บทที่ 6
“พอได้แล้วมั้ง”
“เลือกมา ว่าแกจะออกไปซื้อเองหรือจะให้ฉันไป” พาขวัญเลิกคิ้วขึ้นสูงแล้วถามเสียงตึงๆ
“ฉันไปเองก็ได้”
“กลับมาเร็วๆ ด้วยล่ะ ห้ามไปซื้อที่ไหนไกลเกินเซเว่นหน้าหมู่บ้าน”
“เออ...รู้แล้ว” คามินเอ่ยรับเซ็งๆ จากนั้นจึงขับรถออกไปซื้อของตามที่บอก โดยระหว่างรอพาขวัญก็กินกับแกล้มไปด้วย
แต่ทว่าคามินกลับไม่ได้เลี้ยวซ้ายเข้าเซเว่นหน้าหมู่บ้านแต่อย่างใด เพราะเป้าหมายเขาไกลกว่านั้น ชายหนุ่มขับรถตรงไปบนถนนด้วยใบหน้านิ่งๆ แต่ใจนั้นกลับร้อนเป็นไฟ
ผ่านไปเกือบชั่วโมง เขาก็ขับรถเข้าไปจอดเทียบริมกำแพงบ้านหลังหนึ่ง เสียงออดที่ดังขึ้นจากหน้าบ้าน ทำให้เจ้าของบ้านอย่างเวทัยชะเง้อมอง กระทั่งเห็นว่าเป็นใครจึงเดินออกมาเปิดประตูให้ และทันทีที่ประตูรั้วถูกเปิดกว้างออก
ผัวะ
เสียงหมัดที่ถูกปล่อยออกมากระแทกกับกึ่งปากกึ่งจมูกของเวทัยดังขึ้น และคนที่ต่อยเขาเต็มแรงจนเลือดกบปากก็ไม่ใช่ใครอื่นคามินนั่นเอง
“ต่อยพอใจหรือยัง” เสียงห้วนๆ ของเวทัยเอ่ยถามขึ้น พร้อมกับใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มฝั่งที่ถูกต่อย
“ยัง”
“งั้นก็ต่อยอีกสิ ต่อยจนนายจะพอใจ” เวทัยเอ่ยบอกขึ้น คามินทำท่าจะเข้าไปต่อยชายหนุ่มซ้ำแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่ทำ
“ทำไมถึงทำแบบนั้น”
“แบบไหน” แม้จะรู้ว่าคามินหมายถึงอะไร แต่เวทัยก็ทำเป็นไม่รู้
“ที่นายไปบอกเลิกฝัน”
“อืม...ใช่”
“ไหนบอกจะดูแลฝันเป็นอย่างดี สุดท้ายกลับดีแต่ปาก” คามิน
กำมือทั้งสองข้างจนแน่น พาขวัญเจ็บเขายิ่งเจ็บกว่าเธอหลายเท่า
“ฉันพยายามแล้ว”
“นี่เหรอพยายามแล้ว ตอนที่มาขอให้ฉันหลีกทางให้นายได้จีบฝัน ฉันก็ทำให้เพราะนายสัญญาว่าจะรักและไม่ทำลายน้ำใจเธอ”
“ฉันก็รักษาสัญญามาตั้งสี่ปีที่ไม่เจาะไข่แดงเธอแล้วนี่ไง นายยังไม่พอใจอีกเหรอ” เวทัยจ้องหน้าคามินกลับมาเช่นกัน เขารู้ว่าคามินเองก็ชอบพอพาขวัญมาก แต่เธอไม่เล่นด้วยถึงได้แอบรักเพื่อนสนิทอยู่ข้างเดียวแบบนี้ คิดแล้วก็น่าสงสาร
“แล้วนายคิดว่ามันพอไหม ฝันเขาเสียใจมากจน...” ยังไม่ทันที่คามินจะได้เอ่ยจบประโยค เวทัยก็ชิงพูดแทรกขึ้น เพื่อบอกว่าเขานั้นก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอ
“แล้วฉันไม่เสียใจเลยหรือยังไง”
“นายนะเหรอเสียใจ อย่ามาโกหกหน่อยเลย” คามินมองออกว่าเวทัยไม่ได้ดรู้สึกเสียใจอย่างที่ปากพูด
“เสียใจสิ ทำไมฉันจะไม่เสียใจ เพราะฉันเองก็ต้องไปแต่งงานกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ นายรู้ไหมว่าการเสียสละเพื่อครอบครัวมันไม่ใช่เรื่องง่าย”
“อย่ามาทำเป็นพูดดีใส่ตัวหน่อยเลย ฉันรู้ว่านายจงใจจับผู้หญิงคนนั้นเพื่อขยายธุรกิจของนาย” นี่คือสิ่งที่คามินรู้มา และเฝ้าบอกตัวเองมาตลอดว่าเวทัยไม่ทำแบบนั้น สุดท้ายเขาก็มองคนผิดไปจริงๆ
“นายฉลาดดีนี่”
“สารเลว”
“ก็ถ้าครอบครัวฝันรวยหรือมีธุรกิจที่เอื้อกับของฉันสักนิด ไม่แน่ว่าฉันยังอาจจะเลือกเธออยู่”
ผัวะ
เสียงต่อยดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ระดับความรุนแรงนั้นดูเหมือนจะมากกว่าครั้งแรก เพราะถึงขนาดทำให้เวทัยเซถลาลงไปกองกับพื้นได้ ก่อนที่เขาจะถ่มน้ำลายซึ่งเต็มไปด้วยเลือดลงพื้น แล้วเงยหน้าขึ้นมอง คามินด้วยความโกรธ
“ไหนๆ ฉันก็ถอนตัวแล้ว นายก็เสียบเลยสิเอ เข้าไปดามใจฝันเสียตอนนี้รับรองว่าได้เปรียบสุดๆ ฝันจะใจอ่อนรับรักนายล้านเปอร์เซ็นต์”
“ฉันไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนั้น”
“ถ้างั้นนายก็เป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงอยู่แบบนี้ต่อไปแล้วกัน ระวังเถอะสักวันจะมีผู้ชายมาสอยมะม่วงที่นายเฝ้าไปกิน”
ผัวะ
ทันทีที่ฟังจบ คามินก็พุ่งเข้ามาต่อยหน้าเวทัยและต่อยซ้ำๆ อีกหลายครั้งจนคนถูกต่อยฟุบไปนอนกับพื้น เพราะสู้แรงของคามินไม่ได้นั่นเอง
“จำไว้ว่าฝันเขามีค่าสำหรับฉัน และนายต้องเสียใจที่ทำแบบนี้กับเธอ”
คามินยืนมองถุงเหล้า โซดาและน้ำแข็ง โดยเฉพาะน้ำแข็งที่เวลานี้ละลายกลายเป็นน้ำอยู่ในถุงเกือบหมด เขาซื้อของพวกนี้มาแต่กลับยืนมองมันอยู่ตรงหน้าบ้านพาขวัญ ก่อนจะตัดใจโยนทั้งหมดทิ้งลงถังขยะแล้วเปิดประตูเข้าบ้านเธอไป
“ไปซื้อถึงดาวอังคารมาหรือไง ถึงกลับเอาป่านนี้” คนรอเอ่ยถามทันที นั่นเพราะนั่งรอคามินจนเมื่อย เพราะรอนานทำให้เธอพลอยหมดอารมณ์ ไม่อยากดื่มต่อ
“เจอด่าน เลยจอดรถหลบก่อน กลัวถูกเป่า” ข้ออ้างของคามินดูจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่นัก นั่นเพราะมีหลักฐานหลงเหลืออยู่จนถูกจับได้
“เซเว่นหน้าหมู่บ้านเนี่ยนะมีด่าน เลี้ยวซ้ายออกไปก็เจอแล้ว”
“สงสัยวันนี้ตำรวจจะย้ายด่านมาแถวนี้มั้ง” คามินเฉไฉหวังเอาตัวให้รอดเหมือนกัน นี่ขนาดกึ่มๆ เมาแต่พาขวัญยังมีสติพอจะสอบสวนเขาได้
“แล้วนั่นมือแกไปโดนอะไรมา”
“นี่เหรอ” ชายหนุ่มยกมือตัวเองขึ้นมาดู อันที่จริงเขาเห็นแผลพวกนี้แล้ว แต่แค่ไม่คิดว่าพาขวัญจะสังเกตเห็นด้วย ดีใจอยู่หน่อยๆ เหมือนกันที่เธอเป็นห่วง
“อืม”
“ต่อยหมามา”
“ต่อยหมาหรือต่อยพี่หนึ่ง” คนรอเอ่ยถามอย่างไม่อ้อมค้อม
“หนึ่ง” คามินยอมสารภาพ
“ต่อยไปกี่ที”
“นับไม่ถ้วน”
“สมควร...ส่วนแก ต่อยคนอื่นมาแท้ๆ แต่กลับเจ็บตัว อ่อน”พาขวัญเบ้ปากใส่
“ก็เกิดมาไม่ค่อยต่อยใคร ตัดริบบิ้นที่หนึ่งคนแรก ขอโทษทีวะฝัน ที่เมื่อหลายปีก่อนฉันทำให้แกรู้จักหนึ่ง”
“ไม่เป็นไร มานั่งตรงนี่ เดี๋ยวทายาให้”
“อืม” คามินเอ่ยรับ จากนั้นก็ก้าวเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ โดยพาขวัญลุกไปหยิบกล่องยา ก่อนจะกลับมาหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ เขา
“แสบหน่อยนะ”
“แล้วนี่แกไม่อยากดื่มเหล้าแล้วเหรอ” เพราะใจห่วงแค่ความรู้สึกของพาขวัญ ทำให้คามินไม่สนใจความแสบตอนทำแผล เรียกได้ว่าแทบไม่รู้สึกอะไรเลยก็ว่าได้
“ไม่แล้ว รอแกจนเซ็ง”
“แกโอเคขึ้นบ้างยัง”
“ดีขึ้นบ้างแต่ยังไม่ครบร้อย พรุ่งนี้คงดีขึ้นเองแหละ” พาขวัญเองก็อยากแข็งแรงเร็วๆ เหมือนกัน แต่ก็รู้ว่าทุกอย่างมันต้องใช้เวลา
“วันนี้ไปทะเลกัน”
“เอ้า! แกนี่ก็ขยันชวนฉันไปทะเลเนอะ” เอ่ยจบก็นั่งท้าวสะเอวมองคนชวน
“อยากให้แกได้ไปพักผ่อนมากกว่า”
“ไปก็ไป ดีกว่านั่งๆ นอนๆ อยู่บ้าน”
“โอเค” คามินเอ่ยรับทันที ทริปทะเลเพื่อรักษาแผลใจจึงเริ่มขึ้น โดยคามินอาสาเป็นคนขับรถให้ แม้พาขวัญจะยิ้มและหัวเราะได้ แต่คามินก็มองว่ายังไม่เต็มร้อย ช่วงไหนอารมณ์พีคๆ เธอก็หงอยเป็นหมาเปียกฝนให้เขาเห็น แต่เขาก็ยังพยายามทำให้เธอยิ้มและหัวเราะ โดยสัญญาว่าเขาจะไม่มีวันไปไหน จะอยู่ข้างๆ เธอไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนก็ตาม
แต่ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน พาขวัญกลับเจอเซอร์ไพรส์ เพราะมีการ์ดสีชมพูเสียบไว้ตรงตู้รับจดหมาย พอเปิดออกดูจึงรู้ว่านั่นคือการ์ดเชิญให้ไปร่วมงานแต่งงานของเวทัย การ์ดใบสวยถึงกับร่วงไปจากมือของพาขวัญ
