EPISODE 03
TIGGER TALK
ว่ากันว่าความสำเร็จมักจะมาในรูปแบบของการต้องเสียสิ่งสำคัญไป ผมก้าวเดินมาตามฝันที่เคยใฝ่ตั้งแต่ยังเด็ก ผมประสบความสำเร็จโดยที่มีผู้หญิงคนหนึ่งคอยอยู่ข้าง ๆ เสมอ แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็เดินจากไปด้วยเหตุผลที่ว่า ผมไม่มีเวลาให้เธอ
ผมเดินออกจากห้องน้ำของห้องพักในโรงแรม ไร้เงาของผู้หญิงที่ไม่กี่นาทีก่อนนี้ผมยังกอดเธออยู่ มีเพียงเสียงสมาร์ตโฟนที่แผดร้องดังลั่นห้องกับเศษเสื้อผ้าที่หลงเหลือเพื่อย้ำเตือนว่าเหตุการณ์ก่อนหน้าเป็นความจริง ไม่ใช่ฝันที่ผมเคยฝันถึงบ่อย ๆ
“ครับผม” ผมเดินมาหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมากดรับเมื่อมันแผดร้องไม่หยุด อีกทั้งคนที่โทรเข้ามาเป็นคนสำคัญที่ผมต้องรับสายเธอตลอด
(ทำไมรับช้า ไม่สบายหรือเปล่า) ว่าที่เจ้าสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย เธอเคยเป็นคู่จิ้น และสังคมเข้าใจว่าเรากลายเป็นคู่จริง ซึ่งความจริงมันก็…
“อาบน้ำ”
(น้ำเสียงไม่ดีเลย ฝันอีกแล้วเหรอ)
“เปล่า”
(งั้นเป็นอะไร บอกมาเลย)
“วันนี้เราเจอทิชา”
(หือ? เจอแล้วเหรอ ได้คุยกันไหม)
“…”
(ทิกเกอร์)
“คุย เราตกลงว่าจะไม่รู้จักกันอีก”
(ทำไม ทิกเกอร์ไม่ได้อธิบายเรื่องของเราเหรอ)
“เปล่า”
(ทำไมไม่พูด มีที่อยู่ไหม เดี๋ยวเราไปคุยให้)
“เปล่าประโยชน์ ทิชามีคนใหม่แล้ว ทิชามีคนใหม่จริง ๆ อลิน” น้ำเสียงผมสั่นเครือเมื่อคิดภาพที่เธอไปเป็นของคนอื่น ตลอดเวลา 6 ปีที่ผมใช้เวลาว่างเพื่อตามหา แต่ผมก็หาเธอไม่เจอ ทั้งที่หาทุกที่ที่คิดว่าเธอจะไป
(อย่าร้องไห้นะ พรุ่งนี้ถ่ายงาน)
“อืม ว่าแต่อลินโทรมามีเรื่องอะไร”
(เขาโทรมา)
“พ่อของเด็ก?”
(อื้ม)
“บอกว่าไง”
(เขาอยากรู้ว่าใช่ทายาทของเขาไหม เขาให้เราเลื่อนงานแต่งจนกว่าจะสามารถตรวจ DNA ได้)
“ถ้าใช่ มันจะทำยังไง จะแต่งกับอลินเพื่อรับผิดชอบเหรอ หรือจะให้เป็นเมียลับ ๆ”
(นั่นสิ เราควรทำไงดีทิกเกอร์ เราไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย)
“อย่าเพิ่งเครียด มันกระทบเด็ก”
(จะไม่ให้เราเครียดได้ไง ข่าวออกไปครึกโครมว่าเราสองคนจะแต่งงานกัน สังคมเข้าใจว่าเราคบกันมาตลอด พอพลาดท้องเราก็โดนกระแสท้องก่อนแต่ง แล้วถ้าผู้ชายคนนั้นรู้ว่าเด็กในท้องเป็นลูกเขา แล้วเราสองคนจะทำยังไง เราทำทิกเกอร์เสียหายมาหลายรอบแล้ว เพราะข่าวของเราทำให้คนรักของทิกเกอร์…)
“ใจเย็น ๆ อลิน ทิชาแค่หมดรักเรา ทิชากับเราจับมือกันไม่แน่นพอ ไม่เกี่ยวกับอลินเลย”
(ถ้าเราไม่ท้อง ก็จะไม่เป็นข่าว คุณทิชาอาจจะกลับมาหาทิกเกอร์ เราไม่น่าเก็บเด็กไว้เลย)
“พูดอะไรออกมาน่ะอลิน เด็กไม่รู้เรื่องอะไร อย่าไปโทษเด็ก”
(ทิกเกอร์ ลินขอโทษ ลินเครียด ลินสับสน ลินไม่รู้ควรทำยังไง ลินไปหาทิกเกอร์ได้ไหม ลินไม่อยากบ้าอยู่คนเดียว)
“จะมายังไง มันอันตราย”
(เดี๋ยวให้คนขับรถไปส่ง)
“อื้ม ค่อย ๆ มานะ แล้วก็อย่าเพิ่งคิดมาก”
(อื้ม ขอบคุณนะทิกเกอร์ เดี๋ยวเจอกัน)
ผมกดวางสาย กดดูข้อความที่ถูกส่งเข้ามา จากนั้นก็ส่งตอบกลับไป แล้วทิ้งสมาร์ตโฟนลงกับเตียง เดินมาหาเครื่องดื่มดับความเครียด ผู้จัดการส่วนตัวบอกว่าจะเข้ามาหา ผมจึงปฏิเสธเพราะยังไม่อยากเจอ อย่างที่รู้กันว่าอลินเป็นดาราคู่จิ้นคู่กับผม และกระแสสังคมต้องการให้เราคบกัน หลาย ๆ ด้านเห็นว่าดี สามารถกอบโกยเงินได้เยอะ ก็เลยพยายามป้อนงานให้เราทั้งคู่ ซึ่งมันได้ผลตอบแทนที่ดี ดีมาก ๆ เลยด้วย ผมและอลินมีชื่อเสียงโด่งดังในชั่วพริบตา ในขณะเดียวกันเวลาส่วนตัวแทบไม่มี และห้ามมีเรื่องเสียหาย ห้ามมีข่าวชู้สาวกับคนอื่น นานวันเข้าคนเข้าใจว่าผมกับอลินคบกันจริง ๆ ทางผู้ใหญ่ก็บอกให้ปล่อยไป ไม่ต้องแก้ข่าว ทุกอย่างจึงเป็นอย่างที่เห็น ทั้งที่ผมกับอลินไม่เคยมีสัมพันธ์แบบนั้นเลย
เราไม่เคยคิดอะไรเกินกว่าเพื่อนร่วมงานที่เข้าใจความรู้สึกกันมากที่สุด
ไม่ต้องคิดว่าผมจะเป็นพ่อของเด็กในท้องอลิน ไม่มีความเป็นไปได้ เราไม่เคยมีอะไรกันจะมีลูกด้วยกันมันไม่ใช่ อลินท้องกับนักธุรกิจคนหนึ่ง ผู้ชายที่ซื้อพรหมจรรย์ของเธอด้วยเงินหลายล้าน เพราะช่วงนั้นเธอยังไม่ดัง ยังไม่มีกระแสจิ้นกับผม ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เธอต้องใช้เงิน เธอก็เลยขายร่างกาย เรื่องนี้มีแค่ผมและผู้จัดการของอลินที่รู้ ก็ไม่รู้ว่านักธุรกิจคนนั้นติดใจอะไรอลินนัก ถึงได้พลาดท้องจนได้ ถามหาให้รับผิดชอบคงจะยากเพราะนักธุรกิจคนนั้นเพิ่งแต่งงานไปเมื่อสองเดือนก่อน ได้ยินอลินเล่าว่าอลินและผู้ชายคนนั้นตกลงจะไม่ติดต่อกันอีก เมื่อเธอรู้ตัวทีหลังว่าท้องก็เลยเป็นผมที่เสนอตัวช่วยเพื่อรักษาชื่อเสียงให้เธอ เมื่อประกาศออกไปทำให้กลายเป็นข่าวดัง
ซึ่งมันควรจะจบ แต่กลับเริ่มวุ่นวายขึ้นเรื่อย ๆ
