7.ปกป้อง
Chapter07.ปกป้อง
ตึก
ตึก
“เกิดอะไรขึ้น?” นาวินเอ่ยถามเมื่อเดินมาถึงชั้นล่าง
ภาพที่เขาเห็นคือเเพรไหมกำลังยืนก้มหน้าต่อหน้าลูกค้าชายหญิงคู่หนึ่ง ซึ่งทุกคนกำลังให้ความสนใจเหตุการณ์ตรงหน้าเป็นอย่างมาก ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะหันมาพูดกับนาวิน
“ก็ผู้หญิงคนนี้น่ะสิมาอ่อยผัวฉัน!“ หล่อนว่าก่อนจะชี้ไปยังแพรไหมที่ยืนก้มหน้าก้มตาหงุดเพราะเธอรู้สึกอายเป็นอย่างมาก
วันนี้เป็นวันซวยของเธอใช่ไหม....หญิงสาวได้แต่คิดในใจยืนตัวสั่นด้วยความรู้สึกที่อยากจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ร้องไม่ออก
นาวินได้ยินแบบนั้นก็หันไปมองแพรไหม สำหรัขเขาสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
”ไม่ใช่แบบนั้นนะที่รัก น้องเขาก็แค่....“
”หุบปากไป! ฉันจะจัดการกับแกทีหลัง“
ผู้ชายคนนั้นได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ยิ้มหน้าเจื่อนๆเพราะรู้อยู่แก่ใจของตัวเองดีว่าคนที่พยายามเข้าหาแพรไหมคือตัวเองที่รู้สึกถูกตาต้องใจพนักงานสาว แต่กลับไม่รู้ว่าภรรยาของตัวเองกำลังเดินเข้ามาในร้าน
”เธอทำแบบนั้นเหรอ“ นาวินถามคนตัวเล็กออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ทำให้หญิงสาวค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามอง
“ปะเปล่านะคะ ฉันก็แค่เอาเหล้ามาเสิร์ฟ ละแล้วก็...” ดวงตากลมโตเหลือบไปมองสองสามีภรรยาตรงหน้าด้วยความรู้สึกเกรงกลัว ถ้าเธอพูดความจริงออกไปจะมีใครเชื่อเธอไหม
“พูดมาเถอะ ไม่เป็นไร“ นาวินที่พอจะเข้าใจในท่าทางของอีกคนเอ่ยบอกด้วยสีหน้าหมายมั่นว่าเขาจะเชื่อในสิ่งที่เธอพูด ทำให้แพรไหมพยักหน้ารับก่อนที่จะตัดสินใจพูดความจริงออกมา
”ฉันเอาเหล้ามาเสิร์ฟ แต่คุณผู้ชายคนนั้นขอให้ฉันนั่งด้วยค่ะ ฉันปฏิเสธเพราะฉันทำงานอยู่แต่เขาดึงแขนฉันเอาไว้จนฉันเผลอล้มทับนั่งไปบนขาของเขา แล้วหลังจากนั้นคุณผู้หญิงคนนี้ก็เดินเข้ามา“
นาวินพยักหน้าเข้าใจก่อนจะหันไปพูดกับลูกค้าผู้หญิงที่เป็นฝ่ายโวยวายในตอนแรก
”ได้ยินแล้วนะครับ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันมากกว่า ผมต้องขอโทษแทนพนักงานของผมด้วยถ้าทำให้คุณลูกค้าไม่สบายใจ” นาวินเลือกที่จะปกป้องแพรไหมด้วยตัวเอง เพราะเขารู้ดีว่าเธอไม่ผิด แต่ในฐานะที่ทั้งสองคนนี้เป็นลูกค้า เขาจะยอมปล่อยผ่านไปเฉยๆให้เรื่องจบเเบบเงียบๆ
แต่ดูเหมือนผู้หญิงคนนั้นจะยังไม่พอใจ
“อะไรกัน คุณเป็นเจ้านายจะเข้าข้างลูกน้องของตัวเองแบบนี้เหรอ? คุณจะรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงคนนี้พูดจริง มันอาจจะตอแหลก็ได้” หล่อนว่าด้วยความรู้สึกขายหน้า เนื่องจากโวยวายมาเสียเยอะด้วยความเข้าใจผิดของตัวเอง
“ไม่ต้องห่วงครับ ผับของผมมีกล้องวงจรปิดทุกมุม ถ้าคุณอยากรู้ความจริงตามผมขึ้นไปดูได้นะครับ ถ้าต้องการ”
“ทะที่รัก....รับกลับกันเถอะ ขอโทษด้วยนะครับที่สร้างความวุ่นวาย“ ตัวต้นเรื่องที่เห็นท่าไม่ดีก็รีบคว้าแขนภรรยาเอาไว้เพราะไม่อยากให้เรื่องบานปลายไปมากกว่านี้เพราะความเจ้าชู้ของตัวเอง
”ปล่อยนะ! พี่วิทย์! ษายังคุยไม่รู้เรื่องเลย นี่พี่ปกป้องมันเหรอ!!“
”ไปเถอะษา พี่อายเขา“
ทุกคนยืนมองสองคนนั้นเดินออกไปจากผับด้วยสีหน้าโล่งใจ โชคดีที่มีนาวินลงมาช่วยทุกอย่างถึงได้กลับมาสงบสุขอีกครั้ง
”ไม่มีอะไรกันแล้ว ไปทำงานกันต่อเถอะ“ นาวินหันไปบอกพนักงานที่เหลือ ซึ่งทุกคนก็ทำตามคำสั่งของเขา เหลือก็แต่แพรไหมที่ยืนมองร่างสูงตาแป๋วด้วยความรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
ทำไมเขาถึงได้ปกป้องเธอตลอด.....
“ขอบคุณนะคะคุณนาวิน”
ใบหน้าหล่อหันมามองเจ้าของคำพูด ก่อนที่เขาจะชะงักไปเมื่อได้ลองสักเกตุใบหน้าสวยชัดๆยามที่แสงไฟส่องกระทบลงมาบนแก้มสวยพอดี รอยช้ำแบบนั้น....เขามองแวบเดียวก็รู้
”หน้าเธอ.....นี่เธอโดนตบเหรอ?“ เขาถามออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจเพราะถ้าหากเขาสั่งเกตุเห็นตั้งแต่แรก เขาจะไม่ยอมปล่อยให้สองคนนั้นเดินออกไปเฉยๆแน่
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” แพรไหมตอบรับสั้นๆ เธอไม่อยากมีปัญหาไปมากกว่านี้
“แต่มันคือการทำร้ายร่างกาย ต่อให้เป็นลูกค้าก็ไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายร่างกายคนอื่น” นาวินเอื้อมมือไปลูบแก้มเล็กเบาๆอย่างหลงลืมตัว ทำให้แพรไหมยืนตัวแข็งทื่อ หัวใจเต้นผิดจังหวะเล็กน้อยจากเดิมทีที่หวั่นไหวอยู่แล้ว
“......”
“เจ็บรึเปล่า?” ยิ่งเห็นรอยแดงบนหน้านาวินยิ่งรู้สึกหงุดหงิด
ผู้หญิงอะไรจะโชคร้ายได้มากขนาดนี้....
“นะนิดหน่อยค่ะ” เธอหลบตาเขาเพราะไม่อยากให้หัวใจเต้นเร็วไปมากกว่านี้
“ตามฉันมา“ เจ้าของผับหรูตัดสินใจคว้าแขนคนตรงหน้าเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างไม่สนใจว่าคนอื่นๆที่มองอยู่จะรู้สึกยังไงเลยสักนิด
แน่นอนว่าลับหลังทั้งคู่ไปแล้ว เหล่าพนักงานก็ไม่รอช้าที่จะจับคู่คุยกันถึงความไม่ชอบมาพากลของทั้งสองคน เพราะแพรไหมเพิ่งเข้ามาทำงานในวันแรกก็ดูสนิทสนมกับนาวินดีเหลือเกิน
”สองคนนั้นดูสนิทกันจังเลยเนาะ“
”นั่นสิ นอกจากคุณเบลล่าก็ไม่เคยเห็นคุณวินจะดูแลใครแบบนี้เลยอะ“
”อะแฮ่ม! ไปทำงานกันต่อได้แล้ว“ คีรินที่เดินมาทันได้ยินก็ไม่รอช้าที่จะแสดงตัว
”อุ๊ย คุณคีริน!“
เมื่อเห็นว่าผู้จัดการหนุ่มเดินเข้ามาทุกคนจึงแยกย้ายกันไปทำงานต่อ ปล่อยให้คีรินมองตามนาวินขึ้นไปด้านบนก่อนที่เขาจะส่ายหัวออกมาเบาๆให้กับสถานการณ์ที่เริ่มจะยุ่งเหยิงมากขึ้นเรื่อยๆ
อีกด้าน
“เอาอันนี้ประคบไว้ก่อนที่หน้าเธอจะบวม” นาวินยื่นผ้าเย็นให้แพรไหม หลังจากที่เขาพาเธอขึ้นมาทายาบนนี้จนเสร็จ
“ขอบคุณค่ะ”
“ตกลงเธออยากจะแจ้งความไหม ฉันทำให้ได้นะ” เขายังคงถามในเรื่องนี้เพราะรู้ดีว่าแพรไหมไม่ได้ผิดอะไรเลย
แต่หญิงสาวที่ได้ยินแบบนั้นก็ส่ายหัวออกมา เธอไม่อยากติดใจเอาความอะไร ผู้หญิงคนนั้นแค่เข้าใจผิด เพียงทุกวันนี้ชีวิตของเธอก็ยุ่งวุ่นวายมากพอแล้ว เธอแค่ต้องการความสงบ
“ไม่ค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ปกป้องฉัน”
“เฮ้อ เพราะเธอเป็นคนแบบนี้ไง คนรอบข้างถึงได้เอาเปรียบ”นาวินเผลอพูดความรู้สึกของตัวเองออกมา เขาลืมคิดว่าเธออาจจะรู้สึกไม่ดี ซึ่งก็เหมือนจะจริงเพราะแพรไหมเงียบไปเลย
“ขอโทษ ฉันพูดไม่คิดเอง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็เป็นแบบนั้นจริงๆนั่นแหละ” ใบหน้าสวยยิ้มแห้งๆส่งกลับไปเพราะที่ผ่านมาเธอใจดีกับผู้เป็นแม่มาโดยตลอด ไม่เคยขัดคำสั่งเลยสักครั้ง แต่เรื่องที่จะยกเธอให้กับเสี่ยบวร เธอทำใจยอมรับไม่ได้จริงๆ
“อยากพักหน่อยไหม ฉันไม่หักเงินหรอก ถือว่าฉันรับผิดชอบเธอเพราะฉันเป็นเจ้านาย”
“......” แพรไหมมองคนตรงหน้าด้วยแววตาแห่งความตื้นตันใจและไม่เข้าใจอยู่ลึกๆว่าทำไมนาวินถึงเมตตาเธอขนาดนี้
หลายชั่วโมงผ่านไป
1.34 นาที
แกร๊ก....
“หึ.....”
ดวงตาคมเหลือบไปเห็นร่างบางของใครบางคนกำลังนอนขดตัวอยู่บนโซฟาห้องรับแขกก่อนที่เขาจะเผลอยิ้มออกมาเพราะท่านอนของเธอมันเหมือนกับกุ้งที่กำลังขดตัวอยู่
“ทำไมถึงมานอนตรงนี้” เขาพึมพัมกับตัวเองก่อนจะตัดสินใจปลุกคนตัวเล็ก
“แพรไหม ทำไมถึงมานอนตรงนี้“
”อื้อ“ ร่างสวยที่หลับไปได้เกือบๆหนึ่งชั่วโมงก็เริ่มรู้สึกตัวตื่นเพราะน้ำเสียงของใครบางคน
”คุณนาวิน“ เธอเรียกเขาออกไปด้วยความงุนงง
”ไปนอนบนเตียงดีๆ“
