ตอนที่ 4 จุดพลิกผัน
LOVE SHOP ร้านลับซ่อนสเน่หา
บทที่ ๔
จุดพลิกผัน
ดวงสวาทเก็บคำพูดของนวลพรรณมาคิดไตร่ตรอง เธอหันมองไปรอบๆ ตัว มันอาจจะเป็นภาพแห่งความเคยชินไปเสียแล้ว เธอไม่ได้ทุกข์ร้อนที่มีบ้านซอมซ่อแบบนี้ เพราะตั้งแต่จำความได้เธอก็เติบโตมาในบ้านที่ผุๆ พังๆ ทั้งคนในครอบครัวทั้งตัวบ้าน แต่ถ้าเลือกได้เธอก็อยากมีบ้านที่ดีกว่านี้ เธอหันไปมองแม่ของเธอที่แก้ตัวลงทุกวันกำลังแบกร่างของพ่อที่เมาแอ๋เข้ามาในบ้าน พร้อมกับก่นด่าไม่หยุดแต่ไม่วายยังดูแลไม่ห่าง วูบหนึ่งเธออดสังเวชตัวเองไม่ได้ที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ตั้งแต่จำความได้ แม่ของเธอที่ทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวมาตลอด ถึงจะไม่ได้อิ่มทุกมื้อก็เถอะ ดวงสวาทอยากให้แม่เธอได้พักบ้างแล้ว ข้อเสนอนวลพรรณอาจจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับเธอตอนนี้ก็ได้
"แม่จ๋า" ดวงสวาทเรียกมารดาที่กำลังเช็ดตัวชาติชายพ่อของเธอ
"มีอะไร ถ้าจะมาพูดเรื่องเรียนต่อไว้ก่อนนะ แม่ยังไม่มีปัญญาส่งเอ็งเรียนสูงกว่านี้แล้ว แต่ถ้าเอ็งอยากเรียนก็ลองสอบทุนเอา แม่ไม่ห้ามหรอก เพราะความรู้จะติดตัวเอ็งไปตลอดชีวิต" เธอวางมือแล้วหันมามองหน้าลูกสาว พร้อมเอามือลูบหัว
"ไม่ใช่จ้ะแม่ ฉันจะมาขอแม่ไปทำงานกับพี่นวลนะจ้ะ" ดวงสวาทกล้าๆ กลัวๆ แต่ในเมื่อตัดสินใจแล้วเธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปให้สุดทาง
"ไปทำงานกับอีนวล อีนวลลูกอีสุนนท์บ้านข้างวัดนั้นหรอ" ดวงศรีถามพลางนึกถึงว่านวลพรรณที่ดวงสวาทพูดถึงนั้นเป็นลูกเต้าเหล่าใครกันแน่
"ใช่จ้ะ พี่นวลลูกป้าสุนันท์นั่นแหละจ้ะ" มือบางบีบกันแน่นกลัวแม่เธอจะไม่อนุญาต และถ้าหากอนุญาตเธอจะทำยังไงต่อ
"เอ็งรู้ไหมอีดวง รู้กรือเปล่าว่าอีนวลทำงานอะไร เอ็งถึงมาขอแม่ไปทำงานกับมัน"
"รู้จ้ะ ฉันเลยอยากมาขออนุญาตแม่ก่อน"
"แม่ไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเอ็ง ตัวเป็นของเอ็ง ร่างกายเป็นของเอ็ง เอ็งอยากไปข้าก็ไม่ห้าม หากเอ็งคิดถี่ถ้วนดีแล้ว แต่เอ็งทำใจได้หรอ งานที่อีนวลทำมันไม่มีศักดิ์ศรีเลยนะ ไปขายเรือนร่างให้ผู้ชายไม่ซ้ำหน้า เอ็งคิดว่าเอ็งทนไหวหรอ" สายตาอ่อนแสงของนางดวงศรีจ้องมองลูกสาวอย่างเวทนา ดวงสวาทอาจจะมีดื้อบ้างตามวัย แต่ลูกสาวนางก็รักดี รักเรียนมาโดยตลอด การเรียนจัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ตอนแรกที่ลูกสาวบอกว่ามีเรื่องจะคุย นางคิดว่าลูกสาวจะมาขออนุญาตเรียนต่อ และนางคงบอกให้ลูกสาวไปสอบชิงทุนสักแห่งหนึ่ง หัวออกคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็อยากเห็นลูกได้ดีทั้งนั้น แต่ไม่คิดว่าดวงสวาทจะมาขออนุญาตนางเรื่องนี้
"เราไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้วแม่ แค่เราจนคนก็พร้อมจะดูถูก ส่วนเรื่องที่แม่ถามว่าถ้าต้องไปนอนกับผู้ชายแปลกหน้าหลายๆ คนจะรู้สึกยังไง ฉันก็ยังตอบไม่ได้หรอกจ้ะ แต่ฉันจะอดทนให้ถึงที่สุด"
"แล้วเอ็งจะต้องอดทนไปทำไมล่ะอีดวง พ่อแม่อาจจะเลี้ยงเอ็งให้สุขสบายเหมือนลูกคนอื่นไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อกับแม่อยากให้เอ็งไปทำงานแบบนั้นหรอกนะ" ดวงศรีเอื้อมมือลูบหัวดวงสวาทอย่างเวทนา
"ฉันอยากให้บ้านเราดีกว่านี้ อยากให้แม่พักได้แล้ว ฉันเห็นแม่ทำงานหนักมาตั้งแต่เด็กๆ ฉันไม่อยากเห็นภาพนั้นแล้ว"
"แม่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร แต่ถ้าเอ็งคิดถี่ถ้วนดีแล้ว แม่ก็ตามใจเอ็งนั่นล่ะ จะไปเมื่อไหร่ล่ะ" ดวงศรีอดที่จะถามไม่ได้ นางอยู่กับลูกมาตั้งแต่แบเบาะ เลี้ยงดวงสวาทมาเองกับมือ เฝ้าดูการเติบโตของลูกสาวตัวน้อยจนตอนนี้โตเป็นสาวสะพรั่ง แม้จะรู้ว่าวันนึงลูกสาวตัวน้อยของเธอในวันนั้นจะต้องแต่งงานออกเรือนไป แต่เธอก็ไม่คิดว่าจะเร็วถึงเพียงนี้ และไม่ได้แต่งงานออกเรือนไปมีครอบครัวอย่างที่ควรจะเป็นแต่กลับออกจากบ้านเพื่อไปหางานทำ งานที่คนตราหน้าว่าไม่ดี
"ยังไม่แน่ใจเลยจ้ะแม่ ฉันว่าจะขึ้นไปพร้อมพี่นวลเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปบอกพี่นวลว่าฉันจะไปทำงานด้วย แม่ไม่ต้องเป็นห่วงฉันนะ ฉันไปที่นั่นฉันสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดี พ่อกับแม่อยู่ทางนี้ก็ดูแลกันดีๆ นะจ้ะ" ดวงสวาทโผเข้ากอดมารดา จากนี้ต่อไปเธอจะต้องเป็นเสาหลักของบ้าน หากคนข้างหลังยังไม่สุขสบายเธอจะไม่มีวันถอยหลังกลับมาเด็ดขาด
ดวงสวาทจัดการเรื่องของตัวเองจนเรียบร้อยก่อนวันเดินทางเพียงหนึ่งวัน วันนี้ชาติชายหายไปกินเหล้าที่ร้านยายศรีเหมือนเช่นเคย แต่แม่ของเธอกลับไม่ได้ไปตามอย่างทุกที
"มากินข้าวอีดวง วันนี้แม่ทำของโปรดเอ็งทั้งนั้นเลยนะ" ดวงศรีตะโกนเรียกลูกสาวที่น่าจะทำอะไรสักอย่างอยู่สักมุมนึงของบ้าน
"มาแล้วจ้ะแม่ แล้วแม่ไม่ไปตามพ่อมากินข้าวด้วยกันหรอ ฉันไปตามให้ไหมจ้ะ" ดวงสวาทเสนอตัว
"ปล่อยไอ้ชาติหมาพ่อของเอ็งไปเถอะ หาเงินมาเท่าไหร่ก็ลงขวดหมด ส่วนเอ็งนั่งลงแล้วกินข้าว กินเข้าไปเยอะๆ ของชอบเอ็งทั้งนั้น" ปากว่าแต่มือนางดวงศรีตักกับข้าวใส่จานลูกสาวไม่หยุด
"พอแล้วจ้ะแม่ มันล้นจนจะเป็นจานข้าวหมาแล้ว" หญิงสาวแกล้งแหย่มารดา เพราะเห็นน้ำตาแม่รื่น
"เอ้าปากอีนี่ กินๆ เข้าไป" แม้ปากจะก่นด่าแต่นัยย์ตาของดวงศรีก็เศร้าอย่างเห็นได้ชัด
"แม่ก็กินด้วยนะจ้ะ นี่ผัดตำลึงที่แม่ชอบ" หญิงสาวว่าพร้อมตักกับข้าวใส่จานให้ดวงศรี
"แม่ไม่ต้องห่วงฉันนะจ้ะ เมื่อไหร่ที่ฉันได้ดี ฉันจะพาพ่อกับแม่มาอยู่ด้วย ตอนแรกเราอาจจะติดต่อกันยากเสียหน่อย หากมีสตางค์พร้อมแล้วฉันจะซื้อโทรศัพท์สักเครื่องให้แม่นะ"
"ซื้อมาทำไมของแบบนั้น"
"ซื้อมาไว้ให้แม่รับสายฉันไง ไปอยู่ทางนู้นฉันคงคิดถึงแม่มาก อย่างน้อยได้โทรหากันบ้างก็ยังดี" ดวงสวาทยิ้มให้กำลังใจมารดาของตัวเอง
"เอ็งไม่ไปได้ไหม แม่ไม่อยากให้เอ็งไปเลยอีดวง" ในที่สุดดวงศรีก็กลั้นใจเอ่ยปากในสิ่งที่ตัวเองคิด
"ไม่ได้หรอกจ้ะแม่ ฉันรับปากพี่นวลเขาไว้แล้ว รีบกินเถอะจ้ะ จะได้รับเข้านอน พรุ่งนี้ฉันต้องเดินทางแต่เช้า" ดวงสวาทตัดบทพร้อมกับตักข้าวเข้าปาก สองแม่ลูกนั่งทานข้าวเย็นมื้อสุดท้ายด้วยกัน พรุ่งนี้นางคงต้องนั่งกินข้าวคนเดียว ไม่มีลูกสาวสุดที่รักของนางนั่งกินด้วยแล้ว
