บทที่ 3
มันเป็นเวลา 2-3 เดือนมาแล้ว และนั่นคือความรู้ครั้งแรกของปิแอร์เกี่ยวกับความเกี่ยวข้องเล็กๆ”
น้อยๆ” ที่เขามีต่อชีวิตของบอนด์ แบสเชอร์...ดังนั้น การพบกับกิลเดย์จึงยิ่งมีความหมายสำหรับเขามากขึ้น และสำเร็จลงด้วยความพยายามอย่างสุดเหวี่ยง และบัดนี้ในที่สุดด้วยความพยายามเป็นครั้งที่ 3 ปิแอร์ก็ได้มานั่งอยู่ตรงหน้ากิลเดย์ ในห้องเมดิสันคาเฟ่
ปิแอร์กล่าวถึงความยินดีที่ได้พบกับนักหนังสือพิมพ์ผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าเกือบจะทันที
“ไม่จำเป็น” กิลเดย์ว่า บริกรกลับมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อรอฟังคำสั่ง และขณะที่กิลเดย์อ่านเมนูนั้นซ้ำอีกครั้งหนึ่งโดยสั่งซุปไก่ใส่เส้นหมี่ เนยแข็งกับแซนด์วิชผักสด ปิแอร์ก็ศึกษาหัวหน้าข่าวผู้นี้ คิ้วใหญ่ทั้งคู่เป็นสีขาวจมูกโด่งเป็นสัน กรามใหญ่ จอนตัดเรียบ คอสั้น ร่างเตี้ย อยู่ในชุดสีเทาขรึมๆ”
หลังจากที่ปิแอร์สั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว เขาก็ชี้ที่เครื่องบันทึกเสียงซึ่งวางอยู่บนโต๊ะพลาสติก
“ไม่รังเกียจใช่ไหมครับ” ปิแอร์ถาม
“เอาเลย” กิลเดย์ตอบ “สำหรับตัวผมเองแล้วไม่เคยใช้ รู้สึกเสียเวลาเปล่าๆ” การแกะข่าวเป็นการเพิ่มงานให้กับตัวเอง ส่วนใหญ่ไม่ใคร่ได้ประโยชน์อะไรนัก...แต่...ไม่เป็นไร ผมไม่รังเกียจที่จะใช้เทปสักครั้ง”
ปิแอร์กดปุ่ม และเครื่องบันทึกเทปก็เริ่มทำงาน
“คุณมาอยู่ในวอชิงตันนานเท่าไหร่แล้วครับ” เขาถาม
“ย้ายมาอยู่ที่นี่สักปีเห็นจะได้ ก่อนที่บอนด์ แบสเชอร์จะย้ายเข้ามาอยู่ในทำเนียบขาว”
“ประมาณ 2 ปีครึ่ง”
“ก็ประมาณนั้น ผมภาคภูมิใจในตัวเธอจริงๆ” เธอทำให้บ้านเก่าเป็นบ้านใหม่ เธอเป็นคนที่มีรสนิยมสูงเหมือนแจคเกอลีน เคนเนดี้ สง่าและซื่อสัตย์เหมือนเบตตี้ ฟอร์ด ดูเป็นมนุษย์ธรรมดากว่าทุกคน เป็นคนที่มีหัวทางการเมืองมากกว่าใครด้วย เธอมีส่วนคล้ายโรซารีน คาร์เตอร์ มาก มีปฏิภาณไหวพริบที่วิเศษมาก ตามสายตาของผมนะ เราได้คนที่ดีที่สุดจริงๆ””
“ผมเห็นด้วย” ปิแอร์ว่า “ผมทำงานกับเธออย่างสบายใจมาก คุณได้พบเธอบ่อยไหมครับหลังจากที่เธอได้เป็นสตรีหมายเลข 1 แล้ว”
“ไม่บ่อยนัก ผมไม่มีอะไรจะต้องทำเกี่ยวกับปีกด้านตะวันออกนั่น ผมประจำอยู่ทางด้านปีกตะวันตก เป็นเขตด้านการเมืองของท่านประธานาธิบดี แต่เธอก็กรุณาผมมากเชิญไปร่วมงานเลี้ยงรับรองของรัฐบาล 4 ครั้งแล้ว”
“ผมไม่เคยทราบมาก่อนเลยครับ ว่าคุณเกี่ยวข้องกับชีวิตของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อไม่นานมานี่ เธอเอ่ยขึ้น”
“อย่างนั้นหรือ...เธอว่าอย่างไรบ้างล่ะ”
“ก็เล่าเรื่องที่คุณช่วยเธอไม่ให้ถูกออกจากงาน หลังจากงานชิ้นแรกที่ลอสแอนเจลีส ไทม์ ล้มเหลวน่ะครับ”
“เธอเล่าให้คุณฟังเช่นนั้นหรือ”
“ครับ เธอว่าเธอเป็นหนี้คุณมาก”
“มันเป็นเรื่องธรรมดา เป็นใคร...ใครก็ต้องทำ...ชั่วจริง...ตอนนั้นน่ะ เธอเพิ่งจะสำเร็จจากโรงเรียนสดๆ” ร้อนๆ” แล้วก็เพิ่งทำงานได้ 2-3 ชิ้นเท่านั้น” เขาเว้นระยะ “เธอบอกคุณว่าอย่างไรบ้างล่ะ”
“ก็เรื่องจริงที่เกิดขึ้นนั่นแหละครับ เธอคิดว่าคุณจะเชื่อพวกนั้น เพราะคนที่นั่นออกจะสีสันมากไปหน่อย”
“ต่อไปซิ”
“งานชิ้นแรกสำหรับหนังสือพิมพ์ของเธอ” ปิแอร์พูด “มันมีความสำคัญสำหรับเธอมาก และบรรณาธิการบริหาร...ผมไม่ทราบชื่อเขา”
“เดฟ นูเก้นท์”
“ขอบคุณครับ...เขาสั่งให้เธอสัมภาษณ์คนสำคัญ...”
“ดร.โจนาส ซอล์ค เป็นผู้ค้นคิดวัคซีนป้องกันโปลิโอขึ้น ซึ่งตอนนั้นเขาขึ้นมาจากลาจอลล่า มาบรรยายที่ลอสแอนเจลิส”
“ครับ เธอก็ออกไปสัมภาษณ์ แล้วก็ได้เรื่องมา ซอล์คท่าทางเป็นมิตรมาก ให้รายละเอียดที่วิเศษมากจริงๆ” เธอก็ลงมือเขียนข่าว เสร็จแล้วก็ส่งให้คุณเพื่อที่จะได้อ่านก่อนที่จะส่งให้บรรณาธิการ คุณได้พบว่าเรื่องนั้นเขียนไม่ได้ความเลย ใส่ความคิดเห็นของตัวเองลงไปมาก ผิดลักษณะการเขียนข่าว...และอะไรอีกมากมาย โดยที่ไม่บอกให้เธอรู้ คุณเอามันกลับมา คุณรู้ว่าถ้าบรรณาธิการเห็นเข้า เขาจะต้องไล่เธอออกทันที แทนที่จะทำอย่างนั้น คุณก็เลยกลับไปให้เพื่อนสนิทของคุณ ให้เขาเขียนขึ้นใหม่ คนคนนั้นชื่อสตีฟ วู้ดสัน...”
“สตีฟ วู้ดส์” กิลเดย์ช่วยแก้ให้
“ครับ ของคุณ วู้ดส์ ซึ่งเขาก็เขียนขึ้นใหม่อย่างเรียบร้อย ส่งกลับมาให้คุณตามที่คุณสั่งไว้ แล้วคุณก็เอาเรื่องใหม่ที่เขียนไว้เรียบร้อยแล้วนั้นส่งให้กับบรรณาธิการเขาชอบมันมาก แล้วก็เลยบรรจุตำแหน่งให้เธอ พอเธออ่านเรื่องที่พิมพ์ออกมา เธอก็ตกใจเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็ไปถามคุณ และคุณก็บอกเธออย่างตรงไปตรงมา คุณบอกเธอว่า เรื่องราวที่เธอสัมภาษณ์มานั้นน่ากลัวเกินไป คุณชี้ให้เธอเห็นข้อผิดพลาดที่เธอได้ทำลงไป คุณบอกเธอว่า คุณได้ส่งเรื่องนี้ให้วู้ดส์เขียนเสียใหม่คุณชี้ให้เห็นจุดที่เขาแก้ข้อเขียนของเธอเพื่อให้เกิดความยอมรับ และเธอก็เรียนรู้ได้เร็วมาก ครั้งต่อไป...และทุกครั้ง หลังจากนั้นเธอก็ทำได้อย่างถูกต้อง...นี่คือเรื่องที่ท่านผู้หญิงบอนด์ แบสเชอร์ เล่าให้ผมฟัง ถูกต้องไหมครับ”
“อือม์...ก็เห็นจะเป็นเช่นนั้น รู้สึกว่าจะถูกต้อง” เขาว่า ยกมือขึ้นป้องปากขณะที่ใช้ไม้จิ้มฟันเขี่ยเศษอาหารที่ติดอยู่ตามร่องฟัน “มีเพียงอย่างเดียวที่ผิดพลาดไป นั่นก็คือผมไม่เคยบอกความจริงเธอ ไม่มีสตีฟ วู้ดส์ หรอกครับ เขาไม่ได้เกี่ยวข้องเลย ถ้าเขามีตัวตน ผมก็คงไม่ส่งให้เขาดูแน่ ผมไม่ต้องการให้เขาหรือว่าใครรู้ว่าบทความชิ้นแรกที่เธอเขียนไม่ได้ความขนาดไหน ไม่อยากให้เรื่องนี้รู้ไปถึงเจ้านายด้วย...ไม่ได้เลย...ความจริงก็คือ ผมเอาเรื่องของเธอกลับไปบ้านแล้วเขียนมันขึ้นใหม่หมด แล้วถึงได้ส่งมันไป...ไม่ได้บอกเธอว่าผมเป็นคนทำ ผมไม่ต้องการให้เธอรู้สึกว่าเธอเป็นหนี้ผม ผมต้องการเป็นเพียงเพื่อนของเธอเท่านั้น เพราะฉะนั้นเธอไม่มีโอกาสรู้ว่าผมเป็นคนทำ ไม่รู้ในตอนนั้น และไม่รู้เลยจนถึงในตอนนี้ ดังนั้นตรงนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยสำหรับคุณ คุณจะเอาตอนนี้ไปใส่ในหนังสือพิมพ์ของคุณไม่ได้ ผมเล่าให้คุณฟังในฐานะนักข่าวต่อนักข่าว...ลืมมันได้เลย”
เป็นคนแปลกชะมัด...ปิแอร์คิด ยกกาแฟอึกสุดท้ายขึ้นดื่ม ทุกวันนี้มีคนประเภท...ไม่อยากได้ใคร่ดี...น้อยเต็มที...
“ผมยินดีมากครับ” ปิแอร์พูด “ดังนั้นหลังจากเรื่องของซอล์คแล้ว เธอก็ได้เป็นนักข่าวเต็มตัว เธอทำงานด้านสัมภาษณ์คนดังเป็นเวลาประมาณ 3 ปี”
“ถูกต้อง และหนึ่งในคนสุดท้ายที่เธอสัมภาษณ์คือวุฒิสมาชิกจากรัฐแคลิฟอร์เนียชื่อแอนดรู แบสเชอร์ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเธอ”
“ครับ แน่นอน ผมอยากฟังเรื่องเกี่ยวกับบรรดาผู้มีเกียติทั้งหลายที่เธอได้ไปสัมภาษณ์ก่อนที่จะถึงแบสเชอร์ด้วยครับ”
“ก็ได้” กิลเดย์ตอบ
ขณะนั้นแคชเชียร์เดินมาที่โต๊ะ
“ขอโทษค่ะ มีใครชื่อกัสเบล ปิแอร์ ไหมคะ”
ปิแอร์เงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจ
“ผมเอง”
“มีโทรศัพท์ถึงท่านจากทำเนียบขาวค่ะ กรุณาใช้เครื่องที่แผนกลงทะเบียนนะคะ”
ปิแอร์วางผ้าเช็ดปากลงอย่างประหลาดใจ กล่าวคำขอโทษ และเดินตัดห้องไปยังเครื่องรับโทรศัพท์
เสียงจากปลายสายคือแนนนี่ อุดมศักดิ์
“ฉันตามหาตัวคุณยากเย็นเหลือเกิน” เธอว่า “แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าคุณจะไปรับประทานอาหารที่เมดิสัน”
“ครับ ตามที่ผมบันทึกไว้กับยอร์จ กิลเดย์”
“คุณช่วยย่นเวลาหน่อยได้ไหมคะ บอนด์อยากพบคุณเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้”
“ถึงอย่างไรผมก็จะต้องไปพบเธอภายในหนึ่งชั่วโมงนี้เพื่อ...”
“ไม่ใช่ค่ะ เรื่องนั้นยกเลิกไปแล้ว หมายกำหนดการของเธอแน่นมาก คือ...เธอจะเดินทางไปมอสโคว์ในตอนบ่ายวันพรุ่งนี้ เพราะฉะนั้น ก็คงไม่มีเวลาทำงานเรื่องหนังสือกับคุณ แต่มันยังมีอย่างอื่นที่เธออยากจะพูดกับคุณ ถ้าคุณสามารถมาได้ทันที...ภายใน 15 นาที หรือประมาณนั้น...”
“โอ...เค...ผมจะพยายาม ที่จริงการที่จะได้พบกับกิลเดย์นั้นยากมาก”
“พบเขาวันอื่นได้ไหมคะ กรุณาเถอะค่ะ รีบมาหน่อยก่อนที่อะไรๆ” มันจะได้กำหนดลงไป”
เธอวางหูไปแล้ว ปิแอร์วางเครื่องรับลง ไม่รู้จะพูดกับกิลเดย์ว่าอย่างไร แต่แล้วทุกอย่างมันกลับง่ายเข้า เขาไม่ต้องบอกอะไรเลย เมื่อเขากลับมาถึงโต๊ะ กิลเดย์ยืนคอยอยู่ก่อนแล้ว ถือซองบุหรี่ ไม้ขีดและพวงกุญแจไว้ในมือ
“ผมเข้าใจ” เขาพูดอย่างล้อๆ” “จากทำเนียบขาว มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น...มันก็อย่างนี้เสมอละ”
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ” ปิแอร์พูด ขณะที่มองดูรายการค่าอาหาร และหยิบเงินขึ้นมาวาง “ผมดีใจที่คุณเข้าใจ...คุณช่วยผมได้มากทีเดียว เราจะจบเรื่องนี้ในคราวหน้าได้ไหมครับ”
“เมื่อไหร่ก็ได้ที่คุณพร้อม”
เขาเดินเคียงคู่กันออกไป และยืนอยู่ด้วยกันตรงหน้าประตูโรงแรม ข้างนอกถนนร้อนเหมือนเตาอบ ไม่มีปัญหา...ปิแอร์ตัดสินใจที่จะทิ้งรถของเขาไว้ และเดินไปทำเนียบขาว ซึ่งจะใช้เวลาเพียง 15 นาที เขาอยากจะมีเวลาอยู่กับความคิดของตัวเองสักระยะหนึ่งขณะที่กิลเดย์สั่งให้รถออกมารับ ปิแอร์ก็กล่าวขอบคุณเขาอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินจากไป...
