ตอนที่ 2 โลกใบใหญ่
"แม่! พี่ชากลับมาแล้ว" ชาลิสาก้มลงถอดรองเท้าผ้าใบ ทว่าเมื่อได้ยินเสียงที่ดูเหมือนจะระริกระรี้เกินกว่าเหตุของน้องสาวก็พลันถอนหายใจออกมา
"เออ ๆ รู้แล้ว แกก็มาล้างจานได้แล้วยัยตา จานกองเต็มไปหมดแล้วเนี่ย หน้าที่ไม่รู้จักทำ วัน ๆ เอาแต่ทำอะไรอยู่"
"โอ๊ย… แม่วันนี้เวรพี่ชาล้างเหอะ อย่ามั่ว!ตาไปทำรายงานบ้านเพื่อนก่อนนะ กลับค่ำ ๆ นะแม่"
ชาลิสาเอนไหล่หลบเด็กสาวที่วิ่งออกมาจากในบ้าน อีกเพียงนิดเดียวหากหลบไม่ทันเกรงว่าเธอคงจะล้มลงไปกองที่พื้นแล้ว อาทิตาหันไปแยกเขี้ยวให้พี่สาวของเธอและรีบวิ่งออกไปโดยที่ไม่มีแม้แต่คำว่าขอโทษ ที่บ้านหลังนี้ก็เป็นอย่างนี้ตลอดนั่นแหละ เสียงบ่นเหมือนหมีกินผึ้งของน้ารี เสียงเถียงคำไม่ตกฟากของน้องตา ดังเข้าหูของชาลิสาทุกเช้าค่ำ แต่เธอจะไปพูดอะไรได้ เพราะหากไม่ได้น้ารีเมตตาสงสาร เลี้ยงดูเด็กกำพร้าอย่างเธอ ก็ไม่ใช่ว่าทุกวันนี้เธอคงจะตายไปนานแล้ว
"กลับมาแล้วเหรอชา หมอว่าไงบ้าง" อารีเดินเช็ดมือกับเสื้อตนเอง ก่อนจะนั่งลงที่โซฟา พลางพยักหน้าให้หลานสาวนั่งลงด้วย
"หมอว่าก้อนเนื้อในเต้านมไม่ใช่เนื้อร้ายค่ะ เป็นก้อนเนื้อธรรมดากินยารักษาไปตามอาการไม่น่าเป็นห่วงค่ะน้ารี" อารีพยักหน้าอย่างโล่งใจ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รักชาลิสาสุดหัวใจเหมือนกับที่รักอาทิตา ทว่าเธอก็เลี้ยงดูหลานสาวคนนี้มาตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ แล้ว จะไม่ผูกพันกันเลยก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ยิ่งมาเห็นว่าหลานที่เลี้ยงมาต้องมาเจ็บป่วยก็ยิ่งสงสารไปกันใหญ่ หวังเพียงก้อนเนื้อบ้านั่นจะเป็นเพียงก้อนเนื้อธรรมดาไม่ใช่ก้อนเนื้อร้ายก็เท่านั้น
"เฮ้อ… เราก็อย่าลืมกินยาตามที่หมอสั่งละกัน ไป ๆ ขึ้นไปนอนพักเถอะ เดี๋ยวเย็น ๆ ค่อยลงมากินข้าว" เมื่อเห็นว่าสีหน้าของหลานสาวไม่ค่อยจะสู้ดีนัก อารีจึงถอนหายใจออกมาและโบกมือไล่ให้อีกฝ่ายขึ้นไปพักผ่อนบนห้องเสียก่อน
"ถ้าอย่างนั้นชาขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ น้ารีไม่ต้องล้างจานนะเดี๋ยวชาลงมาจัดการเอง" ยิ่งได้ยินอย่างนี้ อารีก็พลันเวทนาหลานสาวมากขึ้นไปอีก คนเป็นน้าย่อมรู้ดีว่า หลานสาวไม่อยากเป็นภาระ สิ่งไหนที่ทำได้ แม้ว่าจะไม่มีใครเอ่ยปาก ชาลิสาก็มักจะทำเองทุกอย่าง เพราะอย่างนี้อาทิตาจึงได้ใจ โยนงานตัวเองให้พี่สาวอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ อารีเองก็เคยต่อว่าลูกสาว ไม่ใช่ไม่เคยต่อว่า แต่อาทิตากลับตอบเธอกลับมาว่า
'โอ๊ย!แม่ จะอะไรนักหนา พี่ชาชอบทำงานบ้านก็ปล่อยให้พี่ชาทำไปเถอะ อีกอย่างนะแม่ บ้านนี้อะบ้านของพ่อ พี่ชามาอาศัยก็ต้องช่วยงานเจ้าของบ้านอยู่แล้วไหม เคยได้ยินปะ อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น แต่พี่ชาไม่ต้องปั้นวัวควายให้ตาหรอก ทำงานบ้านแทนตาก็พอ'
"เราพักสักวันเถอะชาเอ๊ย งานการก็ลาออกมาเถอะ เรื่องเงินประกันพ่อแม่เราที่น้ายืมไปก็ไม่ต้องห่วง น้านพก็พยายามทำงานอยู่ทุกวัน คงจะได้ผ่อนจ่ายเราเร็ว ๆ นี้แหละ"
"น้ารีอย่าคิดมากเลย เงินพวกนั้นชาไม่เอาคืนหรอกค่ะ อย่าพูดถึงอีกเลย ส่วนเรื่องงานชายังไหว หมอบอกแล้วว่าระยะแรก รักษาดี ๆ ก็หาย ไม่ต้องลาออกจากงานก็รักษาตัวได้เหมือนกัน น้ารีไม่ต้องเป็นห่วงชานะ" อารีถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ชาลิสาเห็นว่าน้าสาวกำลังจะเกลี้ยกล่อมตนเองอีก ก็รีบเอ่ยปากขอตัวขึ้นไปบนห้อง
…
ชาลิสาเดินขึ้นมาบนห้องนอนด้านบนชั้นสอง ห้องนี้เรียกได้ว่าเป็นห้องส่วนตัวของเธอครึ่งหนึ่ง เพราะอีกครึ่งหนึ่งเป็นของอาทิตา เตียงนอนขนาดสามฟุตครึ่งถูกน้องสาวยึดครองไปคนเดียว ส่วนเธอมีเพียงที่นอนสปริงวางบนพื้นเท่านั้น ชาลิสายื่นมือไปรวบผ้าม่านหน้าต่างตรงที่นอนของเธอขึ้น เธอเดินไปเก็บเตียงนอนของน้องสาว และเก็บกวาดห้อง อาจเพราะห้องเล็ก ๆ จึงไม่ได้เปลืองแรงมากเท่าไรนัก และเมื่อทำเสร็จหญิงสาวก็เดินมานั่งบนที่นอนตัวเอง
ดวงตาเรียวหันไปเห็นรูปถ่ายครอบครัวที่ใส่กรอบเอาไว้อย่างดี ตั้งเอาไว้บนโต๊ะด้านบนหัวเตียง เธอยื่นมือหยิบมันลงมา คนในภาพยิ้มออกมาอย่างมีความสุข นานเพียงใดแล้วนะ นานแค่ไหนกันที่เธอต้องโดดเดี่ยวท่ามกลางโลกใบใหญ่ใบนี้ วันเวลาผ่านไปจนความเจ็บปวดครั้งวันวานจางหายไป เหลือเพียงความทรงจำที่อ้างว้างเท่านั้น
"พ่อขา แม่ขา ชาคิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน" ชาลิสาจ้องมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของพ่อกับแม่ผ่านม่านน้ำตาเธอวางกรอบภาพนั้นไว้ตรงหน้าอก และกอดเอาไว้แน่น
"พ่อ… แม่… ชากำลังป่วย ถ้ารักษาไม่หาย ชาจะได้เจอพ่อกับแม่หรือเปล่านะ อยากรู้จังเลย