EP 2 : จะช่วยอะไรได้
ก๊อก ๆๆ
“อื้ม มาแล้ว ๆ” คนในห้องเปิดประตูให้หลังจากที่ฉันโทรหาและเพื่อนของฉันก็บอกว่าไม่สบายนอนอยู่หอฉันเลยรีบมาหาถึงหอพัก
“ไงแก บอกว่าไม่ต้อง... / แกไม่ไปเรียนตั้งสามวันนะชาแล้วฉันจะไม่มาหาได้ยังไง” ปั้นชายังพูดไม่จบฉันก็พูดแทรก
“ขอโทษนะแยมที่ทำให้เป็นห่วงจนแกต้องลำบากมาถึงที่นี่ เข้ามา... / อ่ะ ของแก” ปั้นชาบอกและกำลังจะหลบทางให้ฉันเข้าห้องแต่ฉันกลับยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ซะก่อน
“อะไรเหรอ?”
“รับไปก่อน” ฉันไม่อธิบายแค่บอก ปั้นชารับไปดู พอดูเสร็จก็มองฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“มันคือ...”
“สิบล้าน ออกไปจากชีวิตพี่ตัสซะปั้นชา ไปซะตั้งแต่วันนี้ก่อนที่แกจะไม่ได้อะไรเลย”
“...” คำพูดของฉันที่ไม่ได้น่าฟังสักนิดเดียวทำเพื่อนตัวแข็งทื่อไปเลย
“รับไปชา ขอร้อง”
“แก... / ฉันรู้นานแล้วว่าแกไปอยู่บ้านพี่เซตัส” ฉันไม่รู้หรอกว่าปั้นชาจะพูดอะไร แต่ฉันต้องการจบสถานการณ์นี้ให้เร็วที่สุด
“รับไปสักทีชา”
“แกต้องการให้ฉันรับเงินแล้ว...ไปจากชีวิตพี่เซตัสเหรอแยม?” เสียงแกเบาจังเลยชา แกเจ็บปวดมากเลยใช่ไหม ขนาดฉันยังเจ็บเลยแล้วแกที่โดนเพื่อนทรยศจะเจ็บแค่ไหนกันนะ
“ฉันบอกไปแล้ว”
“แก...”
“รับไป ถ้าแกไม่รับสุดท้ายแกก็ต้องไปตัวเปล่า แกอย่า… / แกอยากหมั้นกับเขาเหรอ” ปั้นชาพูดแทรกและคำถามก็ทำให้ฉัน....พูดไม่ออก
“...”
“แกอยากหมั้นกับแฟนฉันเหรอแยม”
“เขาเป็นของฉัน”
“...อะไรนะ~”
“เขาเป็นของฉันชา ใคร ๆ ในสังคมก็รู้กันทั้งนั้นว่าวันหนึ่งฉันกับเขาต้องแต่งงานกัน”
“ทั้งที่ไม่ได้รักกันน่ะเหรอ” ปั้นชาถามเบา ๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“อาจจะมีคนที่รักก็ได้”
“แกหมายความว่า...”
“จะรับไปได้รึยัง” รับไปสักทีชา ช่วยรับไปเพราะฉันก็จะทนแสดงละครต่อไปไม่ไหวแล้ว
“แกต้องการแบบนี้เหรอแยม”
“ถ้าไม่ต้องการจะมาบอกแกทำไมล่ะชา รับไปสักทีก่อนที่แกจะไม่ได้อะไรเลย หรือแกคิดว่าถ้าแกไม่รับก้อนนี้แล้วแกจะได้มากกว่านี้”
“เขาจะแต่งงานกับแกเหรอ” คำถามของปั้นชาเหมือนเอาเสาปูนขนาดใหญ่มาฟาดหน้าฉันเลย
“สุดท้ายเขาก็ต้องทำ มันเป็นเรื่องปกติของสังคมพวกฉันแกน่าจะพอรู้บ้างนะชา”
“...” เจอคำตอบและถามกลับมาปั้นชาก็เงียบไปเลย
“แกจะไปถามพี่ตัสก็ได้นะแต่ฉันสารภาพตรง ๆ ก็ได้ว่าตอนนี้เขายังไม่รู้เรื่องที่เราจะหมั้นกันเร็ว ๆ นี้หรอก แต่อีกไม่กี่วันก็ต้องรู้ วันนี้พ่อแม่เขาเลยให้ฉันมาเคลียร์กับแกเงียบ ๆ ก่อน”
“...” พอเอาพ่อแม่พี่เซตัสมาอ้างปั้นชายิ่งเงียบ ฉันรู้ว่ามันบ้ามากที่โกหกถึงขั้นนี้แต่ฉันถอยกลับไปไม่ได้แล้วเหมือนกัน
“ความจริงแกน่าจะขอบคุณฉันนะชา เพราะถ้าไม่ใช่ฉันแต่เป็นพ่อแม่เขามาเคลียร์เองแกจะโดนอะไรบ้างก็ไม่รู้ แกเชื่อฉันสิว่าเขารักลูกชายเขามากแต่เขาไม่มีทางรักมากพอที่จะยอมให้สะใภ้ของเขาเป็นแค่ผู้หญิงที่ส่งเสริมลูกชายเขาไม่ได้หรอก”
“...”
“รับไปเถอะชา รับไปแล้วไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไหนสักที่ ฉันไม่ได้เกลียดแกนะ ฉันยังรักแกเหมือนเดิม แกยังเป็นเพื่อนรักของฉัน...แต่ชีวิตมันต้องดำเนินต่อไป ชีวิตฉันกับพี่เซตัสถูกขีดมาตั้งแต่เราเกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวยแล้ว ถึงแกไม่รับสุดท้ายแกก็ต้องไปอยู่ดี แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าจนถึงวันสุดท้ายที่แกยังดื้อดึงชีวิตแกจะต้องเจออะไรบ้าง”
“...แกขู่ฉันเหรอแยม”
“ไม่เลยชา ฉันหวังดีกับแก รับไปแล้วไปจากชีวิตพี่ตัสซะฉันขอร้อง”
“ฉัน... / แกสู้พ่อแม่เขาไม่ได้หรอก พี่ตัสก็เหมือนกัน พี่เขาสู้พ่อแม่ตัวเองไม่ได้หรอกนะ...แกก็รู้ว่าพ่อแม่เขาเป็นใคร”
“...”
“พี่ตัสเป็นลูกชายคนเดียว อย่าเอาชีวิตกับอนาคตของแกมาเสี่ยงเล่นกับไฟเลยชา แกก็รู้ว่าแกไม่มีทางสู้ได้”
ฉันเกลียดตัวเองที่สุดเลยที่พยายามกดเพื่อนให้ต่ำลง ถึงคำพูดจะเหมือนหวังดีแต่มันไม่ใช่เลยสักนิด ปั้นชามองฉันไม่ละสายตาก่อนที่จะกลั้นน้ำตาแล้วยื่นมือมาหยิบเช็คจากมือฉัน
“ฉันขอเวลาสามวัน”
“อะไรนะ?”
“ขอเวลาสามวัน แกไปบอกคุณพ่อคุณแม่พี่ตัสให้ที”
“แกจะทำอะไร”
“ให้ฉันได้อยู่กับคนที่ฉันรักเป็นครั้งสุดท้าย...ขอแค่นี้ได้ไหม”
“...สัญญาว่าจะไปนะชา” ฉันมองปั้นชาด้วยความลังเลก่อนจะพูดเพราะยิ่งนานฉันยิ่งกลัวว่าเรื่องจะแดง แต่ฉันก็ไม่กล้าทำร้ายปั้นชามากไปกว่านี้แล้ว
“อื้ม” ปั้นชาพยักหน้ารับ ฉันมองเพื่อนอย่างชั่งใจพักหนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ
“ขอบคุณนะชา”
“อื้ม” ปั้นชาพยักหน้ารับอีกครั้งก่อนจะจับประตูแล้วปิดมันลงช้า ๆ โดยที่ฉันเองก็ไม่ได้ห้ามอะไร...
“...เฮ้อ!” ฉันเอาภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดออกจากหัวไม่ได้ ทำไม่ได้เลยจริง ๆ
“ถึงแล้ว”
“ฮะ?”
“ถึงแล้ว” คนขับรถบอกสั้น ๆ อีกครั้งฉันถึงได้มองบรรยากาศรอบ ๆ นี่ฉันนั่งเหม่อจนไม่รู้ตัวว่ามาถึงโรงพยาบาลแล้วเหรอ เฮ้อ~ มีแต่เรื่องให้เหนื่อยหัวใจจนไม่มีสมาธิสนใจสิ่งรอบตัวเลยนะแยมโรล
ฉันลงจากรถทันทีไม่สนใจคนขับเพราะไม่รู้จะสนใจไปทำไม ลงจากรถเรียบร้อยก็เดินไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย คุ้นเคยชนิดที่หลับตาเดินยังไปถูก
“สวัสดีค่ะอาหมอ” มาถึงหน้าห้องที่ฉันไม่มีสิทธิ์เข้าไปก็บังเอิญได้เจอกับคุณหมอเจ้าของไข้ของคุณแม่พอดี
“อ้าวแยมโรล วันนี้มาเร็วนะลูก”
“ค่ะ อาการคุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ”
“ก็...” คุณอาหมอยิ้มบาง ๆ ก่อนจะตอบคำถามให้ฉันฟัง คำตอบที่วันนี้...ไม่ค่อยเหมือนเดิมเท่าไหร่
“อาการคุณแม่หนูไม่ค่อยดีนะหนูแยมโรล อาคิดว่าท่านต้องได้รับการผ่าตัดให้เร็วที่สุด”
“อดทนนะคะคุณแม่ หนูจะหาทางรักษาคุณแม่ให้ได้” หลังจากพูดคุยกับคุณอาหมอเรียบร้อยแถมได้รับคำพูดทิ้งท้ายที่ไม่อยากได้ยินเลยฉันก็เอาแต่จ้องมองเข้าไปในห้อง
...นานแล้วนะคะที่เราไม่ได้คุยกัน นานแล้วที่ไม่ได้กอด นานแล้วที่แม้แต่จับมือยังทำไม่ได้ แต่หนูสัญญานะคะคุณแม่ว่าหนูจะทำให้เราเจอกันอีกครั้งให้ได้
...คุณแม่อดทนและเชื่อใจหนูนะคะ
“กลับเลยไหม”
“กลับไปก่อนเลย” ฉันไม่หันไปตอบ ใครอยากกลับก็กลับก่อนเลย รู้ว่าเบื่อที่ต้องพาฉันมาที่นี่ทุกวันแถมยังต้องนั่งรอครั้งละเป็นชั่วโมง ปกติถ้าโดนเขาทำตัวถือดีใส่หลายครั้งฉันคงแกล้งให้นั่งรอนาน ๆ นะแต่วันนี้ไม่มีอารมณ์ทำอะไรแบบนั้น ไม่อยากวุ่นวายกับใคร ฉันเหนื่อยหัวใจมามากเกินพอแล้ว
“มีอะไรอยากให้ช่วยไหม”
“...คนอย่างนายจะช่วยอะไรได้”
“อืม กินรองท้องก่อน” คำพูดประโยคนี้มาพร้อมกับแขนฉันที่โดนอะไรบางอย่างแตะ
“...อะไร?” ฉันหันไปมองว่าอะไรที่แตะโดนแขน เห็นชัดแต่ก็ยังขมวดคิ้วและถามออกไป
“รองท้องก่อน”
“ยุ่ง”
“เอาไป จะกลับเองก็อย่าดึกเผื่อพ่อคุณจะคุยธุระสำคัญนะครับคุณหนู”
“...” ฉันจ้องหน้าเขา คำพูดน่าตบปาก แต่ไม่ได้ทำอย่างที่อยากและเขาก็แค่มองหน้าฉันพร้อมกับวางกล่องแซนวิชกับน้ำผลไม่ลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ จากนั้นก็เดินออกไป
ไสหัวไปไกล ๆ เลยไอ้...
“มีอะไรอยากให้ช่วยไหม”
“...” ฉันมองตามหลังเขาก่อนจะหันกลับมาสนใจคนที่นอนอยู่ในห้องที่มีกระจกกั้นระหว่างเราเอาไว้ต่อเพราะถ้าขืนมองไอ้คนที่เพิ่งเดินไปให้นานกว่านี้อีกสักนิดบางที ฉันอาจจะอาละวาดก็ได้
“...คนอย่างนายจะช่วยอะไรได้”
คำตอบของฉันที่ตอบเขาออกไปฟังดูเป็นการดูถูกมากเลยใช่ไหมคะ แต่ไม่หรอกไม่เป็นการดูถูกเกินไปแม้แต่นิดเดียว คนอย่างนายนั่นช่วยอะไรไม่ได้จริง ๆ เพราะถ้านายนั่น คิดจะช่วย คุณแม่คงไม่ต้องนอนทรมานนานขนาดนี้
