6.พนักงานใหม่
Chapter06.พนักงานใหม่
นาวินส่ายหัวให้กับความขี้สงสัยของลูกน้องคนสนิท แต่ถึงแบบนั้นคีรินก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรมาก ผู้จัดการหนุ่มยอมเดินออกไปจากห้องทำงานแต่โดยดีก่อนที่ไม่กี่นาทีถัดมา คนที่เดินเข้ามาหาเขาจะกลายเป็นร่างสวยที่คุ้นเคย
“สวัสดีค่ะ” แพรไหมเอ่ยทักทายคนตรงหน้าอีกครั้ง หัวใจพลันเต้นแรงขึ้นมายามได้เห็นใบหน้าหล่อมันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า
“นั่งก่อนสิ“ นาวินเอ่ยบอก
”ขอบคุณค่ะ“
“จัดการเรื่องอพาร์ตเมนต์เสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอ” ดวงตาคมสังเกตุเห็นว่าอีกคนยังแบกเอากระเป๋าของตัวเองมาด้วยอยู่เลย ถ้าให้เขาเดาเธอคงยังไม่มีที่อยู่แน่ๆ
“ยะยังค่ะ พอดีเงินฉันมีไม่พอที่จะจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า” แพรไหมตอบกลับด้วยสีหน้าเจื่อนๆเล็กน้อย ซึ่งนาวินก็พยักหน้าเข้าใจ
เขารู้ว่ามันไม่ง่าย....กับการที่จะเริ่มต้นใหม่แบบกระทันหันโดยไม่ได้เตรียมการอะไรไว้ก่อน
“ถ้าเธอไม่มีที่จะไปจะมาอยู่กับฉันก่อนก็ได้นะ“
”คะ?“ แพรไหมเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอด้วยสีหน้างุนงงระคนตกใจ
ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ใจดีกับเธอนัก ในขีวิตนี้ของแพรไหมถ้าให้พูดตามตรงก็คือ....นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกเหมือนโชคชะตาเข้าข้างหรือว่าโชคชะตาช่วยเหลือเธอโดยการส่งผู้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิต
“ฉันหมายถึงถ้าเธอไม่ได้คิดมากจะมาอยู่กับฉันก่อนก็ได้ จนกว่าเธอจะตั้งตัวได้“ นาวินตอบกลับด้วยท่าทางสบายๆนั่นทำให้แพรไหมรับรู้ได้ถึงคงามจริงใจว่าเขาหวังดีกับเธอจริงๆ เขาไม่ได้คิดมากอะไรอยู่แล้ว เพราะเขารู้สึกว่าแพรไหมเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้เรื่องมาก ในทางกลับกันเธอออกจะดูหัวอ่อนด้วยซ้ำ คงไม่มีพิษมีภัยกับใคร
“ทำไมคุณถึงดีกับฉันขนาดนี้คะ ทั้งๆที่เราไม่ได้รู้จักกันด้วยซ้ำ“ เธอตัดสินใจถามอีกคนออกไปตรงๆ จริงๆเขาไม่จำเป็นที่จะต้องช่วยเธอเลยก็ได้
”เพราะฉันสงสารเธอ ขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้นะ แต่ฉันคิดว่าดีแล้วที่เธอหลุดพ้นจากแม่แบบนั้น“
ใบหน้าสวยค่อยๆยิ้มออกมาหลังจากที่ได้ยินคำพูดนั้น แม้วันนี้โลกทั้งใบของเธอจะถล่มลงตรงหน้า แต่ผู้ชายคนนี้กลับเข้ามามอบแสงสว่างให้กับเธอ แพรไหมรู้สึกซึ้งใจและขอบคุณนาวินเป็นอย่างมาก เขาเป็นผู้ชายที่ดีๆมากๆคนหนี่ง เธอเชื่อแบบนั้น
”ขอบคุณนะคะคุณนาวิน“
”หึ ไม่เป็นไร เคยทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟมาก่อนไหม“
นาวินเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องไปถามเรื่องอื่นแทนเพราะเขาไม่อยากให้อีกคนคิดมากจนเกินจำเป็น
”เคยค่ะ ฉันเคยทำงานร้านอาหาร“ แพรไหมตอบกลับด้วยสีหน้ามีความหวังและกระตือรือร้น ทำให้ร่างสูงอดไม่ได้ที่จะลอบยิ้มออกมา เธอคงดีใจมากที่เขายื่นมือเข้าไปช่วย
”แบบนั้นก็ดี ที่นี่ก็ทำงานเหมือนกับร้านอาหาร แค่รับออเดอร์แล้วก็เสิร์ฟเครื่องดื่มให้ลูกค้า ค่าแรงจะอยู่ที่วันละสี่ร้อยห้าสิบบาทไม่รวมทิป โชคดีหน่อยที่ลูกค้าร้านฉันทิปหนัก”
คำพูดของเจ้าของผับทำให้แพรไหมรู้สึกตาโต เมื่อวานถ้าเธอไม่บังเอิญผ่านมาแถวนี้ก็คงไม่ได้พบเข้ากับผับเเห่งนี้ ถึงว่าทำไมคนที่มาเที่ยวถึงได้แต่งตัวดีกันทุกคน คำพูดของนาวินเปรียบเสมือนสายน้ำที่ช่วยชโลมจิตใจของเธอให้รู้สึกมีหวังขึ้นมาอีกครั้ง เพราะต่อให้ชีวิตจะยากลำบากแค่ไหน แต่ถ้ามีเงิน....ก็จะทำให้ชีวิตของเราก็จะง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก
“ฉันสามารถเริ่มงานวันนี้ได้เลยไหมคะ” แพรไหมไม่รอช้าที่จะเอ่ยถาม เพราะเธออยากหาเงินและเก็บเงินให้ได้มากที่สุด
“วันนี้? แน่ใจเหรอว่าเดินไหว” นาวินถามกลับก่อนจะเหลือบตาไปมองบริเวณขาเรียวของอีกคน ไม่ต้องอธิบายอะไรมากก็พอจะรู้ๆกันอยู่
เเพรไหมที่เข้าใจว่าอีกคนหมายถึงอะไรก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงขึ้นมาอัตโนมัติ เธอเกือบจะลืมเรื่องเมื่อคืนไปแล้วเชียว
“วะไหวค่ะ”
“อืม ถ้าเธอไหวก็เริ่มงานวันนี้ได้” เมื่อเห็นว่าอีกคนดูพร้อมที่จะทำงานเป็นอย่างมาก นาวินก็ไม่อยากที่จะขัด
“ขอบคุณนะคะคุณนาวิน” แพรไหมส่งยิ้มหวานไปให้คนตรงหน้า ทำให้นาวินเผลอยิ้มตามออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นรอยยิ้มของเธอ มันสวยมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียอีก
ตกเย็น
“จิ๊บ บอย วันนี้มีพนักงานใหม่ ฝากสอนงานให้ที” คีรินเดินนำหน้าแพรไหมมาหยุดอยู่ในห้องเก็บของของพนักงาน
หลังจากที่เขาได้รับคำสั่งจากนาวินมาว่าให้พาแพรไหมไปเปลี่ยนชุดรวมไปถึงบอกรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับงานให้เธอฟัง
“พนักงานใหม่เหรอคะคุณคีริน? แล้วแบบนี้ต้องแบ่งโซนยังไงคะ” จิ๊บเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัยเพราะตำแหน่งทุกโซนเต็มหมดแล้ว
แม้จะรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากที่จู่ๆก็มีพนักงานใหม่เข้ามาทั้งๆที่ทุกตำแหน่งอยู่แล้ว
“วันนี้โซนไหนเยอะก็ค่อยแบ่งไปช่วยโซนนั้น เธอโอเคใช่ไหม“ คีรินหันไปพูดกับแพรไหม
”ค่ะ“
หลายชั่วโมงต่อมา
“ให้ฉันช่วยไหมคะ” แพรไหมเอ่ยถามคนตรงหน้า หลังจากท่าทำความเข้าใจที่นั่งครบทุกโซนแล้ว เธอยึงเดินเข้ามาหาบอยที่กำลังยกของอยู่ข้างใน
“ไม่เป็นไร มันหนัก” พนักงานหนุ่มตอบกลับก่อนจะยิ้มให้
“เอ่อ แต่ฉันไม่รู้ว่าจะทำอะไร” เธอตอบกลับ ตอนนี้ยังไม่ดึกเท่าไหร่ ลูกค้าจึงยังไม่ค่อยเยอะ
“งั้นมาช่วยฉันนับของข้างหลังไหม”
“ค่ะ”
เสียงดนตรีครึกครื้นไปทั่วผับ นาวินเดินเดินถือบุหรี่ออกมาจากห้องทำงานก่อนที่เขาจะยืนมองเหล่านักท่องราตรีอยู่ที่ชั้นสามด้วยสายตาพึงพอใจที่ลูกค้ายังคงเหนียวแน่นอย่างเดิม
“มีอะไรจะเล่าให้ผมฟังไหมครับ” ผู้จัดการหนุ่มไม่รอช้าที่จะเดินเข้ามาถาม ซึ้งนาวินได้ยินแบบนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าคีรินหมายถึงใคร
คงจะอยากรู้เรื่องแพรไหมสินะ
“ช่วงนี้ทำตัวเหมือนป้าข้างบ้านนะ หึ” ปกติคีรินไม่ใช่คนแบบนี้สักหน่อย
“คงงั้นมั้งครับเพราะคุณไม่เคยนอนกับผู้หญิงแปลกหน้า แถมยังเอาเธอมาอยู่ด้วยอีก”
เพราะเขารู้จักนาวินดี ถึงได้อยากรู้ว่าเพราะเหตุผลอะไรถึงทำให้เจ้านายหนุ่มยอมทำแบบนั้นได้
“ก็ไม่มีอะไร เธอแค่ถูกไล่ออกจากบ้าน” นาวินตัดสินใจเล่าแบบไม่ลงรายละเอียด เพราะเขารู้ว่าแพรไหมคงไม่สะดวกใจ
”ครับ? แล้วคุณก็ช่วยเธอ“
”อืม มันแปลกเหรอ?“ นาวินหันไปเลิ่กคิ้วถาม เขามั่นใจว่าถ้าคีรินเห็นเหตุการณ์เมื่อเช้าเช่นเดียวกันกับเขา หมอนี่ก็จะช่วยเธอเหมือนกัน
”ถ้าสำหรับคุณก็ไม่แปลกหรอกครับ เว้นแต่ว่าความใจดีของคุณอาจทำให้เกิดปัญหาได้ทีหลัง“
”จะพูดอะไร“ นาวินถามลูกน้องออกมาด้วยความไม่เข้าใจ
”ถ้าคุณเบลล่ารู้....คิดว่ามันจะส่งผลดีเหรอครับ”
“......” นาวินนิ่งไปเมื่อได้ยินแบบนั้น
เบลล่าคือผู้หญิงคนหนึ่งที่เขามีความสัมพันธ์กับเธอมาได้เกือบๆสองเดือนแล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่ถูกใจนาวินทุกอย่าง แม้ความสัมพันธ์จะยังไม่ได้ขยับสถานะถึงขั้นไปเป็นแฟนกัน แต่ทุกคนสนิทรอบตัวของเขาก็รับรู้ว่าเขาควงอยู่กับเธอ เว้นแต่ช่วงนี้หญิงสาวอยู่ในช่วงที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศก็เลยไม่ค่อยได้เจอกับเขาเท่าไหร่
“มีผู้หญิงในชีวิตพร้อมกันสองคน เป็นสิ่งที่คุณไม่ชอบไม่ใช่เหรอครับ ความวุ่นวายน่ะ“ คีรินถามกลับอย่างรู้ทันในความคิดของคนตรงหน้า เพราะเวลานาวินคุยกับใครเขาจะเลือกคุยทีละคน
ถ้าใครงี่เง่าหรือไม่พอใจในสิ่งที่เขาให้ เขาก็พร้อมที่จะหาคนใหม่คนที่รอได้และไม่คาดหวังในตัวของเขามากเกินไปและเบลล่าคือคนที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจ นอกจากเธอจะไม่งี่เง่าเธอยังดูแลเขาเป็นอย่างดี
”ฉันไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้นสักหน่อย ก็แค่ช่วยเธอชั่วคราว“ นาวินไหวไหล่ ถึงแพรไหมจะเป็นผู้หญิงที่สวย แต่ชีวิตของเธอหนักอึ้งมากพอแล้ว เขาไม่คิดว่าตัวเองจะต้องนำพาความปวดหัวไปให้เธออีก
ในขณะที่คีรินไม่ได้คิดแบบนั้น ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ด้วยกันก็เหมือนน้ำมันที่ราดลงไปบนไฟ มันก็จะยิ่งลุกโชน ยิ่งทั้งสองเคยเกินเลยไปแล้วครั้งหนึ่ง ถึงอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อว่าจะไม่มีครั้งต่อไป
”แล้วทำไมเมื่อคืนถึงนอนกับเธอละครับ“
”เรื่องนั้น.....“ นาวินกำลังจะตอบกลับว่ามันมีเหตุจำเป็น แต่ทว่ากลับมีพนักงานคนหนึ่งวิ่งมาหาเขาด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
”คุณนาวินคะ! เกิดเรื่อใหญ่แล้วค่ะ! แฮ่ก~“
”มีอะไร?“
