Lady ผู้หญิงของผม 1

71.0K · จบแล้ว
โรสแมรี่ เอเรแกรน
30
บท
66
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

แนนนี่ อุดมศักดิ์ ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนและเลขานุการฝ่ายข่าวสาร กับริชชี่ มณีกานต์ ซึ่งเป็นเลขานุการส่วนตัว ทั้งคู่สามารถช่วยได้อย่างเต็มที่ และทำให้คลายใจลงได้มาก แต่ภาระนั้นยังหนักอึ้งอยู่ นับตั้งแต่แรกที่เธอได้กลายเป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 เธอเคยให้สัมภาษณ์นักข่าวเพียง 4 ครั้งเท่านั้นในระยะ 2 ปีครึ่ง และครั้งนี้ด้วยการเร่งเร้าของสามี (ซึ่งบอกว่าจะเป็นการช่วยเราทั้งสองคน) จึงเป็นครั้งที่ 5 และเพราะว่าเธอเก็บตัวเงียบมาเป็นเวลานาน คำถามต่างๆ” จึงประดังกันเข้ามามาก (เล่ม 1)

นิยายรักโรแมนติกนิยายปัจจุบันนิยายรักพลิกชีวิต

บทที่ 1

เธอนั่งอยู่ ณ ที่นั้นด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้น การทดสอบใกล้จะเสร็จสิ้นลงแล้ว...

ห้องสีเหลืองรูปรีนั้นตบแต่งด้วยเครื่องห้องสมัยหลุยส์ที่ 16 ดูสง่างาม เธอนั่งตัวตรงเตรียมพร้อมอยู่บนเก้าอี้นวมตัวกลาง ซึ่งเป็นลายริ้ว หันหลังให้กับหน้าต่างรูปวงโค้ง เปิดออกสู่สนามด้านทิศใต้ และกำลังเผชิญหน้าอยู่กับนักข่าวประจำทำเนียบขาว ซึ่งเป็นผู้หญิงอย่างน้อย 20 คน ผู้ชาย 4 คน ต่างก็นั่งอยู่บนเก้าอี้พับ ทุกคนดูช่างไร้ความเมตตาเสียนี่กระไร

เธอนั่งอยู่ระหว่างแนนนี่ อุดมศักดิ์ ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนและเลขานุการฝ่ายข่าวสาร กับริชชี่ มณีกานต์ ซึ่งเป็นเลขานุการส่วนตัว ทั้งคู่สามารถช่วยได้อย่างเต็มที่ และทำให้คลายใจลงได้มาก แต่ภาระนั้นยังหนักอึ้งอยู่ นับตั้งแต่แรกที่เธอได้กลายเป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 เธอเคยให้สัมภาษณ์นักข่าวเพียง 4 ครั้งเท่านั้นในระยะ 2 ปีครึ่ง และครั้งนี้ด้วยการเร่งเร้าของสามี (ซึ่งบอกว่าจะเป็นการช่วยเราทั้งสองคน) จึงเป็นครั้งที่ 5 และเพราะว่าเธอเก็บตัวเงียบมาเป็นเวลานาน คำถามต่างๆ” จึงประดังกันเข้ามามาก

ชั่วโมงที่ผ่านไป คำถามต่างๆ” ไม่ผูกพันอะไรนักส่วนใหญ่เป็นคำถามง่ายๆ” และไม่สลักสำคัญอะไร อาทิ...เป็นความจริงหรือไม่ที่ท่านต้องงดรับประทานอาหารประเภทคาโบไฮเดรต...คิดจะลงซ้อมเทนนิสอีกไหม...หรือว่า ท่านมีส่วนช่วยในการรณรงค์หาเสียงให้กับสามีในตอนแรกๆ” จริงหรือไม่...เป็นความจริงหรือไม่ที่ว่า ท่านประธานาธิบดีมีความไว้วางใจในตัวท่าน และเคยปรึกษาหารือขอความเห็น เกี่ยวกับปัญหาของบ้านเมือง...นิยายเรื่องสุดท้ายที่ท่านอ่านชื่ออะไร...ท่านมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับแฟชั่นของสตรีที่รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว...แลดบิวรี่แห่งลอนดอน ยังเป็นช่างตัดเสื้อผู้ชายที่ท่านโปรดปรานอยู่หรือไม่...ท่านมีความรู้สึกอย่างไรกับความเห็นของประชาชน ที่กล่าวขวัญถึงท่านในฐานะสตรีที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกในทุกวันนี้...และ...คำถามแล้วคำถามเล่าโดยไม่มีการหยุดพักหายใจกัน...

แต่ขณะนี้ นักข่าวสาวร่างเพรียวจากเท็กซัสคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นว่า

“ท่านผู้หญิงคะ ตามข่าวประกาศว่าท่านจะเดินทางไปร่วมประชุมสภาสตรีสากล ในมอสโคว์...ในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะออกเดินทางร่วมกับสามีของท่านไปประชุมสุดยอดที่ลอนดอนนั่น...”

“ค่ะ...”

“ท่านจะช่วยแถลงความคิดเห็น เกี่ยวกับปัญหาเรื่องสิทธิของสตรี หรือปัญหาที่เกี่ยวกับการทำแท้งไหมคะ...และท่านจะพูดถึงปัญหานี้ในมอสโคว์ด้วยไหมคะ”

เธอรู้สึก...ขณะนี้เลขานุการฝ่ายหนังสือพิมพ์ขยับตัวอย่างไม่ใคร่สบายใจนักอยู่ข้างๆ” แต่เธอก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับสัญญาณเตือนนั้น และตอบคำถามนั้นว่า

“ดิฉันตั้งใจไว้ว่า จะพูดถึงปัญหานี้ เมื่อดิฉันได้ขึ้นพูดในที่ประชุม สำหรับความคิดเห็นของดิฉัน...คงจะไม่เปลี่ยนแปลงในหลักการแน่ ดิฉันยังมีความเชื่อในเรื่องสิทธิของสตรีในสหรัฐอเมริกาว่า จะต้องใช้เวลาเพื่อจะให้บรรลุถึงเป้าหมายที่ต้องการ และได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้นทุกวัน...สำหรับปัญหาเรื่องการทำแท้งนั้น ก็ยังจะต้องมีเรื่องที่ต้องพูดกันทั้งสองฝ่ายอีกมาก” เธอเว้นจังหวะ...ขณะที่ได้ยินเสียงเลขานุการฝ่ายข่าวสารถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก และกล่าวต่อไปว่า “อย่างไรก็ตาม ดิฉันรู้สึกว่า คงจะไม่มีการออกกฎหมายที่ห้ามไม่ให้มีการทำแท้งแน่ ดิฉันว่า ในปัญหานี้น่าจะได้มีการตัดสินใจร่วมกัน”

“แล้วท่านจะพูดถึงปัญหานี้ในมอสโคว์ไหมคะ”

“แน่นอนค่ะ และดิฉันจะทำให้เรื่องนี้มีความหมายขึ้น โดยยึดถือจากดัชนีสถิติที่ดิฉันได้รับมา ปัจจุบันนี้...ผู้หญิงทั่วสหรัฐอเมริกาก็ยืนอยู่บนปัญหาทั้งสองนี้แหละค่ะ”

นักข่าวอีกคน ผู้หญิง ผอมสูง หนังหุ้มกระดูกกำลังยืนขึ้นสำเนียงของเธอบอกชัดว่าเป็นชาวบอสตัน

“ท่านผู้หญิงคะ กรุณาบอกเราหน่อยได้ไหมคะว่าท่านจะพูดกันถึงปัญหาเรื่องใดในการประชุมของสภาสตรีสากลครั้งนี้”

“ก็...ผู้หญิงในหน่วยทหารอเมริกัน...ผู้หญิงในกองทัพของเรา...อ้อ...แล้วก็เรื่องอื่นๆ” อีกมากค่ะ ดิฉันจะมีแถลงการณ์ในด้านรายละเอียดให้เมื่อกลับมาแล้ว”

บรรณาธิการสตรีของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ยืนขึ้น

“ดิฉันเข้าใจว่าท่านจะอยู่ในมอสโคว์ 3 วัน ช่วยเล่าให้ฟังได้ไหมคะว่า ท่านคิดว่าจะทำอะไรอื่นอีก นอกจากการไปร่วมประชุม...ที่ได้มีไว้ในหมายกำหนดการน่ะค่ะ”

“ก็...เนื่องจากครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ดิฉันได้ไปเยือนสหภาพโซเวียต ดิฉันหวังที่จะมีเวลาพอที่จะได้เที่ยวชมบ้านเมืองของเขาบ้าง...แต่ดิฉันคิดว่า แนนนี่คงจะแถลงเรื่องหมายกำหนดการของดิฉันได้”

เธอมองไปทางแนนนี่ อุดมศักดิ์ เลขานุการฝ่ายข่าวสารของเธอ ซึ่งรับช่วงต่ออย่างรวดเร็ว มีความสามารถและร่าเริงแจ่มใส

บอนด์ แบสเชอร์ เอนหลังลงนั่งสงบด้วยความโล่งอกเป็นครั้งแรก วันซึ่ง...โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงตั้งแต่เที่ยงมาจนถึงบัดนี้ เหนื่อยหนักมาตลอด...ครอบงำอยู่แต่ความวิตกกังวล ซึ่งเธอไม่ทันได้คิดถึงเลยจนกระทั่งถึงเวลานี้ว่าตัวเองเหนื่อยอ่อนมากมายเพียงใด...รู้สึกเหมือนตัวเองขาดระเบียบ เธอก้มลงมองเสื้อสเวตเตอร์ไหมพรมสีน้ำเงินอ่อนกับกระโปรงอัดจีบสีน้ำเงินที่สวมใส่อยู่ ทั้งชุดดูใหม่ประณีตสดใส...แล้วผมเผ้าล่ะ...เธอรวบผมสี บลอนด์ยาวเป็นมันเลื่อมไปทางด้านหลัง รัดร้อยไว้ด้วยริบบิ้นไหมบนขมวดมุ่นของปลายผม...แต่บ่อยครั้ง ที่เส้นผมนั้นหลุดร่ายลงมาบนหน้าผาก เพื่อเป็นการรักษาบุคลิกภาพ เธอใช้มือปัดเส้นผมนั้นให้เข้าที่เรียบร้อย

แนนนี่ กำลังถือหมายกำหนดการเดินทางไปเยือนมอสโคว์ของสุภาพสตรีหมายเลข 1 ให้พวกนักข่าวดู และบอนด์ แบสเชอร์ ก็รู้สึกขอบคุณเธออย่างยิ่ง ขณะที่แสร้งทำเป็นว่าสนใจกับเลขานุการฝ่ายข่าวสารอยู่นั้น บอนด์ก็ปล่อยความคิดของเธอให้จมดิ่งเข้าสู่เหตุการณ์ เมื่อตอนสายของวันอันสำคัญนี้ เรื่อยมาจนถึงเวลาก่อนเที่ยงวัน และก่อนหน้าเวลานี้...คือเมื่อตอนก่อนเที่ยง เธอได้เขียนจดหมายส่วนตัวทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจดหมายที่เขียนถึงพ่อกับน้องสาวชื่อคิท ซึ่งอยู่ในมาลิบู เพื่อบอกให้ทราบว่า หลังจากเดินทางไปมอสโคว์และหน้าที่จะเดินทางไปลอนดอน เธอจะเดินทางไปลอสแอนเจลิส และหวังว่าจะได้พบทั้งสองคน...

หลังจากนั้น เธอก็เข้าไปในห้องรับประทานอาหารของทำเนียบ เป็นการรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับบรรดาภริยาของวุฒิสมาชิกและของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร...รวมทั้งภริยาของหัวหน้าพรรคการเมืองที่สำคัญๆ” อีกหลายท่าน ซึ่งในโอกาสนั้นเธอได้รับเกียรติเป็นประธานคณะกรรมการนิทรรศการภาพเขียนจัดขึ้นโดยสภาสตรีแห่งชาติ จากนั้นแลดบิวรี่ซึ่งเพิ่งเดินทางมาจากลอนดอนก็จัดให้ลองเสื้อ มีทั้งเสื้อชุดและเสื้อคลุม ซึ่งเธอจะต้องสวมใส่ในโอกาสต่างๆ” ทั้งในมอสโคว์และลอนดอน...โดยมิได้พักผ่อน เธอต้องรีบค้นคว้าข้อมูลต่างๆ” เกี่ยวกับตัวเอง ซึ่งกัสเบล ปิแอร์ ต้องการอย่างรีบด่วน สำหรับการเขียนชีวประวัติ ในฐานะที่เขาเป็นนักเขียนมือผีของเธอ โดยมีซายน์ คอแนล สาวใช้ประจำตัวเป็นผู้ช่วย...ต่อจากนั้น เธอก็ต้องรีบลงไปข้างล่าง เดินออกไปยังสวนกุหลาบซึ่ง...ภายใต้แสงแดดยามบ่ายของวันปลายเดือนสิงหาคมอันอบอุ่น เธอต้องออกไปต้อนรับเหล่าลูกเสือหญิง และแจกรางวัลต่างๆ” ให้แก่เด็กพวกนั้น บำเพ็ญตนเพื่อสาธารณประโยชน์...

เธอมีเวลาว่างไม่ถึง 5 นาที ที่จะมาห้องสีเหลืองรูปรีกับแนนนี่ ซึ่งขณะนี้บรรดาผู้สื่อข่าวทั้งหลายดื่มน้ำชารอเวลาให้สัมภาษณ์ของเธออยู่

แต่บัดนี้ หลังจากเวลาได้ผ่านไปชั่วโมงกว่า เธอก็รู้ดีว่าการให้สัมภาษณ์ใกล้จะยุติลงแล้ว...เมื่อแนนนี่กับ

ริชชี่ยืนขึ้นขนาบข้างเธอ ขณะที่เธอรีบลุกขึ้น เพื่อกล่าวคำขอบคุณ และสวัสดีกับพวกนักข่าวเหล่านั้น

ทุกคนเดินทางออกไปจากห้องเหลือแต่เพียงห้องที่ว่างเปล่า แต่เธอยังยืนอยู่ที่เดิม รู้สึกพละกำลังในตัวเหือดหายไปหมดสิ้น และแล้ว...ก็ยิ้มอย่างใจเย็นออกมา...แล้วรอยยิ้มนั้นก็มลายหายไป...รูปปากนั้นเม้มเป็นเส้นตรง...งานได้ลุล่วงไปแล้ว...แต่ทว่า...มันก็ยังไม่เสร็จเรียบร้อย

ยังมีงานชิ้นสุดท้ายที่เธอจะต้องได้รับการรับรองเสียก่อน...

เธอดึงความคิดต่างๆ” กลับมา เดินออกไปจากห้องเพียงลำพัง ไปตามทางเดินจนถึงลิฟท์ และกดปุ่มให้เลื่อนลงไปชั้นล่าง...

นาทีต่อมาเธอไปอยู่ปีกด้านตะวันตก ซึ่งเป็นทางเข้าสู่ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี เปิดประชุมห้องนั้นแล้วเดินเข้าไป...ด้วยความรู้สึกวิตกกังวลหรืออาจจะประสาทเสีย...เหมือนเธอจะมีความรู้สึกทั้งสองประการด้วยซ้ำ ห้องนั้นอวลด้วยกลิ่นของหนังสัตว์และควันซิการ์ และดังที่เธอคาดไว้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นมีด้วยกันทั้งหมด 5 คน นั่งรวมกลุ่มกันอยู่ปลายโต๊ะมะฮอกกานีตัวใหญ่ ดวงตายังจับอยู่ที่เครื่องรับโทรทัศน์วงจรปิดสองเครื่อง ซึ่งถ่ายทอดภาพในห้องสีเหลืองรูปรีซึ่งเธอเพิ่งจะจากมา...

คนที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม บุรุษผู้มีเรือนร่างเป็นรูปสี่เหลี่ยม...พลเอกอิวาน ดัช ประธานกรรมการเคจีบีลุกโลดขึ้นทันที รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้ากว้างบอกลักษณะชาวยุโรปตอนกลางของเขา แสดงความพอใจจนเห็นได้ชัด

“อา...วาเนสซ่า ทัชแมน...” เขาอุทานอย่างชื่นชม เดินเข้ามาจุมพิตแก้มทั้งสองข้างของเธอ “ที่รัก คุณเยี่ยม

จริงๆ” เป็นการแสดงที่ไม่มีอะไรผิดพลาดเลย...ขอแสดงความยินดีด้วย”

คนอื่นๆ” ที่ยืนคล้อยไปทางด้านหลังได้แก่ พันเอกดุ๊ค...เอสเต้ เอวานเกโด้ คนรักของเธอเอง และบุรุษอีกสองคนที่เธอไม่รู้จัก แต่ก็กำลังเปล่งเสียงร่วมแสดงความยินดีอยู่ด้วย

ใจที่เต้นของเธอสงบลงแล้ว...

“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมาก...”

พลเอกดัชเอ่ยขึ้นว่า

“เอาละ การแสดงบทสุดท้ายผ่านพ้นไปแล้ว” เขามองเธออย่างสำรวจตรวจตรา

“คุณคิดว่าตัวเองพร้อมหรือยัง”

“ดิฉันพร้อมแล้วค่ะ” เธอตอบ

“ดีมาก” เขาเอื้อมมือไปหยิบหมวก “เราจะไปรายงานท่านนายกรัฐมนตรีที่วังเครมลินเดี๋ยวนี้เลย”

เธอมองตามหลังทุกคนที่เดินออกไปจากห้องประชุมคณะรัฐมนตรีนั้น และเฝ้าดูพวกเขาก้าวขึ้นรถ ผ่านตึกทำเนียบขาวปลอม ตรงออกไปยังประตูซึ่งรายล้อมด้วยกำแพงสูง และเปิดออกโดยยามที่เป็นหน่วยเคจีบี...เธอยืนอยู่ที่นั่น เบื้องหลังของประตูสูงใหญ่ที่เปิดออก เธอเห็นยอดโดมสีทอง ซึ่งภายในเต็มไปด้วยสายลับหน่วย

ต่างๆ” ของพระราชวังเครมลิน และท้องฟ้าเหนือมอสโคว์

ในที่สุด วาเนสซ่า ทัชแมน ก็ยิ้มให้กับตัวเธอเอง...และครั้งนี้เป็นยิ้มที่แท้จริง...

ถูกต้อง...บัดนี้ เธอพร้อมแล้วอย่างแท้จริง