CHAPTER6 เก็บซ่อน
ความรู้สึกเเรกที่เเวบเข้ามาคือความผิดหวัง ตามด้วยความเสียใจ ความเศร้า ความคับเเค้น เเค่เห็นพวกเขาผ่านทางหน้าจอก็ไม่ได้เหรอ ขอเเค่นาทีเดียวเอง อยากจะเห็นว่าพวกเขาปลอดภัยดีไหม อยากจะ...พูดคุยกับพวกเขา เเค่คำว่ารักทุกคน ก็ยังพูดให้พวกเขาฟังไม่ได้เลย ตลอดเวลาที่ผ่านมาเคยมีโอกาสนับครั้งไม่ถ้วนที่จะบอก เเต่ก็ไม่เคยคิดจะพูด...
รู้อย่างงี้น่าจะทำตั้งนานเเล้ว
ฟลินเดินออกมาจากเต็นท์ด้วยท่าทีเศร้าหมอง เขาคิดว่าวันนี้แหละ เป็นวันที่เขาจะได้เจอครอบครัว จะได้โอบกอดภรรยาที่รัก หอมเเก้มลูกๆ บอกพวกเขาว่าพ่อคนนี้รักพวกเขาเเค่ไหน เเละอยากจะขอโทษที่ละเลยความสำคัญของครอบครัว ขอโทษที่เพิ่งจะมาเห็นค่าในวันที่สาย
ฟลินไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องไปที่ไหนต่อ เขาไม่มีบ้านให้กลับไปอีกเเล้ว เขาทำได้เเค่เดิน เดินเเละเดินเหมือนหุ่นยนต์ หรือเขาควรจะกลับไปหาเฟสเตอร์... ไม่ ขืนกลับไป เขาก็อดไม่ได้ที่ต้องตามสืบเรื่องค่ายนั้น เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีกเเล้ว อีกทั้งไม่อยากผิดใจกับเพื่อนรัก ไม่อยากทำร้ายคนบริสุทธิ์ ยิ่งวันนี้ฟลินได้มารู้ถึงจุดประสงค์ที่เเท้จริงของประธานาธิบดีดีโอฟิออนที่ว่าจะกวาดล้างผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน เขาก็ยิ่งทุกข์หนัก
ถึงครอบครัวจะสำคัญกับฟลินมากเเค่ไหน เเต่เขาก็ทำใจยอมรับเรื่องพวกนี้ไม่ได้จริงๆ
ฟลินเดินมาเรื่อยๆ จนมาพบกับเต็นท์เก่าๆ หลังหนึ่ง ไม่มีการ์ดคอยเฝ้าอยู่ด้วยสิ ถ้าจะเดินจากไปโดยที่ไม่เข้าไปสำรวจมันก็...น่าเสียดาย ถึงปัจจุบันจะกลายมาเป็นผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่เเต่นิสัยของความอยากรู้อยากเห็นก็ไม่เคยจางหาย เลือดของอดีตสายลับมันเข้มข้นเกินกว่าจะปฏิเสธได้
ฟลินย่องเข้าไปช้าๆ ภายในเต็นท์เต็มไปด้วยลังไม้จำนวนมาก เมื่อเปิดออกดูจึงพบว่าเป็นอาวุธปืนหลายกระบอก ขวดสารเคมี กับระเบิดควันอีกจำนวนหนึ่ง ทำไมพวกการ์ดถึงเอาของอันตรายพวกนี้มาไว้ที่เต็นท์เก่าๆแบบนี้ด้วยนะ ความจริงของพวกนี้น่าจะได้รับการคุ้มกันมากกว่านี้สิ เว้นเสียเเต่ว่า...มันถูกนำมาไว้อย่างผิดกฎหมาย เเต่เพื่ออะไร...
“ฮือ... ฮือ... ฮือ...”
ฟลินสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของใครบางคน ชายหนุ่มทำใจกล้าเดินหาต้นตอของเสียง พยายามไม่เตะกระป๋องเบียร์ที่กระจายอยู่ที่พื้น นี่มันเเหล่งมั่วสุมหรืออย่างไร ทั้งกระป๋อง เเอลกอฮอล์ เศษบุหรี่ กลิ่นเหม็นตลบอบอวลไปทั่ว เเต่เเล้วเมื่อเขาเดินมาสุดทางก็ได้พบเข้ากับ
หญิงสาวผมยาวสีน้ำตาล ใส่เสื้อสีขาวกางเกงน้ำเงิน...
ชัดเลย ต้องใช่เธอเเน่...แฮนนา หญิงสาวที่คนเเปลกหน้าสามคนเมื่อตอนนั้นตามหา “เธอคือแฮนนาใช่ไหม” ฟลินกล่าวถามเธอก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ “ไม่ต้องกลัวนะ ฉันเป็นมิตร”
เธอดูเเย่มาก เนื้อตัวมอมเเมมมีเเต่รอยเขียวช้ำ เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ย เธอนั่งขดตัวกอดเข่าอยู่ที่พื้น ตาของเธอเเดงก่ำอันเนื่องมาจากร้องไห้มาเป็นเวลานาน ฟลินค่อยๆ นั่งลงพยายามพูดกับหญิงสาว เเต่เธอก็เอาเเต่ส่ายหน้าตัวสั่น
“เอาล่ะ มีคนฝากนี่มาให้เธอนะ” ฟลินล้วงขวดยาที่สาวหัวดื้อคนนั้นให้ไว้ “ถ้าจำไม่ผิด โซอี้ เธอรู้จักไหม”
เหมือนจะได้ผล เเฮนนาหยุดร้องไห้ เธอมองฟลินสลับกับขวดยาในมือเขา “โซอี้ โซอี้มาช่วยเเฮนนา”
“ใช่ โซอี้ส่งฉันมาช่วยเธอนะ” ตอนที่บอกว่าเเฮนนาป่วย ก็คิดว่าเป็นโรคอะไรซะอีก ที่เเท้เธอก็ไม่ปกตินี่เอง มันยิ่งทำให้ฟลินรู้สึกสงสารเเฮนนามากขึ้นไปอีก ทำไมผู้หญิงตัวเล็กๆ เเบบเธอต้องมาเจออะไรเเบบนี้ด้วย ใครเป็นคนทำเเละทำเพื่ออะไร
ตึก... ตึก... ตึก...
อยู่ๆก็มีเสียงใครบางคนเดินเข้ามาใกล้พวกเขาทั้งสองคน หรือจะเป็นพวกคนเลวที่ทำร้ายเเฮนนา!! ฟลินบอกไม่ให้เเฮนนาส่งเสียง เดี๋ยวเขาจะอาสาออกไปดูให้ว่าใครมา “ไม่ต้องกลัว ฉันฟลิน เป็นเพื่อนเธอนะ”
เเต่เมื่อฟลินพูดจบ เเฮนนากลับวิ่งพรวดออกไปทันที ชายหนุ่มพยายามดึงเธอไว้เเต่ก็ไม่สำเร็จ เธอทั้งตีทั้งข่วน กระชากจนเเขนหลุดออกไปได้สำเร็จ ให้ตายเถอะ ฟลินหัวเสียสุดๆ เเต่ก็ทำได้เเค่วิ่งตามหญิงสาวไป
“โซอี้!!” เเฮนนาโผเข้ากอดคนตรงด้วยความดีใจ
ถึงจะดูเเปลกตาไปจากตอนเเรกที่ได้พบ เเต่ฟลินก็จำเเม่สาวสุดกล้าหาญคนนั้นได้ ผมที่ยุ่งเหยิงถูกมัดรวบขึ้นไป หน้าตาไม่ดำสกปรกเหมือนตอนแรก เธอสวมชุดพอดีตัว ดูกระฉับกระเฉงมากขึ้น
“แฮนนา ปลอดภัยสินะ” โซอี้มองสำรวจร่างกายของเเฮนนา หน้าเธอดูโกรธจัดเมื่อเห็นรอยเขียวช้ำพวกนั้น “พวกมันทำเธอเหรอ พวกมันซ้อมเธอใช่ไหม พวกมันได้ล่วงเกินเธอรึเปล่า”
แฮนนาส่ายหน้า “ฉันสู้!! ไม่ยอมโดนทำร้าย...”
สาวทั้งสองกอดกันอีกครั้ง โซอี้น้ำตาคลอ เธอลูบหัวปลอบขวัญเพื่อนของตัวเอง ก่อนที่จะทันได้สังเกตว่ามีใครบางคนยืนมองพวกเธออยู่ “นาย...คนเมื่อตอนนั้น”
“ฟลิน ฉันมาพบเพื่อนเธอโดยบังเอิญและ...”
“ที่เเท้นายก็เป็นพวกมัน!!”
“พวกมัน?”
“พวกที่ทำร้ายเพื่อนฉัน”
ฟลินทำหน้าไม่เข้าใจ โซอี้จึงพูดต่อ “พวกการ์ด”
“นี่เธอยังคิดว่าพวกการ์ดลักพาตัวเพื่อนเธอมาอีกเหรอ” ฟลินพูดพลางส่ายหัว “เธอเข้าใจผิดเเล้ว พวกการ์ดไม่มีทางทำเรื่องเเบบนี้เเน่ ไม่มีเหตุผลเลย...”
โซอี้กลอกตาและยืนนิ่งเงียบมองฟลินอยู่อย่างนั้น จนเจ้าตัวเริ่มรู้สึกอึดอัดเเละต้องเป็นฝ่ายออกปากที่จะช่วยพวกเธอทั้งคู่หนีเเทน เพราะถ้าพวกการ์ดรู้ว่าโซอี้เเอบลอบเข้ามาแบบนี้ ต้องเป็นเรื่องเเน่ๆ ถึงเธอจะแค่เข้ามาตามหาเพื่อน เเต่ที่นี่ก็ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์บัญชาการ ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ควรเข้ามาโดยพลการ
“ทางสะดวก ฉันล่อพวกนั้น...” หนุ่มผมบลอนด์เมื่อตอนนั้นก้าวเข้ามาในเต็นท์ เขาดูตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นฟลินยืนอยู่ด้วย “เอ่อ...”
“ฟลิน ผมชื่อฟลิน เเละก็ไม่ต้องห่วง ผมไม่ใช่คนเลว” ฟลินพูดพลางเหล่ตามองโซอี้ ซึ่งเธอก็มองกลับมา
“ผมรู้ครับ เมื่อตอนบ่ายคุณช่วยพวกเราไว้ ผมชื่อออสติน” หนุ่มผมบลอนด์กล่าวเเนะนำตัวกับฟลิน ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับเเฮนนาที่ยืนอยู่ ออสตินดึงเธอเข้ามากอดเเน่นเเละกล่าวกับหญิงสาวในอ้อมเเขนยังอ่อนโยน “ไม่ต้องกลัวนะแฮนนา ฉันอยู่นี่เเล้ว”
ฟลินทำหน้าครุ่นคิด สองคนนี้...ไม่น่าใช่เพื่อนกันเเล้วล่ะมั้ง
“เห้ย!! เสียงใครอยู่ข้างในนั้น”
ทั้งสี่หันมองหน้ากันไปมา เอาไงดี จะซ่อนหรือจะวิ่งดี ไม่ว่าทางไหนก็ไม่น่าจะรอด ต้องโดนจับได้เเน่ เผลอๆ อาจกลายเป็นวิญญาณเฝ้าที่นี่ก็ได้
“ฉันเอง!!” โซอี้กับออสตินตกใจมากเมื่ออยู่ๆ ฟลินก็ตะโกนเสียงดัง
โซอี้เดินเข้ามามาหาฟลินพลางกระซิบ “นายจะบ้าเหรอ จะฆ่าพวกเราหรือไง”
“อย่าห่วงเลย พวกเขาไม่ทำอะไรฉันหรอก” ฟลินขยิบตาหนึ่งที “ฉันจะล่อพวกเขาให้ พวกเธอสามคนก็อาศัยจังหวะนี้หนีเลยนะ”
“ฉันไม่เห็นด้วย” โซอี้พูด “จะรู้ได้ไงว่านายจะปลอดภัย ฉันไม่ต้องการให้ใครต้องมาสละชีวิตเพื่อพวกเราหรอกนะ”
ฟลินยิ้ม ผู้หญิงคนนี้เห็นค่าชีวิตของเขามากขนาดนี้เชียว ไร้เดียงสาซะจริง เขาเรียกว่า...อะไรนะ อ๋อ คุณนางเอกสินะ
“งั้นมาพนันกัน ถ้าฉันรอดเธอต้องบอกฉันทุกเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเธอ”
