บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

ในทันทีที่เขาก้าวออกมาจากตึกของยอร์จทาวน์ อพาร์ตเม้นท์ กัสเบล ปิแอร์ รู้ดีว่ามันไม่ใช่วันในลักษณะที่เขาชอบนัก วอชิงตัน ดี.ซี. กำลังร้อนระอุเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ไม่มีเมืองไหนในประเทศที่จะให้หายใจได้อย่างสะดวกสบายเลย เขาเดินเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆ” ตรงไปที่อู่รถ รู้สึกเหนียวเหนอะหนะไปทั้งตัว เหงื่อซึมไปทั่วตั้งแต่ไหล่จรดเอว เสื้อเปียกรัดรูปเหมือนทาไว้ด้วยกาว พอเปิดประตูรถฟอร์ดคันใหม่ เขาก็ถอดเสื้อนอกออกขยับปมเนคไทให้หลวม จึงได้ก้มตัวลอดเข้าไปในที่นั่งคนขับ พับเสื้อนอกวางพาดไว้บนที่พนักพิงเก้าอี้ข้างๆ” และโยนเครื่องบันทึกเสียงไว้ที่นั่น...

เขาสตาร์ทรถ ขับรถออกไปจากซอย เหยียบคันเร่ง จะต้องขับให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ตรงไปเมดิสัน โฮเต็ล เขามีนัดรับประทานอาหารกลางวันเวลาบ่ายโมงครึ่งตรง และไม่ต้องการไปผิดเวลานัด เพราะแขกของเขาผู้นี้มีงานยุ่งมากและยอมรับนัดนี้เป็นพิเศษ เขาเคยขอนัดพบเพื่อรับประทานอาหารกลางวันกับยอร์จ กิลเดย์มาแล้วสองครั้งและทั้งสองครั้งเช่นกันที่ยอร์จ กิลเดย์ ขอบอกเลิกนัดในนาทีสุดท้าย เนื่องจากมีเรื่องด่วนที่จะต้องทำ...เมื่อชั่วโมงที่ผ่านมานี้ เขาโทรศัพท์ไปถึงกิลเดย์ที่สำนักงานลอส แอนเจลิสไทม์ ในวอชิงตันและได้รับคำยืนยันว่าบ่ายวันนี้จะได้พบกันตามนัดแน่นอน ปิแอร์พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้ผิดเวลานัด เพราะจะต้องมีสัมภาษณ์ด้วย หัวหน้าสำนักงานผู้นั้นไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลยจากปิแอร์ ในขณะที่ปิแอร์จะได้ผลกำไรอย่างมากมายในการพบครั้งนี้...และขณะนี้ก็เป็นข่าวไปทั่วเมือง หรืออย่างน้อยก็ในกลุ่มสมาชิกผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 4 ว่าปิแอร์ได้เงินถึงครึ่งล้านเหรียญในการจัดพิมพ์จำหน่ายชีวประวัติของท่านสุภาพสตรีหมายเลข 1 เป็นคนแรก (ส่วนอีกครึ่งล้านนั้นส่งไปบำรุงการกุศล) กิลเดย์ย่อมมีเหตุผลมากมายหลายประการที่จะแสดงความริษยา และไม่ยอมให้ความร่วมมือด้วย...ที่จริงเขาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นคนดี เป็นคนเก่าที่อยากจะเห็นนักเขียนรุ่นใหม่ก้าวหน้าและยิ่งยง

กัสเบล ปิแอร์มาถึงเมดิสันก่อนเวลา 4 นาที เขาคว้าเทปกับเสื้อนอกขึ้นมาถือขณะที่เลี้ยวรถ และจอดตรงหน้าประตูตรงทางเข้า ภายในคือห้องล็อบบี้อันโอฬาร ความเย็นฉ่ำภายในช่วยให้เขาปลอดโปร่งสดชื่นขึ้น เขาเลี้ยวไปทางขวาผ่านแผนกต้อนรับและแคชเชียร์ เดินตรงเข้าไปในห้องเครื่องดื่ม พอเขาย่างเข้าไปก็เห็นพนักงานต้อนรับกำลังชี้โต๊ะให้กิลเดย์ เขาจึงเดินตรงเข้าไปหา โบกมือทักทายกิลเดย์และกิลเดย์ก็โบกตอบ

เขาไม่รู้จักกิลเดย์เท่าใดนัก แต่ก็ต้องวิ่งเข้าไปหาเขาอย่างน้อยก็สัก 6 ครั้ง เห็นจะได้ในระยะ 2 ปีครึ่ง นับตั้งแต่ปิแอร์ได้รับตำแหน่งเป็นผู้ร่างสุนทรพจน์คนหนึ่งของท่านประธานาธิบดี เคยพูดกัน 2-3 ครั้งซึ่งเป็นการพูดกันสั้นๆ” เกี่ยวกับเรื่องการเมืองเท่านั้น

เขารู้เรื่องของกิลเดย์น้อยมาก รู้เพียงแต่ว่าเป็นนักหนังสือพิมพ์ที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างสูงในระหว่างผู้ร่วมวิชาชีพด้วยกันทางด้านการติดตามความเคลื่อนไหวของข่าว และทำข่าวให้ความเคารพในความเป็นจริงอย่างยิ่ง ปิแอร์ไม่เคยรู้มาก่อนว่า ระหว่างท่านสุภาพสตรีหมายเลข 1 กับกิลเดย์นั้นมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร จนกระทั่งในโอกาสหนึ่งซึ่งตัวของบอนด์เองได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ตอนนั้นเป็นการคุยถึงเหตุการณ์หลังจากที่บอนด์สำเร็จจากมหาวิทยาลัยวาสซาร์ เธอเข้าทำงานกับบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง ซึ่งควบคุมงานการตลาดที่พ่อของเธอเป็นผู้ริเริ่มขึ้น เธอทำงานกับบริษัทสาขานิวยอร์ก และหลังจากนั้นก็เป็นตัวแทนในลอนดอนอยู่ชั่วระยะหนึ่ง จึงได้กลับไปลอสแอนเจลิส โดยตั้งใจจะเขียนหนังสือ แต่ไปได้ครึ่งทางก็ต้องเลิกรา

“จากนั้นไม่นาน ท่านก็ได้งานที่ลอส แอนเจลิส ไทม์ ใช่ไหมครับ” ปิแอร์ถามเธอ

“ก็ไม่เชิงทีเดียว...ที่จริง งานหนังสือพิมพ์แห่งแรกที่ฉันทำ...ถ้าคุณจะเรียกอย่างนั้น...คือแซนตา โมนิก้า ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ที่ไม่ได้ความอะไรนัก เรื่องเงินน่ะไม่สำคัญ ไม่ได้ต้องการมันเท่าใดนัก แต่มันทำให้ฉันเข้าถึงเหตุการณ์และสถานที่ต่างๆ” ซึ่งโดยปกติธรรมดาแล้วไม่มีโอกาสจะรู้เห็น...จนวันหนึ่ง บรรณาธิการเขาก็มอบหมายให้ฉันเขียนเรื่องเกี่ยวกับแหล่งของยาเสพติด แทนที่ฉันจะทำอย่างที่เคยทำกันมา คือสัมภาษณ์ผู้อำนวยการ ฉันเกิดความคิดขึ้นมาจากการอ่านประวัติของเนลลี่ บลาย”

“คนที่พยายามจะตีจูลส์ เวิร์น ในเพลง อราวด์...เธอะ...เวิร์ล...อิน...เอทตี้...เดย์ สิ ใช่ไหมครับ”

“ใช่...คนนั้นแหละ เวิร์น ฟิลเลส์ พอกก์ เขียนนิยาย 80 วันของเขาขึ้น แต่เนลลี่ บลาย เขียนเรื่องจริงระหว่างปี 1889 กับ 1890 เธอเดินทางรอบโลกในเวลา 72 วัน อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้น ก่อนจะเดินทางในฐานะนักข่าวให้กับนิวยอร์ก เวิลด์ เนลลี่ บลาย ได้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับผู้คนบริสุทธิ์ที่ถูกบังคับให้ไปอยู่บนเกาะ

แบล็คเวลและเปิดเผยการถูกกดขี่ แต่แทนที่จะเขียนเรื่องแบบนิกัสเบลออโธด็อกซ์ เนลลี่ กลับปลอมตัวใส่เสื้อผ้า

เก่าๆ” ขาดๆ” ทำตนเป็นคนวิกลจริต ไม่รู้เรื่องราวอะไรเข้าไปที่เกาะแบล็คเวลนั้น เธอได้เห็นสถานที่น่าเวทนาและความทารุณโหดร้ายที่นั่นอย่างชัดเจน เมื่อกลับออกมา เธอก็ได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องที่ได้ไปรู้ไปเห็นมา ทำให้เธอมีชื่อเสียงมาก ดังนั้น เมื่อได้รับคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดลงในแซนตา โมนิก้า ฉันก็เลยคิดอย่างเนลลี่ บลาย ว่า...ทำไมฉันถึงจะทำไม่ได้ล่ะ”

“ท่านเข้าไปคลุกคลีกับแหล่งยาเสพติดนั้น โดยทำตัวเป็นคนติดยาหรือครับ”

“โคเคนค่ะ แล้วก็ได้ผลด้วย ได้ผลมากับตาเลย ฉันเป็นคนแรกที่เขียนเรื่องนี้ในฐานะที่เคยเห็นมาอย่างชัดแจ้ง ฉันไม่อยากเห็นว่ามันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นหรอกนะคะ...เพราะเรื่องที่เขียนนั้น มันไปลงในหนังสือรายสัปดาห์ฉบับเล็กๆ” ซึ่งไม่เป็นที่น่าสนใจเท่าไหร่นอกจากโฆษณาขายสินค้า...แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังทำให้ฉันรู้สึกดีใจอยู่บ้างที่ได้รับการยกย่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบุคคลในครอบครัวของฉัน พ่อฉันชอบมันมาก และจริงๆ” แล้วท่านถึงกับตัดเรื่องนี้ส่งไปให้เพื่อนของท่าน ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บริหารลอส แอนเจลิส ไทม์ เพราะมันเป็นเรื่องที่เขียนโดยลูกสาวของคลาเรนซ์ เลน...สมัยนั้นใครๆ” ก็ต้องรู้จักพ่อเพราะงานที่ท่านริเริ่มขึ้น ท่านผู้บริหารคนนั้นก็ส่งเรื่องนี้ไปให้กองบรรณาธิการ หัวหน้ากองบรรณาธิการจึงได้เรียกตัวฉันไปสัมภาษณ์ แล้วก็ตกลงใจให้ฉันเป็นนักเขียน ทดลองงานประจำกองบรรณาธิการ”

“แล้วงานของท่านเป็นอย่างไรบ้างครับ”

บอนด์ แบสเชอร์ หัวเราะ

“งานของฉันชิ้นแรกล้มเหลวไม่เข้าท่าเลยค่ะ ฉันถูกจ้างและถูกไล่ออกภายในเวลา 48 ชั่วโมง ถ้าไม่ได้ยอร์จ กิลเดย์ ช่วยไว้...เขาเป็นหัวหน้าข่าวตอนนั้นและช่วยไม่ให้ฉันถูกเชือด”

“เกิดอะไรขึ้นล่ะครับ”

“โอ...ฉันไม่อยากพูดถึงมันอีก ไปถามยอร์จ กิลเดย์ ดูเถอะ เขาคงจะเล่าให้คุณฟังได้ตลอด ตอนนี้เขาก็อยู่ในวอชิงตันนี่ เป็นหัวหน้าสำนักงานของลอสแอนเจลีส ไทม์ ที่จริงคุณน่าจะไปหาเขานะ เขาให้ความรู้คุณได้มากเกี่ยวกับชีวิตการเป็นนักหนังสือพิมพ์ของฉันซึ่งฉันจำมันไม่ค่อยได้เขาเป็นคนที่มีสายตาของนักข่าวอย่างแท้จริง ไปถามเขาเถอะ”

“ผมตั้งใจไว้แล้วครับ ท่านผู้หญิงแบสเชอร์ แต่ผมก็อยากถามท่านก่อนอยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้อเขียนอันแรกของท่าน”

เธอจึงเล่าให้เขาฟังเท่าที่พอจะจำได้ตอนแรก...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel