่ต้องทำ”
แล้วคริสตัลก็ถูกดันให้นั่งลงที่โซฟาทันทีที่มาถึง ชายตรงหน้าที่มีสีผมไม่ต่างอะไรกับคนที่นั่งจ้องมอง ต่างกันก็แค่คนหนึ่งออกน้ำตาลทองอีกคนออกน้ำตาลแดง ไม่ว่าเปล่าชายตรงหน้าก็จัดการล้างแผลที่ขาทันทีอย่างที่ปากว่า
“อ๊ะ!”
และด้วยความเจ็บแสบทำให้คริสตัลต้องเผลอร้องครางออกมาจนได้ สุดท้ายก็ต้องหาอะไรมากัดไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องออกมาอีก
“โอ๊ย!”
“เจ็บงั้นเหรอ ทนหน่อยสิ ฉันยังทนกับกลิ่นเลือดของนายได้เลย”
เสียงดุๆที่หลุดออกมาจากคนที่ทำแผลให้เอ่ยออกมา และไม่นานแผลที่มีเลือดไหลก็ได้รับการรักษาจากสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่า แวมไพร์เบื้องหน้าจนเสร็จสิ้น
“เอาละ ตอนนี้เรามาคุยกัน”
“อะ อะไร ครับ”
“พวกเราอยากรู้เรื่องเจ้า ยูเปียร์นะ นายก็เห็นแล้วนี่” สะดุ้งทันทีที่ได้ยินคำว่า ยูเปียร์ หลุดออกมาจากพวกแวมไพร์ตรงหน้า
คริสตัลหลุบตาลงเมื่อเหตุการณ์ที่ได้เจอมันครั้งแรกนั้นได้ผุดขึ้นมา และทำให้เขาต้องเห็นภาพ พ่อกับแม่นอนจมกองเลือดขึ้นมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้
“ฉันถามนายอยู่นะ”
เฮือก!!
คริสตัลสะดุ้งตกใจอีกครั้งเมื่อเสียงที่ทรงอำนาจนั้นเอ่ยขึ้นมาเสียงแหบอย่างคนที่กำลังอดทนกับอะไรบางอย่างอยู่ แถมอีกฝ่ายยังโผล่พรวดมาหยุดอยู่ตรงหน้า โดยที่ใบหน้าอีกฝ่ายอยู่ห่างจากใบหน้าของตัวเองไม่เท่าไหร่นัก
….
หลังจากที่ถามออกไปได้สักพักอีกฝ่ายก็ไม่ตอบออกมาสักที และนั่นก็ทำให้ความอดทนของลูคัสหมดลง
ร่างสูงจ้องมองดวงตากลมโตที่จ้องตอบมาอย่างตกใจ ในตอนนั้นเอง ดวงตาที่กำลังวาวโรจน์ขึ้นอย่างหงุดหงิดก็ต้องหยุดชะงัก ถึงแม้เพียงเสี้ยวเดียว ก็ยังสังเกตเห็น เพราะอยู่ใกล้กันเกินไป กลิ่นหอมจางๆที่มาจากกลิ่นเลือดรวมทั้งผิวกาย ก็เริ่มทำให้สติเกือบหลุดลอยหายไป เกือบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่เมื่อมีแสงปรากฏขึ้นมาวูบหนึ่ง และถ้าไม่สังเกตก็คงจะไม่เห็นมัน
..นั่นอะไร
และด้วยความสงสัย จึงได้เอื้อมมือออกไป นั่นทำให้ร่างเล็กตรงหน้าตกใจกลัวมากกว่าเดิมจึงได้เขยิบถอยหลังไป แต่ไม่รู้เขยิบไปท่าไหน ในสายตาของวินเซนต์ที่กำลังนั่งมองพี่ชายตนเองกับเหยื่อเลือดหอมตรงหน้า ถึงกับต้องเลิกคิ้วขึ้นมาด้วยความประหลาดใจกับท่าทางนั้นของพี่ชาย
ก็จะอะไร ก็ท่าทางนั้นมันเหมือนกับจะทำเรื่องอย่างว่าเข้าไปทุกทีแล้วนี่น่า
แต่ดูเหมือนว่า ทั้งคู่จะยังไม่รู้ตัวอะไรทั้งนั้น ซึ่งวินเซนต์ก็ไม่คิดจะขัดพี่ชายแต่อย่างใด แค่อยากดูฉากต่อไปก็เท่านั้น
หลังจากที่สิ่งนั้นมาอยู่ในมือ ลูคัสก็ต้องมองมันใหม่อีกครั้งเพื่อที่จะมองมันให้ชัดเจนขึ้น ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ เพราะสิ่งที่อยู่ในมือนั่น มันคือ
“แซฟนิซาฟิ”
ลูคัสพูดออกมาแผ่วเบาก่อนที่จะสำรวจเจ้าคนที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ผมสีฟ้าดุจพระจันทร์สีน้ำเงิน นัตน์ตาสีน้ำเงินดุจท้องฟ้าในคืนที่พระจันทร์สว่างมากที่สุด จมูกโด่ง คิ้วเรียงตัวสวยรับกับใบหน้า เหมาะกับริมฝีปากสีพีชที่กำลังเม้มแน่นและหันหน้าหนีเขาไป บวกกับกลิ่นเลือดที่ยั่วยวนนั่นแล้ว ก็ตัดสินใจอะไรได้ในทันที
“ท่านพี่ สรุปนี่ท่านอยากได้ข้อมูลหรืออยากได้เจ้ามนุษย์ตรงนั้นกันแน่ ข้าชักสงสัยซะแล้วสิ”
ด้วยคำพูดของผู้ที่เป็นน้องชายดังขึ้นนั่นจึงทำให้ลูคัสรู้สึกตัวและผละถอยหลังออกมานิดหน่อยก่อนจะสำรวจตัวเองอีกครั้งก็รับรู้ได้ว่าทำไมเจ้าวินเซนต์ถึงพูดออกมาแบบนั้น
“อะ ถะ ถอยออกไปนะครับ” เสียงที่สั่นกลัวเอ่ยขึ้นแผ่วเบา
“หึ งั้นก็เล่าในสิ่งที่รู้มาซะ”
….
จากนั้นร่างสูงจึงได้ถอยออกไปนั่งอยู่ที่เดิม ด้วยดวงตาที่เปล่งประกายบางอย่าง นั่นทำให้ร่างเล็กของคริสตัลต้องสะดุ้งขึ้นมาอีกครั้ง อย่าเสียวสันหลังแปลกๆ
“ทุกอย่างก็แบบที่บอกแหละครับ” และถึงแม้จะหวาดกลัว แต่พอได้พูดและระบายมันออกมาให้ใครได้รับฟังบ้าง คริสตัลก็รู้สึกโล่งใจ แต่มันก็ไม่นานนัก
“เพราะแบบนี้สินะ เจ้าพวกนั้นถึงเคลื่อนไหว”
“หมายความว่าไงท่านพี่ ข้าไม่เข้าใจ”
“เพราะเขาไงวินเซนต์”
“หืม เขาทำไม” แวมไพร์ตนที่ชื่อวินเซนต์ชี้นิ้วมาทางคริสตัลอย่างไม่เข้าใจ
นั่นสิ เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แล้วเรื่องเมื่อกี้ก็ด้วย
แซฟนิซาฟิ
มันคืออะไร คริสตัลก้มหน้าลงพลางกุมสร้อยคอของตัวเองอย่างไม่เข้าใจ
“เพราะเขาคือสิ่งนั้น”
“เดียวๆ ข้ายิ่งไม่เข้าใจใหญ่เลย”
เสียงถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายใจดังขึ้นรั้งให้คริสตัลหันไปมองก่อนจะสบตาเข้ากับดวงตาสีดำนั่นที่เรืองแสงสีฟ้าขึ้นมาวูบหนึ่ง สายตาที่จ้องมองมาอย่างกระหายอยากนั่น
“สะ สีตาของท่าน ได้ยังไง! อย่าบอกนะว่าเขาเป็น!!”
แล้วก็ยังมีแค่คริสตัลเท่านั้นที่ไม่เข้าใจ
“นัสเจสนิค ซานดร้า ทายาทแห่งจันทรา”
“โอ้ว ให้ตายสิ! เรื่องจริงใช่ไหม! แบบนี้ก็แย่แล้วนะสิ!!”
คริสตัลที่ได้แต่ฟังพวกเขาคุยกันไม่รู้เรื่องก็เกิดสงสัยขึ้นมาทันที เพราะทั้งคู่กำลังพูดถึงตัวเขาเองอยู่ แต่คริสตัลกลับไม่รู้ว่าทั้งสองหมายถึงอะไร
สุดท้ายคริสตัลก็ไม่รู้อะไรเลย เพราะยังไม่มีใครอธิบายอะไรให้เขาฟัง แล้วคาดว่าไม่นาน ทั้งสองคงจะบอก คิดว่างั้นนะ
