บท
ตั้งค่า

II : รับน้องก็ดี มันดี แต่ลองคิดดูอีกที (2)

มหาวิทยาลัยทยาวีย์

มหาวิทยาลัยแหล่งการเรียนรู้ขนาดใหญ่ที่เขาจะต้องอยู่ไปอีก 4 ปีนับจากนี้ พาเลยืนนิ่งเงยหน้ามองป้ายขนาดใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเดินก้าวต่อไป วันนี้เขามาด้วยชุดไปรเวทแบบสบาย ๆ เพราะยังไม่เปิดเรียน แต่เพราะว่ามีกิจกรรมรับน้องที่เขาอยากจะเข้า ในกำหนดการที่ได้มาวันนี้สามารถสวมชุดตามสบายได้เลย

หน้าทางเข้าสนามกีฬาของมหาวิทยาลัย พาเลนั่งโดยสาร Shuttle Bus ของ มหา’ลัยมา ดีที่หน้าสนามกีฬามีป้ายจอดรถพอดีเลยไม่ต้องเดินไกล นอกจากเขาแล้วมีคนอีกมากที่มุ่งมาตรงนี้

เพียงเข้ามาถึงในบริเวณนี้ ทั้งเสียงกลอง เสียงร้องเพลง เสียงผู้คนส่งเสียงปะปนกันไปหมด ประกายออร่าที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแต่รับรู้ได้ว่าที่แห่งนี้เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของวัยรุ่น!!

“น้องปีหนึ่ง ที่เพิ่งมาถึงใหม่ มาจับสลากตรงนี้เลยค่ะ” เสียงร้องโหวกเหวกหลายเสียงส่งเสียงตามโทรโข่งมา แน่นอนว่าเขาย่อมเดินตามเสียงนั้นไป

มีหลายคนที่ต่อแถวรอจับสลากอะไรสักอย่างที่รุ่นพี่บอกอยู่ แต่เพราะมีหลายแถว ใช้เวลาไม่นาน ตอนนี้ก็มาถึงคิวของพาเลที่ยืนอยู่หัวแถวแล้ว

“หยิบขึ้นมาเลยค่ะน้อง หนึ่งแผ่นนะ” รุ่นพี่ที่มีป้ายชื่อว่า ‘พี่เบลล์’ บอกพร้อมรอยยิ้ม

“ครับ” เขาพยักหน้าเข้าใจและยื่นมือไปล้วงหยิบกระดาษที่ถูกพับทบไปมาขึ้นมาหนึ่งแผ่น

“ปะ เปิด เลยไหมครับ?”

“เปิดได้เลยค่ะ ต่อไปน้องเดินเข้าไปในสนามก็ให้ไปต่อแถวตามตัวอักษรที่น้องจับได้เลยนะ”

B คือตัวอักษรที่อยู่ในกระดาษแผ่นนั้นที่พาเลจับสลากขึ้นมาได้ เขาเดินอย่างงงๆ และมานั่งลงต่อแถวตามป้ายตัวอักษรขนาดใหญ่ที่อยู่หน้าแถว ตอนนี้มีคนนั่งอยู่ก่อนนับร้อยคนได้ ไล่มองจากสายตา มีตัวอักษรภาษาอังกฤษครบทุกตัว และแต่ละแถวก็มีจำนวนร้อยกว่าคนเลยทีเดียว

“สวัสดีครับ น้อง ๆ ปีหนึ่งทุกคน ตอนนี้เพื่อน ๆ ของน้องก็คงมากันเกือบจะครบแล้ว พี่ขอเริ่มประกาศเพื่อเข้าสู่งานรับน้องของปีการศึกษานี้...” เสียงผ่านลำโพงที่ติดตั้งไว้โดยรอบ ของสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ มีเสียงของรุ่นพี่ชายดังขึ้น จากนั้นเขาก็บรรยายถึงกิจกรรมนี้ไปอีกนับครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะส่งต่อให้รุ่นพี่ประจำกลุ่ม (ตัวอักษร) ได้พบปะพูดคุยกับน้อง ๆ ต่อไป

รุ่นพี่ที่อาสาทำงานนี้ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นพี่ ปี 2 แต่ก็ยังมีปีสูงกว่านั้นอยู่ด้วยเช่นกัน เพียงแต่มีสัดส่วนที่น้อยกว่า

“สวัสดีครับ น้องกลุ่มบีของพี่ ๆ ทุกคน พี่ชื่อชานะครับ เป็นหนึ่งในรุ่นพี่ประจำกลุ่มบีของพวกน้อง ๆ วันนี้เป็นวันแรกเลยนะที่พวกเราได้เจอกัน กิจกรรมแรกก็คืออยากให้ทุกคนแนะนำตัวทำความรู้จักกันก่อน เริ่มจากพี่ ๆ ก่อนเลย” ชายหนุ่มรุ่นพี่ของกลุ่มมองน้อง ๆ จำนวนเกินร้อยคนที่นั่งจับกลุ่มมองเขาใช้โทรโข่งพูดอยู่อย่างพอใจ ทุกคนนั่งรับฟังอย่างตั้งใจ อาจจะเพราะอยากรู้ว่าพวกเขาจะทำกิจกรรมอะไรกันก็ได้ หรือว่าเพราะเป็นวันแรกในรั้วมหาวิทยาลัย พวกเขาเลยยังนิ่ง ๆ อยู่

“ผม ผมชื่อพาเล อยู่คณะวิทยาศาสตร์ครับ” เพราะมีคนกว่าร้อยคนนั่งมองเขาอยู่ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่เกิดอาการประหม่าเลย รีบพูดแล้วก็รีบกลับไปนั่งที่ โชคดีที่รุ่นพี่ไม่ได้สั่งให้เขาเต้นอะไรแปลก ๆ ที่ทำให้รู้สึกอับอาย เขาเลยรู้สึกพอใจกับกิจกรรมนี้พอสมควร

ป้ายชื่อ ‘พาเล SC’ ตอนนี้ห้อยอยู่ที่คอของเขาแล้ว ก่อนหน้านี้รุ่นพี่กลุ่มเพิ่งจะแจกป้ายให้พวกเขาได้เขียนชื่อแล้วก็คณะกันไป อ้อ กิจกรรมง่าย ๆ นี้ก็ทำให้เขาได้เจอเพื่อนจากคณะเดียวกันแล้วหลายคนเลยล่ะ แต่ยังไม่เจอคนที่มาจากสาขาเดียวกันก็เท่านั้นเอง

“เอาล่ะ วันนี้พวกพี่ต้องปล่อยน้อง ๆ ไปก่อน แต่วันพรุ่งนี้พวกเรานัดกันแล้วนะ ต้องมาตรงต่อเวลาด้วย พวกพี่จะรออยู่ที่นี่ แล้วพวกเราจะได้ออกไปทัวร์จุดอื่นของมหาวิทยาลัยกัน” หลังจากที่เวลาผ่านมาพอสมควรแล้ว วันนี้เป็นวันแรก เลยยังไม่ได้ใส่กิจกรรมอะไรให้น้อง ๆ ไปเท่าไหร่ แต่ก็มีนัดหมายถึงวันถัดไปไว้แล้ว ทำให้รุ่นน้องในกลุ่มรู้สึกมีความกระตือรือร้นอยู่ไม่น้อย

พาเลเองก็มีความกระตือรือร้นเช่นกัน ได้ยินว่าจะมีพาทัวร์แต่ละที่ในมหาวิทยาลัยด้วย นอกจากนี้ก็มีฝึกร้องเพลงประจำสถาบัน และกิจกรรมนันทนาการอื่น ๆ สลับกันไป ทำให้กิจกรรมรับน้อง และร่วมร้องเพลงของมหาวิทยาลัยที่จัดยาวถึง 7 วัน พาเลย่อมเต็มใจเข้าร่วมทุกวันอยู่แล้ว

การรับน้องทั้ง 7 วัน ถามว่าสนุกไหมก็สนุก แต่ก็เหนื่อยมากเช่นกัน เอาเป็นว่ามีทุกอารมณ์ ทั้งตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจ เมื่อยล้า เศร้า ซึ้ง เรียกได้ว่ารุ่นพี่ที่จัดงานนี้อยากจะให้นักศึกษาใหม่อย่างพวกเขาปรับเปลี่ยนอารมณ์ไปเรื่อย ๆ แบบชั่วโมงต่อชั่วโมงเลยก็ว่าได้

หลังจากจบการรับน้องส่วนกลางไป เขาก็ได้แลกเปลี่ยนคอนแท็กกับเพื่อนต่างคณะไว้หลายคน ไม่รู้ว่าวันหน้าจะได้เจอกันอีกไหม แต่ว่าอย่างน้อยก็เป็นการเพิ่มเพื่อนในโซเชียลมาได้อีกนับร้อยคน ถึงแม้ว่าพาเลจะรู้สึกว่าถูกมองด้วยสายตาเหยียด ๆ บ้างจากบางคนก็ตามที

คณะวิทยาศาสตร์มักจะถูกสายตาของคนออกมองแบบเหยียดหยามดูถูกอยู่เป็นประจำ เพราะด้วยคะแนนสอบเข้าที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับคณะอื่น ๆ เรียกได้ว่าคะแนนต่ำสุดของการสอบเข้ามาอยู่ที่คณะนี้ก็ไม่ผิดนัก แต่ก็ใช่ว่าใครจะมาดูถูกกันได้ คะแนนสอบเข้าไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิตเสียหน่อย

ส่วนพาเลที่ถูกสายตาของบางคนที่มองมาเขาก็ทำได้แค่เหมือนเด็กโง่มองสายตานั้นไม่ออก ไม่อยากจะสร้างศัตรูตั้งแต่เข้าเรียนหรอกนะ เรื่องนี้เขารู้มาก่อนแล้วจากพี่สาวอย่างเพลาที่ก็จบจากคณะวิทยาศาสตร์เช่นเดียวกัน

แล้วทำไงล่ะ เรียนคณะนี้จริง ๆ แล้วมันทั้งหนักแล้วก็เหนื่อยเลยนะ แต่ว่าภายนอกที่ทุกคนมองเห็นเด็กคณะนี้มักจะเห็นความสดใส ความเป็นเด็ก(ยืนยันจากตัวเขาเลย เพราะเด็กคณะอื่นดูโตมาก) ชอบเข้ากิจกรรม เรียนก็หนัก แต่ก็กิจกรรมเด่นไม่แพ้กันเลยก็ว่าได้...

อย่าคิดว่าจบรับน้องของมหาวิทยาลัยไปแล้วจะจบเลย ก่อนที่จะเปิดเรียนในอีกสัปดาห์หน้า พวกเขายังจะต้องเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องขอคณะอีก คนไม่รู้ก็แล้วไปเถอะ แต่ใครที่เจอสปอยมาก่อนอย่างเขาที่มีพี่สาวเพิ่งจะเรียนจบจากคณะวิทยาศาสตร์ไปเช่นเดียวกัน บอกเลยว่าย่อมหนักกว่าที่ทางมหา’ลัยจัดอย่างแน่นอน!!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel