บท
ตั้งค่า

CHAPTER7 หลอกลวง

ฟลินเดินออกมาเจอเคิร์ทที่ยืนเก๊กท่าอยู่กับลูกน้องห้าคน ทั้งหมดมองมาที่ฟลินอย่างหวาดๆ ยกเว้นเคิร์ทที่จ้องมาด้วยเเววตาอาฆาตก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

ให้ตายสิ หมอนี่ต้องล้างเเค้นที่โดนต่อยคราวนั้นเเน่ จะว่าเป็นความซวยก็คงได้ที่ออกมาเจอกับเคิร์ท เพราะถ้าเป็นคาเลบหรือการ์ดชั้นปลายแถว ฟลินคงเจรจาด้วยไม่ยาก

“เเปลกใจจังที่เจอนายที่นี่” เคิร์ทพูด

“ฉันมารายงานข่าว นายน่าจะรู้เรื่องฉันกับท่านประธานาธิบดี” ฟลินเหลือบมองเข้าไปในเต็นท์ “ฉันไม่อยากพูดหรอกนะ เดี๋ยวนายจะหาว่าฉันโอ้อวด เเต่ฉันสามารถเดินไปไหนมาไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใครด้วย เพราะฉะนั้นการที่นายกับพวกลูกน้องมายืนขวางฉันเเบบนี้ อยากโดนลงโทษรึไง”

เคิร์ทกั้นขำ “ไม่เอานะฟลิน มุกนี่มันเก่าเเล้ว หยุดอ้างว่าตัวเองเป็นคนสำคัญสักที”

ฟลินเเสร้งทำหน้าไม่เข้าใจ พยายามเดินล่อให้เคิร์ทกับพรรคพวกออกห่างจากเต็นท์ เพื่อเปิดทางให้ทั้งสามคนหนี เเต่เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ เคิร์ทก็วิ่งมายืนขวางหน้าฟลินไว้ก่อนจะยกปืนขึ้นขู่ “ตอนนี้ใครๆ ก็รู้ว่านายน่ะล้มเหลว นายถูกเขี่ยทิ้งเเล้วรู้ตัวไว้ซะ”

เคิร์ทสั่งให้พวกการ์ดที่ยืนอยู่ด้านหลังเข้าไปจับตัวฟลินไว้ ฟลินตกใจพยายามต่อสู้ขัดขืนเเต่ก็สู้เเรงคนที่มีจำนวนมากกว่าไม่ไหว

“รู้อะไรไหมฟลิน หนึ่งหมัดของนายเเลกกับสิบหมัดของพวกฉัน”

ทุกอย่างกลายเป็นภาพเบลอ ฟลินจำอะไรไม่ได้หลังจากเหตุการณ์นั้น เขารู้สึกตัวตื่นขึ้นเเละรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่เเผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย

น่าขายหน้าจริงๆ ฉันถูกเจ้าพวกนั้นซ้อมเหรอเนี่ย

ฟลินยันตัวลุกขึ้นก่อนจะพบว่าตัวเองถูกนำมาทิ้งไว้ที่กองขยะเเห่งหนึ่ง

“นายไม่เป็นไรนะ”

ฟลินเงยหน้ามอง “ว่าเเล้วว่าต้องเป็นนาย”

คาเลบยื่นมือให้ฟลินจับ เเต่เจ้าตัวกลับปัดมือเขาทิ้งก่อนจะพูดเเขวะ “ขอบใจนะที่ยังมีน้ำใจมาดูว่าฉันตายรึยัง ตอนโดนรุมไม่ยักจะโผล่หัวมา” ฟลินยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปาก "ไอ้พวกหมาหมู่ คราวหน้าฉันจะเอาคืนเป็นสิบเท่า!!!"

คาเลบทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรเเต่ก็ไม่พูด เขาอึกอักจนฟลินเริ่มรำคาญ “อะไรของนาย!! สมเพชฉันรึไง”

“ฉันช่วยนายไม่ได้ฟลิน” คาเลบขมวดคิ้ว “นายถูกปลดเเล้ว”

ฟลินยืนงงอยู่ครู่หนึ่ง “อะไรนะ หมายความว่าที่ไอ้บ้าเคิร์ทพูดตอนนั้น....มัน...ฉันไม่เข้าใจคาเลบ”

คาเลบเดินเข้ามาตบหลังของฟลินเป็นเชิงขอโทษ “ฉันพยายามขอโอกาสให้นายเเล้ว เเต่ท่านประธานาธิบดีไม่ให้ เขาว่านายทำภารกิจไม่สำเร็จ ทำให้ท่านเสียเวลา และ...”

“บ้าไปเเล้ว ปลดฉันออกเพราะการทำผิดเเค่ครั้งเดียวงั้นเหรอ” ฟลินเเทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เขาจงรักภักดี ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ เพราะในอดีตฟลินเองก็เคยเป็นทหารคนสนิทของประธานาธิบดีดีโอฟิออนคู่กับคาเลบ เขาไม่เคยขาดตกบกพร่องในหน้าที่ ถึงเเม้ว่าจะออกจากทหารมาเป็นประธานบริษัทเเล้ว เขาก็ยังอำนวยความสะดวก ทำตามคำสั่งทุกอย่างที่ท่านประธานาธิบดีต้องการ

อย่างตอนสร้างรถไฟนรกนั่น ทุนส่วนใหญ่ก็มาจากบริษัทของฟลินทั้งนั้น อะไหล่ เครื่องยนต์ ทุกอย่าง...เขาเป็นคนจัดการทั้งหมด ทั้งๆที่ภายในใจรู้สึกต่อต้านกับโครงการนี้ เเต่เขาก็เลือกที่จะทำตามคำสั่งประธานาธิบดีดีโอฟิออนอย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ

แต่มาวันนี้...เขากลับถูกเขี่ยทิ้งเพียงเพราะว่าไม่สามารถสืบรู้ที่ตั้งของค่ายผู้เหลือรอดได้ นี่บ้ามาก มันยากเกินจะทำใจยอมรับ ฟลินเริ่มรู้สึกว่าถูกหลอกใช้ เขาเกือบเซล้มเเต่คาเลบก็เข้ามาช่วยพยุงเขาไว้ได้ทัน

“เเล้วครอบครัวฉันล่ะ” ฟลินถามคาเลบ

“ฉันสัญญาว่าจะดูเเลครอบครัวนายให้”

ฟลินนิ่งเงียบ เขาเเทบไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเกิดขึ้นจริง โดนปลดเนี่ยนะ พูดเป็นเล่นไปได้ เเต่เเล้วอยู่ๆฟลินก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงเอ่ยถามคาเลบ “พวกนายจับผู้หญิงคนนั้นมาทำไม”

ตอนเเรกฟลินยืนยันในความคิดของตัวเองที่ว่า พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นทหารที่ดี พวกเขาได้รับคำสั่งมาให้ปกป้องผู้คนนอกกำเเพงจนได้รับฉายาใหม่ว่าการ์ด ดูเเลความสงบเเละคอยจัดการพวกวอกเกอร์

เเต่มาตอนนี้…เขาชักไม่มั่นใจเเล้ว “ท่านประธานาธิบดีต้องการทำอะไรกันเเน่”

คาเลบมีท่าทีลังเลเเต่เเล้วเขาก็ตัดสินใจบอกความลับบางอย่างกับฟลิน “วัคซีนมีผลข้างเคียง ทางเราต้องการมนุษย์มาทดลอง” เขาพูดพลางดูปฏิกิริยาของฟลิน ซึ่งก็เป็นไปตามคาด ฟลินยืนช็อกนิ่ง

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นหนึ่งในคนที่เราจับมาเพื่อส่งต่อไปยังห้องวิจัยในเซฟโซน เเต่ไม่รู้ทำไมไอ้พวกเคิร์ทถึงเก็บเธอคนนั้นไว้ คิดว่าคงถูกใจ…”

ฟลินเเทบจะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ตัวทดลอง..มันคืออะไร วัคซีนมีผลข้างเคียงกับมนุษย์งั้นเหรอ เเล้วทำไมไม่มีการประกาศข้อมูลหรือความคืบหน้าอะไรให้รู้บ้าง อีกทั้งอาสาสมัครที่พร้อมใจจะมาทดลองวัคซีนก็น่าจะหาได้ไม่ยาก ทำไมต้องเเอบทำแบบนี้ มันมีเงื่อนงำอะไรกันเเน่ รัฐบาลกำลังปกปิดอะไรอยู่

“ฉันพูดมากกว่านี้ไม่ได้เเล้วล่ะ นายก็รีบไปซะ รักษาชีวิตตัวเองไว้ ไม่ต้องห่วงเรื่องครอบครัว เข้าใจนะ” เมื่อพูดจบคาเลบก็หันหลังเดินจากไป เหลือเพียงเเต่ฟลินที่ได้เเต่ยืนนิ่ง สับสนกับเรื่องราวที่ได้ยิน เขาทั้งมึนงงเเละไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงไม่รู้อะไรเลย ทั้งเรื่องเเผนทำลายค่าย การลักพาตัว อาวุธหรือวัคซีน เขารู้สึกเหมือนเป็นคนนอก มีหน้าที่เเค่สืบข่าวเท่านั้น

เเล้วต่อจากนี้...ฉันควรทำยังไงดี

ฟลินค่อยๆ พยุงร่างที่บาดเจ็บของตัวเองเดินเข้าไปตามซอยเเห่งหนึ่งที่คุ้นเคย ตลอดทางชายหนุ่มพยายามคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ประเดประดังเข้ามา

วอกเกอร์ถล่มเมือง

เขากลับเข้าเซฟโซนไม่ทัน

ทางรัฐบาลยื่นข้อเสนอให้เขาสืบเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นภายนอกกำแพง เเลกกับการปกป้องครอบครัวเเละให้เขามีโอกาสกลับเข้าไปในเซฟโซนอีกครั้ง

งานชิ้นใหญ่ที่สุดคือการสืบเรื่องค่ายผู้เหลือรอดที่เพิ่งจะถูกก่อตั้งขึ้นอย่างลับๆ เพื่อโจมตีรัฐบาล

เพื่อนรักสองคนของเขามีส่วนรู้เห็นในค่ายนี้

เขาทำงานไม่สำเร็จ

ประธานาธิบดีดีโอฟิออนไล่เขาออก

จุดประสงค์เเท้จริงของรัฐบาลคือทำลายค่ายเเละฆ่าผู้มีส่วนร่วมทุกคน

ผู้คนบางส่วนถูกจับไปทดลองอะไรบางอย่าง

วัคซีนเป็นเรื่องหลอกลวง

ฟลินยืนหยุดอยู่หน้าร้านขายยาเเห่งหนึ่ง เขาร้องขอความช่วยเหลือเเละเคาะประตูอยู่นานจนเจ้าของร้านยอมเปิดให้เขาเข้าไป ฟลินนั่งลงที่เก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์อย่างเหนื่อยหอบก่อนที่ชายแก่สวมชุดกาวน์สีขาวจะเข้ามาดูอาการ

“ขอบคุณที่เปิดประตูให้ผมนะครับ” ฟลินกล่าว

“ตอนเเรกก็ไม่กล้าเปิดหรอก กลัวจะเป็นวอกเกอร์” ชายแก่เดินไปหยิบกล่องพยาบาลมาทำเเผลให้ฟลิน “ว่าเเต่คุณไปทำอะไรอยู่ข้างนอกเเบบนั้นล่ะ มืดค่ำมันอันตรายเเถมมีเลือดออกอีก”

ฟลินนั่งเงียบไม่ตอบอะไร ชายแก่จึงเปลี่ยนเรื่องคุย “รู้อะไรไหม เห็นคุณเเล้วทำให้ฉันนึกถึงตัวเองตอนหนุ่มๆ ตอนนั้น...” ชายแก่นั่งเล่าเรื่องของตนเองในอดีตให้ฟลินฟังในขณะที่ทำเเผลให้เขาไปด้วย

เป็นเวลานานหลายสิบนาทีที่ฟลินต้องนั่งฟังอัตชีวประวัติอันยาวเหยียดของชายแก่ เขาเริ่มหาวพลางคิด...ทำไมคนแก่คนนี้พูดมากจัง ไม่เหนื่อยบ้างรีไงนะ เเต่เเล้วฟลินก็สังเกตเห็นบางอย่างเมื่อชายแก่ถลกเเขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นรอยเเผลขนาดใหญ่ตรงแขนขวา

นี่มัน...รอยโดนกัด?!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel