บท
ตั้งค่า

CHAPTER3 ทางรอด

ลูกธนูปริศนาพุ่งตรงเสียบเข้ากลางกะโหลกของวอกเกอร์ ตามมาด้วยตัวที่สองเเละสาม พวกมันล้มลงเเน่นิ่งทันที ก่อนจะมีเสียงตะโกนของหญิงสาวดังขึ้น “พวกนายเล่นอะไรกันอยู่ อยากตายหรือไง”

เมดิลีน เทเลอร์ หญิงสาวในอุดมคติของฟลิน เธอสวมชุดสีดำรัดรูปดูมีเสน่ห์ ผมหยักศกสีเเดงซอยสั้น นัยน์ตาสีเขียวมรกตของเธอดุดันเเละเต็มไปด้วยพลังของนักสู้ หากคุณยังคิดภาพของเธอคนนี้ไม่ออก ก็อยากจะให้นึกถึงภาพของนาตาชา โรมานอฟ นั่นแหละคือนิยามของผู้หญิงคนนี้ จะต่างกันตรงที่เมดิลีนอาจจะดูขี้เล่นกว่าเท่านั้น

“รู้อะไรไหม ถ้าผมเจอคุณก่อนเฟส ผมคงจีบคุณไปเเล้ว”

“เเล้วรู้อะไรไหม ว่าต่อให้เจอคุณเร็วเเค่ไหน คุณก็ไม่ใช่สเปคฉัน” เมดิลีนเดินตรงเข้ามาหาเฟสเตอร์ จุ๊บเขาที่แก้มหนึ่งทีก่อนจะยื่นหน้าไม้ให้ “ฉันว่ามันยังฝืดไปหน่อยนะ คุณน่าจะแก้ตรงนอตนี้”

“นายทำหน้าไม้เหรอเฟส!!” ฟลินเลิกคิ้วถาม “ถามจริง! นายมีงานอดิเรกเเบบนี้เหรอ สวนผักเเค่บังหน้างั้นเหรอ”

เฟสเตอร์ทำท่าจะตอบเเต่ฟลินก็พูดแทรกไม่หยุด “โอเค นายมีความลับกับฉันอีกเเล้ว มีเรื่องอะไรที่ฉันยังไม่รู้อีกล่ะ หรือความจริงนายมีฐานทัพซ่อนอยู่ใต้หลังคาบ้านของนายด้วย”

“มันชักจะบ้าไปกันใหญ่เเล้วนะฟลิน” ถึงปกติฟลินจะทำตัวไร้เหตุผลเเค่ไหนเเต่เขาก็ไม่เคยใส่อารมณ์ขนาดนี้ ไม่รู้ว่าไม่ได้กินยามาหรือขาดยากันเเน่ เจ้าตัวถึงได้ใส่อารมณ์เป็นหมาบ้าเเบบนี้ “นายตั้งสติหน่อยได้ไหม”

เมดิลีนมองพวกเขาสองคนสลับไปมา “นี่พวกนายทะเลาะกันอยู่เหรอ”

“เปล่า เปล่าเลย ฉันไม่กล้าทะเลาะกับคนทำหน้าไม้หรอก” ฟลินกระเเทกเสียง

“ฟลิน!! มันก็เเค่หน้าไม้เอง มันก็เหมือนกับที่นายชอบประกอบรถยนต์นั่นแหละ มันไม่มีอะไร”

“อ๋อเหรอ ถ้าครั้งนี้นายทำหน้าไม้ได้ ครั้งหน้าก็คง...ไม่รู้สิ ปืนกลหรือระเบิดนิวเคลียร์ล่ะมั้ง”

ทั้งคู่โต้เถียงกันไปมาจนมิเกลที่นั่งหายใจหอบอยู่ที่พื้นเริ่มทนไม่ไหว เขาไม่ชอบเห็นคนทะเลาะกัน โดยเฉพาะกับคนที่เขารักทั้งสองฝ่าย

ในอดีตมิเกลเคยเป็นเด็กบ้านเเตกมาก่อน พ่ออยากเอาเขาไปเลี้ยงเเต่เเม่กลับกีดกันทุกวิถีทาง ใช้มิเกลเพื่อต่อรองในเรื่องเงินทองเเละทุกอย่างที่เเม่อยากได้ สุดท้ายพ่อก็เหลืออด ไม่อาจทนเเม่ได้อีก เขาหายไปหลังจากนั้น เเละไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย มิเกลทั้งเคว้งคว้างเเละโดดเดี่ยว จนกระทั่งมาเจอฟลิน เฟสเตอร์เเละเมดิลีน มันเหมือนกับว่าเขาได้ครอบครัวกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เเละเขาสาบานว่าจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาครอบครัวนี้ไว้ เเม้จะต้องเเลกด้วยชีวิตก็ตาม

“ขอโทษนะครับ คือเมื่อกี้ผมเกือบตาย เเล้ว...พวกคุณจะมายืนเถียงกันเรื่องหน้าไม้เเค่นี้เหรอครับ” มิเกลผายมือออก “มันคือหน้าไม้ ส่วนผมมิเกลนะครับ ผมมิเกล ถ้าพวกคุณจำได้”

ฟลินกับเฟสเตอร์มองหน้ากันครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจเเละเดินเข้ามาตบหลังมิเกล “ขอโทษที่ลืมนายนะ” เฟสเตอร์พูดอย่างอ่อนโยน ตลอดหลายเดือนที่อยู่ด้วยกันมา มิเกลเปรียบเสมือนน้อง เปรียบเสมือนลูกชายคนหนึ่งของเขา ในทุกๆ คืนที่ข่มตาหลับ เขาเเทบจะไม่อยากตื่นขึ้นมาเจอกับโลกที่โหดร้ายเเบบนี้อีกเเล้ว เเต่เพราะเมดิลีนกับมิเกล ทำให้เขายังอยากตื่นขึ้นมาในทุกๆ เช้า เพื่อพวกเขาทั้งสองคนเเล้ว ต่อให้ต้องเจออะไรเเย่กว่านี้เขาคนนี้ก็ทนได้

“เอาล่ะ ฉันว่าทุกคนเข้าบ้านก่อนดีกว่านะ วันนี้ฉันล่ากระต่ายมาได้ด้วย จะทำซุปให้กิน” เมดิลีนพูดพร้อมกับยกถุงหนังใบหนึ่งขึ้นมา ทำให้มิเกลที่ยืนอยู่น้ำตาคลอ “กระต่าย...มันน่าสงสารนะครับป้าเม”

ฟลินถึงกลับเอามือกุมขมับ “ฉันว่าตอนนี้นายน่าสงสารกว่ามันอีกนะ ดูสิ ผอมเเห้งเรี่ยวเเรงก็ไม่มี”

เฟสเตอร์พยักหน้าเห็นด้วย “ไม่ต้องห่วงนะมิเกล เดี๋ยวฉันจะสวดมนต์ให้มันเอง”

ฟลินหัวเราะในลำคอ นอกจากจะชอบการเกษตรเเล้ว หมอนี่ยังเป็นคนโอบอ้อมอารีอีกตั้งหาก บางวันยังเคยถูกเชิญให้ไปเทศนาที่โบสถ์อยู่บ่อยๆ เป็นขวัญใจของเด็กๆ เเละคนชรามากมาย ไม่เเปลกใจที่จะกุมหัวใจของเมดิลีนได้ ผู้หญิงทุกคนก็คงอยากอยู่ใกล้คนที่มีจิตใจดี อบอุ่นเเละปกป้องพวกเธอได้ทั้งนั้นแหละ

“อะไรเนี่ย นี่มันอร่อยสุดๆ ไปเลยนี่ครับ” มิเกลตักซุปคำโตเข้าปากจนหมด “ขออีกชามครับ”

“เมื่อกี้ยังน้ำตาคลออยู่เเท้ๆ” ฟลินบ่นอุบอิบ เเต่มันก็อร่อยจริงๆ นั่นแหละ มันทั้งนุ่มเเละก็ลื่นคอเอามากๆ คงจะดีหากได้กินเเบบนี้ทุกมื้อ เเต่ก็คงจะเป็นเรื่องยาก เพราะการลักลอบเข้าไปล่าสัตว์ในเขตหวงห้ามมีโทษร้ายแรง มันเป็นสถานที่ของทางรัฐบาลที่กันเอาไว้ไม่ให้ใครบุกรุกเข้าไป เป็นป่าขนาดย่อมที่อยู่ของสัตว์หายาก โดยรอบมีการ์ดรักษาความปลอดภัยเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีลวดหนามไฟฟ้าวางไว้ตลอดเเนว ฟลินเองก็เเปลกใจไม่น้อยที่เมดิลีนสามารถเข้าไปในบริเวณนั้นได้

“เป็นไงบ้างฟลิน รสชาติพอใช้ได้ไหม” เมดิลีนถาม

“พอใช้เหรอ นี่มันอร่อยเลยต่างหาก”

เมดิลีนหัวเราะภูมิใจ “นอกจากฉันจะมีฝีมือในการต่อสู้เเล้ว ฝีมือทำครัวก็ไม่เป็นสองรองใครด้วยนะ” เธอขยับเข้าไปเฟสเตอร์ “ถ้าเเต่งงานออกไป ผู้ชายคนนั้นต้องโชคดีเเน่ๆ เลยเนอะ”

เฟสเตอร์อมยิ้ม จะผู้หญิงสักกี่คนที่จะทำให้เขายิ้มได้เเบบนี้ บนโลกนี้คงมีเเค่เธอคนนี้เท่านั้น “เเล้วเธออยากจะเเต่งกับฉันไหมล่ะ”

เมดิลีนยิ้มกว้างโผเข้ากอดชายที่รัก หอมซ้ายหอมขวาจนฟลินที่นั่งกินซุปอยู่ถึงกับสำลักในความหวานไม่จืดจางของทั้งคู่ “ถ้าเป็นปกตินี่คงมีลูกหัวปีท้ายปีเลยมั้ง” ฟลินพูดเเขวะ

“ก็เสียดายอยู่เหมือนกัน” เมดิลีนกลับมานั่งที่เดิม เธอยกชามะลิขึ้นดื่มเพื่อให้คลายเครียด การมีลูกคือสิ่งที่เธอใฝ่ฝันมาตลอด มีความรักที่สวยงามกับชายที่ดีสักคน ใช้ชีวิตเรียบง่าย มีลูกน่ารักๆ สักสองสามคน ในวันหยุดอาจจะก่อไฟปิ้งบาร์บีคิวหรือนอนดูดาวกัน ได้สอนหนังสือลูกๆ ได้เห็นโมเมนต์น่ารักๆ ของคุณพ่อ ได้ดุพวกเขาตอนเล่นซนจนกระจกบ้านแตก อยากสร้างครอบครัวที่อบอุ่นเพื่อเติมชีวิตที่ว่างเปล่าของเธอ

“ว่าเเต่ พวกนายสองคน ก่อนหน้านี้ทะเลาะอะไรกัน” อยู่ๆ เมดิลีนก็ถามขึ้น ตาจ้องเขม็งไปที่ชายทั้งสองจนพวกเขาเริ่มเหงื่อเเตก

“ไม่มีอะไร ก็เเค่เรื่อง...” เฟสเตอร์พยายามตอบด้วยน้ำเสียงอึกอัก ฟลินจึงรีบพูด “เรื่องผู้ชายๆ น่ะ หน้าไม้ ปืน เเปลงเเครอท”

ยิ่งแก้ตัวยิ่งไปกันใหญ่ พวกเขาทั้งคู่โกหกไม่เก่งเอาซะเลย เรียกว่าล้มเหลวเลยก็ว่าได้ “พวกนายกำลังปิดบังอะไรฉันใช่ไหม” เมดิลีนพยายามถามครั้งสุดท้าย เเต่พวกเขาทั้งคู่ก็บอกปฏิเสธ เธอจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่มิเกล ที่ซึ่งตอนนี้กำลังง่วนอยู่กับการกวาดซุปก้นหม้อเข้าปาก

“มิเกลใส่ปุ๋ยอยู่เเปลงผักข้างนอก เขาไม่รู้หรอก” ฟลินพูดไปขำไป เเต่เฟสเตอร์ก็สะกิดให้เขาเงียบไว้

มิเกลเงยหน้าขึ้นมาจากหม้อซุป ขยับเเว่นตาสองสามทีเเละเริ่มคิด “ผมว่าน่าจะเป็นเรื่องข่าวลือนั่นใช่ไหมครับ ค่ายผู้เหลือรอด” เมื่อพูดจบเจ้าตัวก็ก้มลงกินซุปต่อ ปล่อยให้ฟลินนั่งอ้าปากค้าง ตะลึงในความ...จะว่าฉลาดก็คงงั้นมั้ง เจ้าเด็กนี่รู้ได้ยังไงนะ หรือจะยืนเเอบฟังอยู่ข้างนอก?

“นายประมาทมิเกลเกินไป เขาฉลาดมากนะจะบอกให้” เฟสเตอร์บอกเสียงเรียบพลางหันไปยิ้มให้กับเมดิลีนที่ยืนเท้าสะเอวอยู่

ในตอนนั้นฟลินคิดว่าคงต้องโดนเมดิลีนเทศนายาวเเน่ๆ จะบ้าเหรอ มันก็เเค่ข่าวลือ ยังไม่รู้เลยว่าจริงไหม หรือ พวกนายทะเลาะกันเพราะข่าวลือเนี่ยนะ โง่มาก อะไรประมาณนี้เเน่ เเต่เเล้วมันกลับมีเเค่ความเงียบ เมดิลีนไม่พูดอะไรต่อ ทำได้เเค่นั่งลงข้างเฟสเตอร์

การกระทำของหญิงสาวทำให้ฟลินเริ่มฉุกคิดเเล้วว่าพวกเขาทั้งคู่ต้องมีส่วนรู้เห็นในค่ายนี้เเน่ๆ “พวกนายสองคน รู้อะไรมาใช่ไหม” ฟลินไม่ชอบการที่จะต้องมานั่งเค้นถามความลับจากใคร โดยเฉพาะจากคนที่เขารู้จัก อีกทั้งเขาเองก็ไม่ใช่ตำรวจเเละเฟสเตอร์กับเมดิลีนก็ไม่ใช่ผู้ต้องหา เเต่เขาก็ไม่มีทางเลือกมากนัก ถ้าอยากกลับเข้าไปในกำเเพงอีกครั้ง เขาต้องทำภารกิจให้สำเร็จ ต้องล้วงข้อมูลให้ได้มากที่สุด

“หรือพวกนาย...คิดว่านั่นเป็นทางรอดของพวกนายจริงๆ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel