บท
ตั้งค่า

4.ระยะห่าง

Chapter04.ระยะห่าง

"เออใช่! เพราะกูนี่แหละ แต่กูไม่คิดว่ามึงจะสวยขนาดนี้ไง แบบนี้กูก็มีคู่แข่งแล้วอะดิ “

“อืม สวยจริงๆ จนเกือบจำไม่ได้” เรนเดลเอ่ยขึ้นทำให้ฉันชะงักหันไปมองหน้ามัน ปกติไอ้หมอนี่มันเคยชมใครที่ไหน

“ขนลุกอีเดล มึงชมกู” ฉันไม่รอช้าที่จะตอบกลับไปพร้อมทำท่าทางขนลุกให้มันสมจริง ซึ่งดูเหมือนเรนเดลจะชินกับท่าทางแบบนี้ของฉันอยู่แล้วถึงได้ส่ายหน้าตอบกลับมาเฉยๆ

ไม่เหมือนกับอีกคนที่เอาแต่นั่งจ้องฉันไม่วางตา ไม่รู้จะจ้องอะไรนักหนา

“เชี้ย! มัวแต่เม้าเพลินจนลืมดูเวลา กูต้องรีบไปเรียนแล้ว กูไปก่อนนะ”

จู่ๆ โบว์วี่ก็ก้มลงไปมองนาฬิกาก่อนจะเอ่ยปากขอตัวไปเรียน ซึ่งฉันก็พยักหน้ารับเพราะอีกไม่กี่นาทีฉันเองก็ต้องขึ้นไปชั้นบนเพื่อเรียนคาบแรกแล้วเหมือนกัน

” กูก็ต้องไปละ ไว้เจอกัน “เรนเดลเอ่ยขึ้นมาอีกคนก่อนที่พวกมันจะเดินออกไปจากโต๊ะนั่ง ยกเว้น.......

” .....มองอะไร? “

นั่นเป็นคำแรกที่แอนดริวเอ่ยปากถามฉัน ฉันยืนจ้องหน้าเพื่อนสนิทที่รั้วบ้านติดกันด้วยสีหน้าสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าทำไมมันถึงยังนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ ไม่ลุกขึ้นไปเรียนหรือไง

“มึงไม่ไปกับมันล่ะ” ฉันพยักหน้าไปทางเรนเดลที่เดินหายไปไกลแล้ว

สองคนนี้เรียนสาขาเดียวกันไม่ใช่หรือไง

“ทำไมต้องไปกับมัน” หมอนั่นเลิ่กคิ้วถามฉันด้วยท่าทางกวนประสาท ทำเอาฉันชะงักไปเล็กน้อย เพราะหลายเดือนที่ผ่านมาพอไม่ได้ทะเลาะกันกับหมอนี่ ฉันก็รู้สึกว่าชีวิตของตัวเองเงียบเหงามากจริงๆ

“อ้าว ก็มึงมีเรียนพร้อมมันไง ถามแปลกๆ ไม่สบายปะเนี่ย “

” ใครกันแน่ที่ไม่สบาย ตอนรายชื่อออกไม่แหกตาดูหรือไงว่าเราสองคนเรียนห้องเดียวกัน “

” ฮะ!? ว่าไงนะ! “ฉันเบิกตากว้างก่อนจะตะโกนออกมาเสียงดังอย่างลืมตัวเมื่อได้ยินแบบนั้น

ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมที่หมอนี่บอกว่าเรียนห้องเดียวกันกับฉัน

” จะตกใจอะไรขนาดนั้น “แอนดริวถามฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

” ที่พูดออกมาหมายความว่าไง “

ในระหว่างที่ฉันหนีไปลั้นลาที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อนสนิทของฉันทำอะไรลงไปบ้าง เรื่องนั้นฉันไม่เคยรู้เลย เพราะครั้งล่าสุดที่คุยกัน ฉันจำได้ว่าเรนเดลกับแอนดริวตกลงกันว่าจะสอบเข้าคณะวิศวะ

ซี่งนั่นทำให้ฉันรู้สึกดีเป็นอย่างมากที่ในที่สุดฉันก็จะได้แยกจากเพื่อนสนิทที่เรียนห้องเดียวกันมาตั้งแต่อนุบาลเสียที เพราะถ้าให้พูดตามตรง ฉันอยากลองใช้ชีวิตแบบไม่มีแอนดริวมาเป็นก้างขวางคอดูบ้าง ฉันเองก็อยากจะใช้ชีวิตโสดให้มีความสุข ไม่ใช่มีฝูงเสือไว้คอยไล่เหยื่อรอบตัวฉันอยู่ตลอดเวลา จนไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าแม้แต่จะมาเข้าใกล้

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันก็รู้สึกสบายใจนะที่มีเพื่อนผู้ชายคอยเป็นห่วง แต่ตอนนี้ฉันโตพอที่จะเริ่มใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นทั่วไปได้แล้ว มันออกจะช้าไปด้วยซ้ำ แต่ก็นั่นแหละ ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่ฉันคิด

“ก็หมายความว่าเราสองคนเรียนห้องเดียวกัน “แอนดริวตอบกลับมาหน้าตาย ผิดกับฉันที่ได้แต่รู้สึกอึ้งอย่างบอกไม่ถูก ทำไมจู่ๆ หมอนี่ถึงได้เปลี่ยนใจ แล้วชีวิตในรั้วมหาลัยของฉันจะสนุกได้ยังไง!

ฉันอุส่าห์เปลี่ยนแปลงตัวเอง จากผมสั้นเต๋อทอมบอยมาไว้ผมยาวเพื่อที่จะใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยให้เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นมากขึ้น แต่เพื่อนสนิทกลับมาตามติดชีวิตอีกแบบนี้ แผนที่ฉันวางไว้ก็พังหมดน่ะสิ

“ถามจริง? มึงทำแบบนี้ทำไมวะ “ฉันทนไม่ไหวจึงเอ่ยถามออกไปตามตรง

หลายครั้งที่แอนดริวทำนิสัยแบบนี้กับฉันและฉันยอมรับว่าบ้างครั้งฉันก็เผลอคิดไปว่าหมอนี่อาจจะชอบฉัน แต่ทุกครั้งที่ฉันเห็นเพื่อนสนิทของตัวเองนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ฉันก็ไม่เคยคิดว่าคนอย่างแอนดริวจะรักใครเป็น

“ทำอะไร?”

“ก็ที่ตามติดกูแบบนี้อะ บอกตามตรงบางครั้งกูก็รู้สึกอึดอัดนะเว้ยที่มึงทำแบบนี้”

“ที่พูดออกมา หมายความว่าไง อึดอัด?” ผมเอ่ยถามคนตรงหน้าออกไปด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ

ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ว่าหลังจากเรียนจบมอปลาย จีจี้พยายามตีตัวออกห่างผม เริ่มจากการไม่ค่อยตอบแชท แต่ตอนนั้นด้วยความที่เธออยู่ต่างประเทศ ผมก็เลยคิดว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัย แต่พอวันนี้การที่เราสองคนได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง มันทำให้ผมรับรู้ว่าอีกคนเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เธอดูไม่ได้อยากสนิทกับผมเหมือนเคย

นั่นทำให้ผมรู้สึกจี๊ดๆ บริเวณหัวใจข้างซ้ายอยู่มากพอสมควร คนเคยสนิทกันมามากกว่าสิบปี จู่ๆ จะมาพูดแบบนี้ใส่กัน มันได้เหรอวะ?

“ให้กูพูดตามตรงเลยนะ ที่ผ่านมากูรู้มาตลอดนะเว้ย ที่มึงคอยจัดการผู้ชายทุกคนที่เข้ามาจีบกูให้เลิกยุ่งกับกูอะ แต่กูก็ไม่ได้อะไรไง เพราะมึงคือเพื่อนกูและตอนนั้นกูก็ยังเด็กเกินไปที่จะมีความรัก แต่ตอนนี้กูโตแล้วนะดริว กูอยากใช้ชีวิตเหมือนผู้หญิงทั่วไปที่ไม่ต้องมีเพื่อนผู้ชายมาคอยตามหวงอะ กูอยากมีแฟนเหมือนคนอื่นบ้าง “

” ....... “

ถ้อยคำพวกนั้นที่พรั่งพรูออกมาจากปากคนคนตัวเล็กทำเอาผมรู้สึกอึ้งอยู่มากพอสมควรเพราะผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจีจี้รู้สึกแบบนี้กับผม ที่ผ่านมา....ผมคงทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากเลยสินะ

แต่แล้วยังไง....ที่ผมทำไปทั้งหมดก็เป็นเพราะสัญญาที่ให้กับพี่จอมทัพเอาไว้

“พูดแบบนี้หมายความว่าจะเลิกคบกับกู? “ผมเลิ่กคิ้วถามคนตรงหน้าออกไปด้วยสีหน้าราบเรียบ

ผิดกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้นมาและรู้สึกชาหน่วงอยู่ตลอดเวลา ผมยอมรับว่าตอนนี้กำลังรู้สึกเคว้งเอามากๆ เพราะจู่ๆ เพื่อนรักที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก กำลังจะขอตีตัวออกห่างจากผมไป แต่ด้วยอีโก้ของผม ผมเลือกที่จะแสดงออกไปว่าไม่ได้รู้สึกอะไร

” กูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น..... “

” .....กูว่าเราลองห่างกันดูดีไหม แบบที่คนอื่นจะไม่ได้เข้าใจผิดว่ามึงเป็นแฟนกู “

ห่างงั้นเหรอ....

ผมจ้องมองใบหน้าสวยที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันจะสวยได้ขนาดนี้ด้วยแววตาคมกริบ เหตุการณ์นั้นมันเคยเกิดขึ้นแล้วครั้งหนึ่งในตอนที่เราสองคนย้ายโรงเรียน หลายคนเข้าใจผิดว่าผมคบกับเธอเพราะเราสองคนตัวติดกันแทบจะตลอดเวลา

แต่วันนี้จู่ๆ จึจี้กลับมายืนต่อหน้าผมและขอให้เราสร้างระยะห่างต่อกัน ในขณะที่เราสนิทกันมามากกว่าสิบปีเนี้ยนะ ผมไม่อยากคิดเลยว่ามันจะมีวันนี้เกิดขึ้นจริงๆ

” อยากมีแฟนมากขนาดนั้นเลยเหรอ “ผมทวนถามออกไปด้วยความรู้สึกคุกครุ่นที่ก่อตัวขึ้น

การที่เธออยากมีแฟน มันกำลังทำลายความสัมพันธ์ของเราสองคน

ซึ่งผมรู้สึกเจ็บ....ที่ได้ยินว่ามันเป็นแบบนั้น

“อืม”

“ก็แล้วแต่ ถ้ามึงคิดว่าการที่เราสองคนเลิกสนิทกันจะทำให้มึงมีความสุขมากขึ้น ก็ได้....ต่อจากนี้เราจะเป็นแค่เพื่อนร่วมห้องกัน แค่นั้น “

ผมไหวไหล่บอกอีกคนด้วยสีหน้าไม่ได้แสดงความรู้สึกขุ่นมัวใดๆ ออกมาเลยสักนิด ก่อนที่จะสาวเท้าออกมาจากบริเวณนั้น ในความเป็นจริงผมมีหลายอย่างอยากจะพูด แต่ในเมื่ออีกคนดูอยากจะเลิกเป็นเพื่อนกับผมมากขนาดนั้น ก็ไม่มีเหตุผลที่ผมจะถามหาเหตุผลจากเธออีกต่อไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel