บท
ตั้งค่า

CHAPTER4 เซฟโซน

อดีต…กำเเพงถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันการรุกรานจากเมืองที่ต้องการเเสวงหาอาณานิคมใหม่ๆ ปกป้องพวกคนสำคัญต่างๆ ทั้งเหล่าราชวงศ์ ขุนนาง บุคคลสำคัญ ผู้มีชื่อเสียง ผู้มีทรัพย์สิน เมื่อเวลาผ่านไปกำเเพงกลายเป็นสัญญาลักษณ์ของการเเบ่งชนชั้นระหว่างคนมีเงินกับคนใช้แรงงาน ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำเเละสร้างความเกลียดชังให้กับคนสองกลุ่ม

หลายครั้งผู้คนรวมตัวเพื่อขอให้ทางรัฐบาลทุบกำเเพงนั่นทิ้ง เเต่ด้วยเหตุผลบางอย่างจึงไม่สามารถทำได้ พวกเขาทำได้เพียงเปิดประตูเหล็กไว้เพื่อใช้สำหรับการสัญจรเข้าออกเท่านั้น ทำอย่างกับหนังสมัยก่อนที่ต้องมีด่านตรวจคนเข้าเมือง น่าขันสิ้นดี

เเต่เมื่อหลายเดือนก่อน หลังจากมีฝูงวอกเกอร์บุกเมือง ประตูเหล็กก็ถูกปิดลงอีกครั้ง ผู้คนข้างนอกไม่อนุญาตให้เข้าไป ผู้คนข้างในก็ไม่อนุญาตให้ออกมาเช่นกัน ทุกคนต่างเรียกสถานที่ภายในนั้นว่า เซฟโซน ปลอดภัยจากเหล่าวอกเกอร์เเละมีอาหารให้กินอย่างอิ่มหนำสำราญ มีที่นอนเเละการคุ้มกันอย่างเเน่นหนา ต่างจากพวกคนนอกกำเเพง ที่ต้องประทังชีวิตอยู่ด้วยการรออาหารเเจกฟรีจากรัฐบาลเท่านั้น

เซฟโซนเป็นความหวัง เป็นจุดหมายของใครหลายคน เเต่ดูเหมือนว่ามันจะไกลเกินฝัน ผู้คนเริ่มหมดศรัทธา พยายามมองหาทางรอดอื่น จนกระทั่งข่าวลือเรื่องค่ายผู้เหลือรอดเเพร่ออกมา นั่นล่ะคือความหวังใหม่ เเต่กับผู้คนในเซฟโซน มันคือการทำลายล้าง ทำลายระบบที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน พวกเขาจะยอมให้มันเกิดขึ้นไม่ได้

ฟลินนั่งเหม่อมองท้องฟ้าอยู่นอกเฉลียงบ้าน ท้องฟ้าคืนนี้มืดมิดเเต่ก็ยังคงมีดาวบางดวงส่องเเสงอยู่ประปราย เมดิลีนนั่งลงข้างเขาเงียบๆ เธอไม่รู้ว่าฟลินคิดยังไงกับเรื่องค่าย เเต่สำหรับเธอ ใช่ มันคือทางรอด เป็นเซฟโซนหนึ่งเดียวของเธอ “ฟลิน....พวกเราไม่มีทางเลือกจริงๆ นะ”

เมดิลีนสูดหายใจลึก “นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของพวกเรา พวกเราไม่อยากทะเลาะหรือเป็นศัตรูด้วยเลย เเละก็ไม่อยากทิ้งนายไว้ข้างหลัง เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นไปได้นาย...”

“ไม่!!” ฟลินพูดขัดขึ้น “ฉันจะไม่ร่วมกับพวกเธอเเน่ เรื่องมันจะเเย่ยิ่งกว่าเดิม ที่เราควรทำคือรอ ตอนนี้เรากำจัดพวกวอกเกอร์ไปได้หลายพัน วัคซีนป้องกันก็ใกล้จะสำเร็จเเล้วด้วย อีกอย่าง...เมืองในอุดมคติของพวกเธอมันก็เเค่เป็นภาพลวงตา มันมีจริงซะที่ไหน ตื่นเถอะ”

“นายสิต้องตื่น!!” เมดิลีนลุกขึ้นยืน “มองรอบๆ สิฟลิน นี่เหรอสิ่งที่พวกเราต้องการ ต้องรออีกนานเเค่ไหน วันนี้มิเกลเกือบตายนะ พวกเราหลายคนสูญเสียไปเท่าไร เลิกหลอกตัวเองเถอะ ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะสู้ได้ถึงวันไหน ถ้าเกิดว่า...ฉันต้องเสียใครคนใดคนหนึ่งไปอีก ฉันจะทำยังไง”

เมดิลีนนึกย้อนไปถึงวันที่ฝูงวอกเกอร์บุกเมือง เธอเป็นหนึ่งในคนที่ไปยืนต้อนรับผู้คนจากเมืองเซนที่ชานชาลา เเม่ของเธอยืนอยู่ข้างๆ พร่ำบอกเธอว่านี่คืออนาคตใหม่ ชีวิตของเธอเเม่ลูกจะต้องดีขึ้นเเน่นอน จะมีบ้านที่ใหญ่ขึ้น มีเสื้อาสวยๆ เมดิลีนเองก็จะได้มีร้านขนมตามที่เธอฝัน เเต่เเล้วสิ่งที่เกิดขึ้นมันกลับทำลายทุกอย่างที่เธอวาดฝันไว้ เสียงกรีดร้องของผู้คนยังคงดังก้องอยู่ในหัวเธอ ผู้คนวิ่งหนีเอาตัวรอด

เเม่ของเธอถูกชนจนล้มกลิ้งก่อนจะถูกฝูงวอกเกอร์รุมขย้ำ หญิงชราผู้น่าสงสารส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดเเละขาดใจตายในที่สุด เมดิลีนยืนอยู่ตรงนั้นเเต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือเเม่ของเธอได้เลย เธอโทษตัวเองมาตลอด มันกลายเป็นบาดเเผลที่กรีดลึกลงไปในใจของหญิงสาวที่ไม่อาจรักษาให้หายได้

“นายยังมีครอบครัว มีคนให้กลับไปหา เเต่ฉัน...ไม่มีใครเหลือเเล้วนะฟลิน” เมดิลีนพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือก่อนจะเดินเข้าบ้านไป

ตลอดทั้งคืนฟลินเอาเเต่นั่งครุ่นคิด หาเหตุผลร้อยเเปดมาสนับสนุนความคิดของเขา การที่เขาต้องออกมาอยู่นอกกำเเพงเป็นความผิดพลาด เเต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงเป็นคนพิเศษของเบื้องบน ทำงานเป็นสายลับคอยเเจ้งข่าวสารต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ทางรัฐบาลได้รับรู้เพื่อที่จะได้วางเเผนรับมือ

เขาเป็นคนโปรดเเละได้สิทธิ์พิเศษ อาทิ ครอบครัวของเขาที่อยู่ในเซฟโซนจะถูกคุ้มครองดูเเลอย่างดี เป็นต้น

ฟลินหยิบล็อกเกตที่คอออกมาเปิดดู ในนั้นมีรูปเขากับครอบครัวอยู่ ภรรยาเเสนสวยเเละลูกทั้งสองที่อยู่ในวัยน่ารัก บรูฟกับเบนนี่ ฟลินไม่สนิทกับลูกๆ มากนัก เพราะเขาต้องทุ่มเททุกนาทีที่มีให้กับงาน เขากลัวความจน กลัวความล้มเหลว ทำให้เขาหลงลืมบางอย่างที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป

บรูฟเป็นเด็กซุกซน เด็กชายวัยสิบสี่ที่ชอบเล่นฟุตบอลกับว่ายน้ำเป็นชีวิตจิตใจ เขาเคยลงเเข่งในนามตัวเเทนโรงเรียนจนคว้าชัยชนะมาเเล้ว

บรูฟเป็นเด็กฉลาด หัวดี รักความถูกต้องเเละพูดจาขวานผ่าซากเป็นที่สุด หลายครั้งเขาก็มักชอบพูดอะไรที่ทำให้ฟลินชะงักอยู่บ่อยครั้ง เช่น ผู้ชายทุกคนสามารถเป็นพ่อได้เเต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำหน้าที่พ่อที่ดีได้

ตรงข้ามกับเบนนี่ น้องสาวของบรูฟที่เพิ่งจะอายุเเปดขวบ เป็นเด็กสาวเรียบร้อยน่ารัก ว่านอนสอนง่าย รักบัลเล่ต์เเละฝันอยากจะเป็นนักเปียโนชื่อดัง เบนนี่จะชอบเข้ามาอ้อนบอกรักฟลินเสมอ ไม่เคยงอเเงหรือร้องขอของเล่นไร้สาระ ที่เธอจะทำก็มีเเค่ รักเบนนี่มากๆ นะ กับ กอดเบนนี่บ่อยๆ หน่อยสิ อันที่จริงเธอก็คงเหมือนกับเเม่ของเธอ

มาริน่า...ครั้งเเรกที่ฟลินได้พบเธอ มันเป็นคืนที่วุ่นวายมาก เขาวิ่งวุ่นจัดการทุกอย่างในงานเลี้ยง ตั้งเเต่ดูเเลความปลอดภัยไปจนถึงเเต่งหน้าเค้ก เพื่อให้เเน่ใจว่าทุกอย่างจะออกมาเรียบร้อย เเต่เเล้วเขาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ หญิงสาวในชุดราตรีสีขาว จ้องมองมาที่ฟลินด้วยดวงตากลมโตสีฟ้า ผมสีบลอนด์ของเธอถูกรวบเป็นช่อประดับด้วยดอกไม้หลากสี ปากสีชมพูดูจิ้มลิ้มกำลังขยับไปมา

“ต่างหูของฉัน มันหายไป ช่วยฉันหาหน่อยได้ไหม”

ความประทับใจเเรกคือการถูกขอร้องให้มาหาต่างหูเนี่ยนะ เเต่ก็เอาเถอะ เพราะหลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นจนในที่สุดก็ได้เเต่งงาน มันเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตของฟลินเลยก็ว่าได้ เพราะมาริน่าเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของประธานบริษัทส่งออกรถยนต์ในเมืองเมอเรดิธ ฟลินจึงไม่ต่างอะไรเลยกับหนูตกถังข้าวสาร กลายเป็นเศรษฐีหนุ่มในชั่วข้ามคืน

“รอผมก่อนนะ...ผมให้สัญญา ผมจะต้องทำงานนี้ให้สำเร็จ”

เช้าวันต่อมาฟลินก็ได้บอกลาพวกเฟสเตอร์เพื่อที่จะเดินทางกลับเข้าตัวเมือง “ขอบใจสำหรับที่นอนเเละซุปเเสนอร่อยนะ”

“พี่น่าจะอยู่กับพวกเราต่อนะครับ ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กินเลยด้วย” มิเกลกล่าวเสียงเศร้า

“ขอบใจเเต่ไม่เป็นไรดีกว่า” ฟลินหยิบเสื้อโค้ทตัวเก่งขึ้นมาสวมก่อนจะเดินไปหาเฟสเตอร์ “ฉันไปนะเพื่อน”

“จะรีบไปรายงานข่าวสินะ”

ฟลินกลอกตา เซ็งกับเพื่อนที่รู้ทันเขาไปซะหมด

เฟสเตอร์พยายามกลั้นขำ “ดูทำหน้าเข้า ไม่ต้องคิดมากหรอก ถึงเราจะอยู่คนละฝั่ง เเต่ฉันก็ยังเป็นเพื่อนนายเสมอนะ” เฟสเตอร์เดินเข้ามากอดฟลิน ตบหลังเขาเป็นเชิงให้กำลังใจ

เมดิลีนเองก็เดินมาจับมือฟลินเช่นกัน “โชคดีนะ” เธอกล่าว เพราะไม่เเน่ว่าครั้งนี้ ถ้าฟลินเอาข่าวไปรายงานเบื้องบนได้สำเร็จ เขาอาจจะได้กลับบ้าน ได้เข้าเซฟโซน ซึ่งนั่นก็หมายความว่า พวกเขาอาจจะไม่ได้พบกันอีกเเล้ว

ฟลินพยักหน้ารับก่อนจะหันหลังเดินออกมา เเต่เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ เขาก็หันกลับมาตะโกนเสียงดัง “พวกนายเชื่อใจฉันได้ ฉันไม่มีวันทำร้ายพวกนายเเน่นอน!!”

ฟลินใช้เวลาไม่นานก็เดินมาถึงตัวเมือง เขาสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้น ผู้คนหายไปไหนกันหมด เเต่เเล้วก็มีเสียงปืนดังขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่มีกลุ่มชายฉกรรจ์วิ่งผ่านหน้าเขาไป ฟลินจึงวิ่งตามจนมาถึงลานกว้างที่พวกการ์ดใช้ตั้งเต็นท์เพื่อเเจกจ่ายอาหารให้ผู้คน

ตรงนั้นมีหญิงชราคนหนึ่งนอนอยู่ที่พื้น เธอมีเลือดออกที่หัวเเละเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยเเผลถลอก ข้างๆ เธอนั่นมีหญิงสาวนั่งคุกเข่าอยู่ด้วย หญิงสาวคนนั้นพยายามร้องขอให้พวกการ์ดอย่าทำร้ายพวกเธอ เเต่การ์ดหน้าตาถมึงทึงก็กระชากเธอให้ลุกขึ้นพร้อมกับตวาดเสียงดัง

“พวกขโมย!! กล้าเข้ามาขโมยของถึงในนี้ คิดว่าจะรอดหรือไง”

“พวกเราเปล่านะ พวกเราเเค่มาตามหาคน” หญิงสาวพูดแก้ตัว “เป็นลูกสาวของคุณยาย เธอผมยาวสีน้ำตาลสวมชุดสีขาวกางเกงน้ำเงิน มีคนบอกเห็นเธอถูกพาเข้ามาในนี้”

การ์ดคนนั้นหันไปมองหน้าเพื่อนอีกสองคน “เพ้อเจ้อ!!”

“ไม่ได้เพ้อเจ้อนะ ลูกสาวฉัน คืนลูกสาวให้ฉันเถอะนะ” หญิงชราค่อยๆ ดันตัวเองให้ลุกขึ้น เธอเดินโซเซตรงไปหาพวกการ์ดก่อนจะร้องขออีกครั้ง “ได้โปรด”

เเต่คนพวกนั้นกลับยิ้มเยาะเเละถีบหญิงชราจนล้มกลิ้ง “พวกขโมย โทษคือตาย จับมันขึ้นมา ฉันจะเเขวนคอยายเฒ่านี่!!!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel