บทที่ 8 เรื่องที่ไม่ค่อยดี
ผัวะ!
"เจ้าชายวาเรียส! นี่ไม่ใช่เวลาที่ท่านควรจะหลับนะขอรับ! ตื่นขึ้นมาอ่านตำรากฎหมายเดี๋ยวนี้!"
"ฟาดหัวข้าอีกแล้วเหรอ" เจ้าชายปีศาจที่หลับคาหนังสือค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา หลังจากถูกอาจารย์เอาปึกเอกสารตีหัว ที่คนสอนกล้าทำแบบนี้เพราะเป็นคำสั่งของจ้าวปีศาจ ลูกชายจอมขี้เกียจก็เป็นซะแบบนี้ ถ้าไม่ลงไม้ลงมือบ้างก็ไม่สำนึก ทว่าฟาดหัวกี่ทีก็ยังหลับได้อีก
"เจ้าชาย อนาคตท่านคือจ้าวปีศาจลำดับที่เจ็ดนะขอรับ ท่านจะมาขี้เกียจอย่างนี้ไม่ได้ การเป็นเสาหลักของดินแดนไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ นะขอรับ" บอกตามตรงว่าชายชราปวดหัวกับลูกศิษย์คนนี้นัก นอกจากจะขี้เกียจแล้วยังไม่สนใจการเรียนเลยแม้แต่นิดเดียว
"ไปบอกพ่อข้าสิอาจารย์ ข้าไม่อยากเป็นจ้าวปีศาจ ญาติ ๆ คนอื่นก็มีทำไมไม่เอามาล่ะ"
"ถ้าบัลลังก์ไม่เลือก ต่อให้เป็นจ้าวปีศาจไปก็ทำหน้าที่ได้ไม่เต็มร้อยหรอก" คราวนี้มีอีกเสียงดังมาก่อนที่ประตูจะเปิดออก อาจารย์ผู้สอนหนังสือรีบหลีกทางให้จ้าวปีศาจลำดับที่หกเดินเข้ามาในห้องเรียนทันที วาเรียสทำหน้าเบื่อหน่ายจากนั้นก็ลุกขึ้นมาค้อมศีรษะเล็กน้อยแล้วค่อยนั่งลงตามเดิม
"อะไรอีกล่ะพ่อ"
"ไม่ต้องพูดมาก ตอนไหนจะคิดได้สักที แดนมืดขาดจ้าวปีศาจไม่ได้เจ้าก็รู้ เจ้าเกิดมาและมีหน้าที่ที่ต้องทำ ทำไมเจ้าไม่คิดถึงเรื่องนี้บ้าง วัน ๆ เอาแต่ขี้เกียจสันหลังยาว ส่งไปเรียนสามปีกลับมาก็ไม่ดีขึ้นสักนิด ทำไมแดนมืดถึงเลือกเจ้านะ พ่อไม่เข้าใจจริง ๆ เลย" ถึงลูกชายจะเคยลุยเละกับเจ้าชายทั้งห้าของแดนเทวาและแดนมนุษย์แต่มันก็แค่เด็กตีกัน ถ้าไปสู้กับศัตรูที่ร้ายกาจกว่านั้น วาเรียสจะสู้เพื่อปกป้องแดนมืดได้ยังไง
ครืด!
เจ้าชายปีศาจเลื่อนเก้าอี้ถอยหลังแล้วลุกขึ้นก่อนจะเดินมายืนตรงหน้าคาเรียส ดวงตาสีแดงคู่นั้นจ้องเขม็งอย่างที่ชายหนุ่มไม่เคยเห็นมาก่อน ทว่าอาจารย์ผู้สอนวิชากฎหมายไม่ได้สังเกตเห็นแต่คิดว่าการที่เจ้าชายทำแบบนี้มันเสียมารยาทแต่ไม่รู้จะห้ามยังไงดี
"สักวันท่านจะรู้ว่าข้าทำแบบนี้ทำไม"
"อะไรนะ?" วาเรียสไม่คิดจะอธิบายอะไรทั้งนั้นนอกจากเดินหนี คาเรียสมองตามหลังอย่างสงสัยก่อนจะหันมามองหน้าอาจารย์ที่สอนวิชากฎหมาย แน่นอนว่าชายชราก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน
สายตาแปลก ๆ ของผู้คนในร้านเหล้ากลางตลาดมืดที่ไม่มีกฎห้ามคนอายุต่ำกว่าสิบแปดปีเข้ามาใช้บริการ ทำให้เด็กหนุ่มวัยสิบห้าปรายตามองก่อนที่ทุกคนจะหันกลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จริงอยู่ที่ว่าที่นี่ไม่มีกฎนั้นแต่คนส่วนใหญ่ที่มาร้านเหล้าก็อายุสิบแปดปีขึ้นไปกันหมด ทว่าเขาอายุแค่สิบห้าแต่กลับมานั่งกระดกเหล้าหน้าตาเฉยแถมมาคนเดียวอีกต่างหาก มันก็เลยดูแปลก ๆ
"เจ้าชาย มาอีกแล้วนะคะ" เจ้าของเสียงหวานเป็นสาวที่มีรูปร่างหน้าตางดงามกว่าคนทั่วไป เธอมีผมสีทองยาวสยาย มีดวงตาสีเขียวอ่อนเหมือนอัญมณี ยิ่งสวมเสื้อผ้าที่บางและเปิดเนื้อเปิดหนังก็ทำให้หนุ่ม ๆ ที่นั่งอยู่โต๊ะอื่นน้ำลายหกกันเป็นแถว
"วีนัส" เด็กหนุ่มเรียกชื่ออีกฝ่าย ร่างบางยิ้มหวานก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาใกล้ ๆ
"ขอนั่งด้วยนะคะ"
"เชิญ"
"ขอบคุณค่ะ" สาวน้อยแสนงามนั่งลงข้าง ๆ วาเรียสจากนั้นก็เขยิบมาเบียดพร้อมยิ้มโปรยเสน่ห์ "ข้าดีใจที่ท่านมา แต่อยู่คุยด้วยได้ไม่นานนะคะ เพราะข้าต้องไปทำงานต่อ"
"ช่วงนี้แขกเยอะล่ะสิ"
"ตามนั้นแหละค่ะ ปกติข้าจะไม่เข้าหาผู้ชายคนไหนถ้าไม่มีเงินพอซื้อตัวข้า แต่สำหรับเจ้าชายถือว่าเป็นข้อยกเว้น ว่าแต่เจ้าชายจะไม่รับข้าไปอยู่ด้วยสักคืนเหรอคะ" วีนัสเป็นแค่เด็กสาวก็จริงแต่เพราะรูปร่างหน้าตาที่สวยกว่าผู้หญิงคนอื่นและยิ่งเป็นนางคณิกาด้วย ผู้ชายรวย ๆ ทุกคนก็พร้อมที่จะทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อซื้อตัวเธอ
ทว่าก็ได้แค่คุยเล่นเนื่องจากเธอไม่ได้ขายตัวแต่ขายรอยยิ้ม หลังจากวีนัสรู้จักกับวาเรียส เขาก็เป็นผู้ชายคนแรกที่เธอเสนอตัวให้ น่าเสียดายเจ้าตัวไม่เอาด้วย เด็กสาวจึงค่อนข้างผิดหวัง
"ขอโทษนะ ข้าไม่ชอบเปลืองตัว อีกอย่างถ้าไม่ใช่คนที่ชอบ ข้าก็ไม่เอาหรอก"
"แย่จังเลย ท่านชายบางคนในตระกูลเพนเดลรอนก็ซื้อตัวข้า แต่ทำไมเจ้าชายถึงไม่ซื้อตัวข้ากันนะ ข้าเสียดายจริง ๆ นะคะ จะไม่รับสักหน่อยเหรอ ให้ฟรีเอาไหม"
"ไม่"
"..."
"อย่านอกเรื่อง เจ้ามีอะไรจะบอกข้าก็พูดมา ไม่อย่างนั้นคงไม่มารอข้าที่นี่ให้ผู้ชายทั้งร้านน้ำลายหกหรอกใช่ไหม" กล่าวจบ วาเรียสก็ยกจอกเหล้าขึ้นมากระดกหลังจากที่เด็กสาวรินให้ แม้ว่าวีนัสจะเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ซื้อตัวเธอ แต่เพราะรู้จักกันในระดับที่เรียกว่าสนิทมากกว่าคนอื่น เวลามีข่าวอะไรเธอจึงมาบอกเขาทุกครั้ง
"ช่วงนี้พวกภูตทมิฬจำนวนหนึ่งกำลังหาซื้อศพไร้ญาติในตลาดมืดหลายแห่ง ข้าว่ามันน่าจะเกี่ยวกับนางฟ้าเทซิน่า นางเฝ้ามองท่านจ้าวกับราชินีอย่างเคียดแค้น บางทีนางอาจจะทำอะไรอยู่ก็ได้"
"ยายป้านั่นเองเหรอ" ชื่อที่วีนัสพูดออกมา ใช่ว่าเด็กหนุ่มไม่รู้จัก เขาเคยเจอมาบ้างแต่ก็แค่ครั้งคราว ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายมีความเกี่ยวข้องอะไรกับวานาเลีย
เทซิน่าเป็นพี่สาวฝาแฝดของราชินีแห่งแดนมืด ตอนที่น้องสาวมายังโลกนี้ เธอก็ตามมาทีหลัง และเคยหลงรักจ้าวปีศาจสมัยที่เขายังเป็นเจ้าชาย แต่คาเรียสรักกับวานาเลียทว่าเพราะกฎห้ามแต่งงานทำให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันไม่ได้ ทว่าเหมือนทุกอย่างจะเข้าข้าง จ้าวปีศาจลำดับที่ห้ามีทายาทไร้ดวงตาสีแดงซึ่งปกติแล้วสายเลือดเพนเดลรอนเพศชายคนแรกที่เกิดจากจ้าวปีศาจต้องมีผมสีดำและมีดวงตาสีแดง ทว่าทายาทคนนั้นกลับมีดวงตาสีเทา เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าทายาทอ่อนแอกว่าสายเลือดคนอื่น วานาเลียจึงได้รับอนุญาตให้ใช้ชีวิตกับคาเรียส และสายเลือดคนแรกของเขาก็คือวาเรียสที่มีผมสีดำ ตาสีแดง แถมยังถูกแดนมืดเลือกเป็นจ้าวปีศาจลำดับที่เจ็ดอีกด้วย
"ขอบใจสำหรับข่าวสาร"
"ด้วยความยินดีค่ะ ว่าแต่เจ้าชายจะไม่ใช้บริการอย่างอื่นจากข้านอกจากรับข่าวสารเหรอคะ" วีนัสค่อย ๆ เขยิบมาอิงแอบแนบชิดเด็กหนุ่ม ไม่บอกก็รู้ว่ากำลังยั่ว ส่วนผู้ชายคนอื่นที่นั่งมองอยู่ก็น้ำลายหกเพราะอยากได้แบบนั้นบ้าง
"ถ้าอยากนอนกับข้าขนาดนั้น ก็หาทางเอาชนะใจข้าให้ได้ก่อนเถอะ ข้าบอกแล้วนะ ข้าไม่ชอบเปลืองตัว แต่ถ้าข้าพอใจ ข้าก็ไม่เกี่ยงหรอก เอาเป็นว่าคราวนี้ข้าจะให้รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ ละกัน" ว่าจบ วาเรียสดึงร่างบางมาหอมแก้มพร้อมกับวางเงินลงบนโต๊ะแล้วลุกออกจากร้านไปโดยไม่ลืมสวมฮู้ด วีนัสเอามือลูบแก้มข้างนั้นเบา ๆ จากนั้นก็ยิ้มหวาน
"ก็เพราะอย่างนี้ไง ผู้หญิงถึงอยากเข้าหา เป็นเด็กหนุ่มแล้วเสน่ห์แรงขนาดนี้ ถ้าเป็นชายหนุ่มจะขนาดไหนกันนะ เฮ้อ! ชาตินี้ข้าคงไม่ได้นอนกับเขาหรอก"
ข่าวที่ได้มาจากนางคณิกาคนนั้นเป็นความจริง มีชาวภูตทมิฬเข้ามาซื้อศพไร้ญาติจากร้านขายอวัยวะเป็นจำนวนมาก เผ่าภูตทมิฬเป็นเผ่าที่เทซิน่าไปพำนักอยู่ด้วย ดังนั้นนางฟ้าตนนั้นจะต้องทำอะไรแน่ ๆ หลังจากพวกนั้นออกไปแล้ว วาเรียสจึงค่อยเข้าไปถามเจ้าของร้าน
"น้าครับ พวกเขามาซื้ออะไรกันเหรอครับ" เด็กหนุ่มปั้นหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเข้ามาทักทาย เจ้าของร้านเป็นหญิงสาว พอเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อน่ารักเข้ามาหาก็ยิ้มให้
"มาซื้อศพไร้ญาติจ้ะ ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องชำแหละอวัยวะมาขายให้เหนื่อย"
"แล้วศพพวกนั้นเป็นยังไงก่อนตายครับ"
"แหม ถ้าอยากรู้ก็ต้องมีของมาแลกนะจ๊ะ" พูดจบ วาเรียสก็วางถุงเงินลงบนโต๊ะทันที หญิงสาวนิ่งไปชั่วขณะจากนั้นก็ยิ้มรับแล้วให้ข้อมูล "ศพพวกนั้นล้วนถูกฆ่าตายทั้งที่ยังมีความรู้สึกเคียดแค้นและหวาดกลัว ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเอาไปทำอะไร แต่เลือดของศพพวกนั้นเหมาะกับการนำไปทำพิธีที่ไม่ดีมาก ๆ เลยล่ะ"
"พิธีที่ไม่ดี? "
"ใช่จ้ะ"
“พิธีอะไรครับ”
“พวกพิธีต้องห้ามอะไรทำนองนี้นี่แหละ ข้าก็ไม่รู้อะไรนักหรอกนะ”
"ขอบคุณมากนะครับ" วาเรียสค้อมหัวให้หญิงสาวจากนั้นจึงเดินออกจากร้านไปทั้งที่ยังสงสัย พิธีที่ไม่ดีตามที่เจ้าของร้านบอกทำให้เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี คิดได้ดังนั้น เด็กหนุ่มก็รีบกลับพระราชวังทันที
"ศพที่เก้าร้อยหกสิบมาถึงแล้วครับ"
"ทำได้ดีมากมาชิน วันนี้พอแค่นี้ก่อน" หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีแดงหยักศกยาวสยาย ดวงตาสีแดงอ่อนซ่อนความเกรี้ยวกราดไว้ภายใน ใบหน้าของเธอคล้ายคลึงกับราชินีแห่งแดนมืด ร่างบางเดินออกมานอกถ้ำโดยมีชายหนุ่มผมสีดำยาวประบ่าและมีดวงตาสีนิลเดินตามมาด้วย
"ท่านก็ควรจะพักผ่อนได้แล้วนะครับ นายหญิง"
"ถ้านอนเฉย ๆ ข้าทำได้ แต่ถ้าจะให้พักตลอดคงไม่ได้" ดวงตาที่ซ่อนความเกลียดชังทอดมองไปยังแดนมืดอันกว้างใหญ่ ทิศที่ตั้งของพระราชวังซัลลิเเวนอยู่ตรงนั้น และคนที่เธอชิงชังก็อยู่ที่นั่น "วานาเลีย เจ้ามีความสุขมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่ข้าจะทำให้เจ้าเจ็บปวดสักที นังน้องทรยศ แย่งคนที่ข้ารัก!"
เปรี้ยง!
เกิดสภาพอากาศแปรปรวนกะทันหันก่อนจะมีฟ้าร้องฟ้าผ่ารอบ ๆ ภูเขาตามมาเป็นระยะ ๆ ความเกลียดชังของเทซิน่าทำให้บริเวณนี้เต็มไปด้วยพลังชั่วร้าย มาชินซึ่งเป็นชาวภูตทมิฬและข้ารับใช้คนสนิทได้แต่มองเงียบ ๆ แม้จะรู้ว่าสิ่งที่เธอทำมันผิดแต่เขาก็เลือกที่จะช่วยเธอ
"กลับมาแล้วจ้า"
"ท่านเปียกฝนด้วยนี่คะ" เทียน่ารีบใช้พลังวิญญาณนำผ้าขนหนูไปให้เจ้าของห้องเช็ดผมทันทีที่กลับมา อยู่ ๆ ก็เกิดพายุฝนขึ้นแถมวาเรียสที่กำลังกลับมาก็วิ่งตากฝนมาด้วย วิญญาณหญิงสาวจึงรีบชงชาร้อน ๆ มาให้คนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว จิบเครื่องดื่มร้อน ๆ จะได้ชื่นใจ
"ขอบใจนะ เทียน่า"
"ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่ท่านไปไหนมาคะ ข้าจำได้ว่าท่านมีชั่วโมงเรียนแค่ช่วงเช้านี่นา ตอนบ่ายท่านน่าจะกลับมาที่ห้องแต่ก็ไม่มา มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ" สีหน้าเป็นห่วงเป็นใยทำให้วาเรียสหลุดยิ้ม กลับมาที่ห้องทีไรก็เจอผีสาวยืนรอถามสารทุกข์สุกดิบอยู่เรื่อย
เหมือนภรรยารอสามีกลับบ้านอย่างไรอย่างนั้น!
"ไปตลาดมืดมาน่ะ อ้อ! ข้ามีอะไรมาให้เจ้าดูด้วยล่ะ" วาเรียสดีดนิ้วเรียกสมุดวาดภาพสีดำขึ้นมาแล้วทำท่าจะเปิดแต่ยังรั้งไว้ก่อนให้เทียน่าสงสัยว่าข้างในมีอะไร "ทาด้า! อะไรเอ่ย เป็นผีแต่สวย"
"นี่มัน..." สิ่งที่อยู่ในสมุดวาดรูปนั้นคือภาพหญิงสาวที่กำลังวิ่งอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้แต่ขาสองข้างลอยเหนือพื้นเพราะเป็นวิญญาณ แต่ที่น่าตกใจคือเธอคนนั้นคือเทียน่าแถมยังวาดเหมือนตัวจริงด้วย การแสดงอารมณ์และการเคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติมากจนเธอยังตกใจ "ใครวาดภาพนี้คะ"
"ข้าเองแหละ"
"เอ๋!?"
"เห็นแบบนี้ข้าวาดรูปเก่งนะ" วาเรียสฉีกยิ้มโชว์ฟันขาวพลางชูสองนิ้ว "สองสัปดาห์ก่อน เราไปเล่นที่สวนดอกไม้ใช่ไหม ระหว่างที่เจ้ากำลังไล่จับผีเสื้อ ข้าก็แอบวาดภาพของเจ้าออกมา นี่ข้าวาดสุดฝีมือเลยนะ ชอบหรือเปล่า" เทียน่าไม่ตอบแต่ถ้าหากเธอยังมีชีวิต หน้าเธอคงแดงแจ๋ไปแล้ว
"เคยเรียนวาดภาพมาก่อนหรือเปล่าคะ"
"เคยสิ ตอนเด็ก ๆ มีครั้งหนึ่งหนีไปเที่ยวที่ร้านขายรูปวาด พอดีว่าเจ้าของร้านเป็นศิลปินเลยแอบไปเรียนด้วยบ่อย ๆ ถึงข้าจะขี้เกียจแต่ถ้าข้าตั้งใจทำอะไร ข้าก็จะทำจนกว่าจะสำเร็จ อีกอย่างข้ามีพรสวรรค์ด้านการวาดรูปอยู่แล้ว ข้าก็เลยชอบวาดภาพ"
"งั้นเหรอคะ แต่ว่าภาพสวยมากเลยนะคะ"
"เห็นเจ้าชอบ ข้าก็ดีใจ เจ้าเป็นวิญญาณ ถ้าใช้ตลับเวทบันทึกภาพคงได้แค่ภาพลาง ๆ ทางเดียวที่จะมีรูปเจ้าก็มีแต่ต้องวาดเอาเท่านั้น” วาเรียสฉีกยิ้มสดใสทั้งที่แก้มสองข้างขึ้นสีแดงระเรื่อ ท่าทางเจ้าตัวก็เขินน้อย ๆ เช่นกัน “ข้ายังอยากวาดอีกนะ ยิ่งวาดภาพที่เจ้ายิ้มแล้ว ข้าก็มีความสุข เหมือนเห็นโลกนี้สว่างไสวเลย”
"ท่านนี่ปากหวานนะคะ โตขึ้นคงไม่ได้เจ้าชู้จีบสาวไปทั่วหรอกนะ" เทียน่าละความสนใจจากสมุดภาพมาจ้องหน้าเด็กหนุ่มอย่างเอาผิด
"หน้าข้าเหมือนคนเจ้าชู้ขนาดนั้นเลยเหรอ"
"ก็เห็นเมื่อก่อนออกจะน่ารัก มาตอนนี้เริ่มหล่อขึ้นทุกวัน ถ้าเกิดโตเป็นหนุ่มมันก็น่ากลัวว่าสาว ๆ จะติดตรึมนี่คะ" สีหน้าของหญิงสาวเหมือนคนกำลังหงุดหงิดไม่มีผิด วาเรียสเลิกคิ้วข้างหนึ่งแล้วยิ้ม
"หึงเหรอ ถ้าชอบข้าก็พูดมาเถอะ"
"เงียบเลยค่ะ! ท่านวาเรียสในตอนนี้ก็แค่เด็กน้อยในสายตาข้าเท่านั้นแหละ!" เทียน่าใช้พลังวิญญาณยกแจกันขึ้นมาทำให้เจ้าชายปีศาจรีบวิ่งหนีออกจากห้องโดยด่วน แต่ก็ยังอุตส่าห์โผล่หน้ากลับมาทิ้งท้ายอีก
"เทียน่าเป็นคนขี้หึงสินะ!"
“ท่านวาเรียส!”
จากนั้นวิญญาณสาวก็ขว้างแจกันใส่ทันที แต่เจ้าตัวป่วนหนีไปก่อนแล้ว
