บทที่ 4 เราต้องไปหาขนม
"จะไปแล้วเหรอคะ"
"อ่าฮะ วันนี้เข้าค่ายวันแรก ฝากดูแลห้องด้วยนะ" เด็กชายผมดำสะพายกระเป๋าสัมภาระขึ้นหลังพลางโบกมือให้เด็กหญิงจากนั้นก็เดินออกจากห้องไป โดยมีเสียงขอให้โชคดีแว่วตามมา
วันนี้อาจารย์จะพานักเรียนคลาสเฟิร์สไพมารี่ไปเข้าค่ายทางทิศตะวันออกของประเทศซิลวา ซึ่งที่นั่นจะมีค่ายทหารตั้งอยู่ นี่เป็นส่วนหนึ่งของวิชาการต่อสู้ขั้นพื้นฐานเพื่อให้เด็ก ๆ ได้ลงพื้นที่นอกโรงเรียนและออกไปการผจญภัย วาเรียสรีบวิ่งไปที่หอประชุมซึ่งเป็นจุดรวมพลของพวกเด็ก ๆ แล้วก็เห็นพวกเทมเพสกวักมือเรียก
"ไงพวก จะเดินทางกันตอนไหน"
"อีกสักครู่ครับ รถม้ามาพอดี" เทมเพสชี้นิ้วไปทางขบวนรถม้าที่เรียงแถวมาทางหน้าหอประชุม ยังดีที่นั่งกันคันละห้าคน พวกเขาจึงไม่ต้องหาคนเพิ่มหรือต้องแตกกลุ่มไปนั่งกับคนอื่น
"ที่ว่าไปเข้าค่ายเนี่ยไปทำอะไรบ้าง" เฟลมถามขณะตามหลังเพื่อนในกลุ่มขึ้นรถ
"เดี๋ยวเขาก็บอกตอนไปถึงค่ายล่ะนะ" อาเนฟตอบขณะช่วยรับกระเป๋าจากเพื่อนและปิดประตูรถม้า เมื่อเด็ก ๆ ประจำที่กันเรียบร้อย ขบวนรถม้าจึงค่อย ๆ เคลื่อนออกไป จากหน้าหอประชุมสู่หน้าโรงเรียน และจากหน้าโรงเรียนสู่ที่หมายหรือก็คือค่ายที่ทุกคนกำลังจะไป
เย็นวันนั้น ทุกคนก็เดินทางมาถึงที่หมาย ซึ่งหลังจากนี้อาจารย์จะพาเด็ก ๆ เดินเข้าไปตามเส้นทางซึ่งเป็นถนนลูกรัง เดินหรือวิ่งแต่ละทีฝุ่นตลบเลยเชียว พวกวาเรียสเดินอยู่รั้งท้ายจึงเห็นหมดโดยเฉพาะพวกคุณหนูที่แบกของมาเยอะจนถือไม่ไหว ในขณะที่พวกเขาหอบกระเป๋ามาคนละใบเท่านั้นเอง
"เด็ก ๆ ถ้าเข้าไปถึงที่พักแล้ว ครูจะตรวจสิ่งของในกระเป๋านะ ห้ามพกขนมของกินมาเองเข้าใจไหม ถ้าครูพบแล้วครูจะยึดนะ" เพราะปีก่อน ๆ มีคนนำขนมมาด้วย สุดท้ายก็ทิ้งขยะไม่เป็นที่ทำให้สถานที่สกปรกมีแต่ขยะ และนั่นทำให้เฟลมถึงกับหลุดสะดุ้ง
"ซวยแล้ว! ฉันพกขนมมาด้วย!"
"เฟลม ส่งมาให้ฉัน" คนตัวเล็กที่สุดในกลุ่มส่งถุงขนมให้วาเรียสทันที จากนั้นเจ้าชายปีศาจก็โยนถุงขนมเข้าพุ่มไม้ข้างทางโดยไม่สนสีหน้าเหวอ ๆ ของเพื่อนทั้งสี่เลย "เดี๋ยวกลางคืนค่อยมาเก็บ"
"เอาอย่างนี้เลยเหรอครับ" เทมเพสถามพลางเดินตามหลังเด็กชายไป ส่วนที่เหลือก็ตบบ่าปลอบใจเฟลมที่กำลังทำหน้าซึมเศร้าเพราะถุงขนมสุดที่รักหายเข้าป่าไปแล้ว
ช่วงหัวค่ำ อาจารย์ก็ให้เด็ก ๆ ไปกางเต็นท์นอนกันเอง พวกวาเรียสก็ช่วยกันหาที่เหมาะ ๆ แล้วจัดการสร้างที่พัก จะมีก็แค่เฟลมคนเดียวที่นั่งเงียบเพราะคิดถึงถุงขนมที่ถูกโยนทิ้งลงข้างทางถึงแม้จะบอกว่าจะพาไปเก็บมาตอนกลางคืนก็ตาม แต่ถ้ายังไม่ได้คืน เขาก็ยังไม่เลิกซึมเศร้า
"เฟลม ไปกินข้าวเย็นได้แล้ว" โยริคเดินมาดึงแขนเจ้าคนตัวเล็ก คุณชายไพลาริสทำท่าขัดขืนเเต่แรงน้อยกว่าเพื่อนจึงถูกลากไปง่าย ๆ "เจ้าชายก็บอกแล้วนี่ กลางคืนจะไปเก็บกลับมา"
"รู้แล้วน่า" เจ้าตัวยังคงทำหน้าซึม ๆ อยู่
ทั้งห้าพากันเดินเข้าไปในโรงอาหารซึ่งตอนนี้ไม่มีทหารอยู่เนื่องจากพวกเขากินข้าวเย็นเสร็จแล้ว จากนั้นพวกเด็ก ๆ ที่มาเข้าค่ายก็จะเข้ามากินข้าวทีหลัง วาเรียสพาเพื่อน ๆ ไปนั่งที่โต๊ะที่ว่างอยู่พร้อมกับวางของบางส่วนอย่างหนังสืออ่านฆ่าเวลาเป็นการจองที่จากนั้นจึงค่อยไปตักอาหาร
"กรี๊ด!!!
"ว้าย ๆ คนหล่อ!"
"เจ้าชายมาดิส!" เด็กหญิงคนหนึ่งตะโกนลั่นเมื่อเห็นเจ้าชายแห่งแดนเทวาเดินเข้ามาในโรงอาหาร วาเรียสหันไปดูบ้างก่อนจะกลอกตามองบนแล้วยกชามบะหมี่ไปที่โต๊ะ
"เจ้าชายคาเวล!" เสียงที่สองตะโกนเรียกเจ้าชายแห่งประเทศซิลวาที่เดินตามเข้ามา เทมเพสสะบัดหน้าไปมองจากนั้นก็เบ้ปากตามด้วยยกจานไก่ทอดตามเจ้าชายปีศาจไป
"เจ้าชายดาเวีย!" เสียงที่สามก็ตามมาพร้อมกับการปรากฏตัวของเจ้าชายแห่งประเทศเทเอียน อาเนฟส่ายหัวแล้วจึงยกจานใส่แซนด์วิชตามสองคนก่อนหน้านี้ไป
"เจ้าชายกราเซล!" อีกเสียงเรียกเจ้าชายแห่งประเทศโรซานแถมเจ้าของชื่อยังโบกมือให้สาว ๆ ราวกับเป็นดารา โยริคที่มองอยู่ก็ถอนหายใจก่อนจะยกจานใส่ปลาทอดราดพริกไปหาเพื่อน ๆ
"เจ้าชายโรเอล!" เสียงสุดท้ายตะโกนเรียกเจ้าชายแห่งประเทศเอลด้า เฟลมที่กำลังยกจานข้าวเปล่าก็หันไปดู เขาสบถนิดหน่อยแล้วค่อยวิ่งตามเพื่อน ๆ ไปนั่งที่บ้าง
"เจ้าชายทั้งห้าหล่อที่สุด!"
"ว้าย ๆ ยิ้มให้ฉันด้วยล่ะ!"
"มันจะหล่ออะไรขนาดนั้นวะ" วาเรียสสบถพลางใช้ตะเกียบคีบเส้นบะหมี่เข้าปาก เขายอมรับว่าห้าคนนั้นหน้าตาดีของจริง จะบอกว่าหล่อก็ไม่ผิด แต่สาว ๆ จะกรี๊ดกร๊าดเหมือนคนบ้ามากไปหรือเปล่า
"ผมชักจะหมั่นไส้แล้วสิ" เทมเพสไม่ค่อยอยากหาเรื่องใคร แต่คราวนี้ขอยกเว้น
"แหม พวกแดนมืดนี่น่าสงสารจัง หล่อสู้เขาไม่ได้ก็แบบนี้แหละ" นักเรียนหญิงคนหนึ่งเดินถือถาดอาหารผ่านมา และเพราะเป็นลูกคนมีฐานะที่คิดว่าตัวเองอยู่สูงกว่าผู้อื่น เธอจึงจิกตาใส่ทั้งห้าอย่างเหยียด ๆ
"พวกคุณชายองครักษ์ไม่เท่าไหร่ แต่เจ้าชายนี่สิ หน้าตาออกไปทางน่ารัก นี่เหรอเด็กผู้ชาย"
ตึง!
วาเรียสทุบโต๊ะทีเดียว เด็กหญิงทั้งสองก็รีบวิ่งหนีเพราะดูจากสีหน้าแล้วเจ้าตัวกำลังโกรธ พวกเทมเพสรีบช่วยปลอบให้เจ้าชายของพวกเขาใจเย็น ๆ พลางจับให้นั่งลงตามเดิม วาเรียสสบถอย่างหงุดหงิดแล้วกินบะหมี่ต่อ ไม่หล่อแล้วไง อย่างน้อยหน้าตาเขาก็ไม่ได้แย่ แต่โดนว่าแบบนี้เขาก็ไม่ชอบ
"อย่ามาง้อล่ะ โตขึ้น ฉันจะหล่อให้ดู!"
"จำไว้นะเด็ก ๆ ห้ามออกจากเต็นท์เด็ดขาด ครูและทหารในค่ายจะคอยตรวจตราความเรียบร้อยตลอด ที่สำคัญ ที่นี่ผีดุ ถ้าไม่อยากถูกผีหลอกก็ห้ามออกมานะจ๊ะ"
อ้าว! แล้วจะไปเอาขนมยังไงวะ พวกวาเรียสคิดในใจพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนจะเดินกลับที่พักเมื่ออาจารย์ปล่อยให้เด็ก ๆ ที่มารวมตัวกันแยกย้ายกันไปนอน
"เนียน ๆ นอนก่อนแล้วค่อยออกมา" ก่อนนอน วาเรียสเรียกเพื่อน ๆ มาสุมหัวกันจากนั้นจึงแยกย้ายกันเข้าไปนอนตามเดิม
คืนนี้เป็นคืนแรกที่ทุกคนมานอนกลางดินกินกลางทราย คนอื่น ๆ คงจะหลับหมดแล้วแต่เด็กห้าคนที่นอนเบียดเสียดในเต็นท์เป็นปลากระป๋องยังไม่หลับ เสียงฝีเท้าของครูและทหารที่คอยตรวจดูความเรียบร้อยก็ทำให้พวกเขาลุ้นระทึก ยิ่งเต็นท์ข้าง ๆ มันแอบคุยกันแล้วครูมาเปิดเต็นท์เจอก็โดนไล่ออกไปวิ่งรอบต้นไม้สามสิบรอบพร้อมแหกปาก 'จะนอนแล้ว' ซ้ำ ๆ กันจนกว่าจะวิ่งครบรอบก็ทำให้ทั้งห้าต้องพยายามแกล้งหลับเมื่อครูส่องไฟเข้ามาดู
"เฟลม อย่าเบียดสิ มันร้อนนะเว้ย" โยริครู้สึกอึดอัดเพราะโดนเพื่อนเบียด
"ก็ที่มันแคบ ไม่เบียดแล้วจะให้ฉันนอนยังไง" เฟลมก็ไม่ยอม รีบเถียงกลับทันที
"เดี๋ยวนะ ตรงนี้เต็นท์เป็นรูเหรอ" อาเนฟเพิ่งรู้ว่าตรงที่เขานอนอยู่ เต็นท์เป็นรูโหว่ชนิดที่ใช้ส่องดาวบนฟ้าได้เลย แน่นอนว่าใครห้อยหัวลงมาจ๊ะเอ๋ก็เจอหน้าเต็ม ๆ
"ถามจริง ใครกางเต็นท์ตรงนี้วะ ตรงที่ฉันนอนอยู่มีหินแหลมด้วยล่ะ ปวดหลังเป็นบ้า" เทมเพสจะขยับไปทางไหนก็ติดเพื่อนหมด สุดท้ายก็ต้องทนนอนให้หินจิ้มหลัง
"ให้ตายเถอะซาร่า ร้อนไม่พอยังต้องเบียดกันอีก" วาเรียสสบถขณะใช้ฝาหม้อที่แอบหยิบมาก่อนออกจากโรงอาหารมาพัดให้ความเย็น "ท่าทางพวกอาจารย์กับทหารจะกลับไปแล้วล่ะ" เด็กชายกระดกหัวขึ้นมาดูเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่ค่อย ๆ เบาลงก่อนจะเงียบไป
พวกวาเรียสคลานออกมานอกเต็นท์ก่อนที่เฟลมจะส่งตะเกียงให้คนนำทางเพราะถ้าใช้เวทเสกลูกไฟก็กลัวว่าจะมีอะไรตรวจจับการใช้พลัง เพื่อความปลอดภัยจึงใช้ตะเกียงธรรมดาให้แสงสว่าง วาเรียสเดินนำหน้าขณะวิ่งไปหลบอยู่หลังต้นไม้ อีกสี่คนก็วิ่งตามมาเพื่อแอบดูว่างข้างหน้ามีใครเฝ้าหรือเปล่า เมื่อทางสะดวก ทั้งสี่จึงรีบวิ่งออกไปจากบริเวณตั้งแคมป์
เวลากลางคืนบนถนนลูกรังที่สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ขึ้นหนาทึบ ไม่มีเสียงแมลงร้อง ไม่มีสายลมพัดมา ทุกอย่างมันเงียบไปหมด บรรยากาศก็วังเวงราวกับว่าจะมีผีโผล่มาได้ทุกเมื่อ พวกเทมเพสเกาะกลุ่มติดวาเรียสกันแน่น ในขณะที่เด็กชายผมดำก็ถือตะเกียงเดินนำหน้าไปยังจุดที่ตัวเองโยนถุงขนมทิ้ง
"พวกนายยืนอยู่ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวฉันมา"
"เจ้าชาย ระวังนะครับ" พวกเทมเพสกอดกันแน่นเพราะอยู่ ๆ ก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก วาเรียสถือตะเกียงแหวกพุ่มไม้เข้าไปแล้วก็เจอถุงขนมที่โยนทิ้งเมื่อตอนกลางวัน
"ได้ของแล้ว"
"รีบกลับเถอะ น่ากลัวยังไงก็ไม่รู้" โยริคกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บรรยากาศไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด พลันดวงตาสีน้ำตาลก็เห็นแสงไฟอยู่ไกล ๆ จึงหันไปถามเพื่อน "นั่นแสง..."
ผัวะ!
"โบราณว่าเห็นอะไรห้ามทัก" อาเนฟใช้สันฝ่ามือสับหัวเพื่อนแล้วเตือนสักนิด แสงไฟนั่นใช่ว่าเขาไม่เห็น มันเคลื่อนที่ไปมาได้ราวกับเป็นลูกไฟที่ลอยอยู่กลางอากาศ
"เจ้าชายหยุดทำไมครับ" อยู่ ๆ คนเดินนำหน้าก็หยุดกะทันหัน เทมเพสจึงถามด้วยความสงสัย ทว่าอีกฝ่ายไม่ตอบ เขาจึงมองตามสายตาคู่นั้นไปจนกระทั่งหยุดอยู่ที่ความมืดตรงหน้า เกิดเสียงครืด ๆ เหมือนมีอะไรคลานมาไม่ก็ถูกลากมา อาเนฟ โยริค และเฟลมโผล่หน้ามาดูบ้าง ก่อนที่วาเรียสจะปรับตะเกียงให้สว่างขึ้นจากเดิม
ท่ามกลางความมืดนั้น หญิงสาวผมดำยาวสยายในชุดสีขาวค่อย ๆ คลานมาตามพื้นจากนั้นก็หยุดแล้วค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผลเหวอะหวะและเลือดนั้นสยดสยองเกินบรรยาย ต่างฝ่ายต่างเงียบไม่พูดอะไรจนกระทั่งผีสาวพุ่งมาหาทั้งห้า
"มันมาแล้ว!"
"ว้าก!"
"เจ้าชาย!" เทมเพสไม่กระโดดถอยหนีเหมือนเพื่อน ๆ แต่รีบตรงเข้ามาช่วยวาเรียสที่กำลังถูกผีบีบคอ ทว่าเจ้าตัวกลับยกมือห้ามไม่ให้เขาเข้ามา
"จะบีบคอเหรอ ฝันไปเถอะ" เด็กชายผมดำคว้าข้อมือผีสาวแล้วดึงออก เพราะเป็นชาวแดนมืดจึงมีแรงมากกว่ามนุษย์ธรรมดา ผีสาวจึงถูกบิดแขนอย่างง่ายดาย เธอหลุดครางก่อนจะถูกเด็กชายถีบจนล้มกลิ้ง "แค่ออกมาเอาขนมกับเพื่อน ๆ ทำไมต้องมาหลอกหลอนกันด้วย คนอื่นมีทำไมไม่หลอก มาหลอกพวกเราทำไม!"
"ฉันมีหน้าที่ไล่เด็กที่หนีออกมานอกค่ายให้กลับเข้าไปข้างใน และพวกเธอก็หนีออกมา" ผีสาวคลานกลับมาแล้วบิดคอเงยหน้ามองคู่สนทนา วาเรียสกลอกตามองบนก่อนจะถอนหายใจ
"ผมไม่ได้หนี บอกแล้วว่ามาเอาขนม อ้อ! อย่าไปบอกใครนะ ไม่อย่างนั้นผมจะจับป้าลงหม้อแล้วถ่วงน้ำ!"
"เดี๋ยวนะ! เธอเรียกฉันว่าป้าเหรอ ฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้นนะยะ!"
"ก็ผมจะเรียก พอใจ!" ว่าจบ ก็หันไปหาเพื่อน ๆ "เฮ้ย! พวกเรา กลับ!" ว่าแล้วก็เดินถือตะเกียงกลับไปตามทางเดิม พวกเทมเพสก็เดินอ้อมผีสาวแล้วตามไปเกาะติดวาเรียสเพราะยังกลัวผีอยู่
"เจ้าเด็กผมดำนั่น ใครเป็นพ่อแม่มันนะ ให้ตายสิ!" ผีสาวบ่นอย่างหงุดหงิดจากนั้นก็คลานเข้าพุ่มไม้ข้างทางเพื่อซุ่มดูว่ามีเด็กคนไหนออกมาข้างนอกอีกจะได้ไล่กลับไป
"ฮัดเช้ย!"
"ฮัดชิ้ว!"
"เจ้าก็จามเหมือนกันเหรอ" ชายหนุ่มผมสีดำยาวถึงกลางหลังถามหญิงสาวผมสีแดงหยักศกที่นอนอยู่ข้าง ๆ แถมยังจามหลังจากที่เขาจามอีก ดวงตาสีแดงอ่อนหันมาสบกับนัยน์ตาสีแดงจากนั้นเธอก็ฝืนยิ้ม
"สงสัยจะมีคนพูดถึงเรา ถึงได้จามติด ๆ กัน" ร่างบางในชุดเปิดไหล่สีแดงเลือดนกหยิบผ้าลายลูกไม้มาคลุมไหล่ก่อนจะลุกจากเตียงไปหาประตูระเบียงแล้วเปิดออกไปรับลมด้านนอก แดนมืดในคืนนี้มีอากาศเย็นสบายและไม่ได้หนาวเย็นเหมือนบางวัน ดังนั้นเธอจึงกล้าออกมายืนตากลม
"คิดถึงวาเรียสเหรอ วานาเลีย" ร่างสูงในชุดสีดำเรียบ ๆ เดินตามออกมา วานาเลียหันไปมองอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้มหวาน เขาก็ถามมาได้ เป็นใครใครก็ต้องคิดถึงทั้งนั้น
"จะไม่ให้คิดถึงได้ไง ลูกชายทั้งคน ว่าแต่ท่านเถอะคาเรียส ลูกเราไม่อยู่บ้านนี่เหงาบ้างไหม" เธอรู้สึกว่าบ้านเงียบเหงาไม่เหมือนทุกวันที่จะต้องมีเสียงดังตลอด คาเรียสถอนหายใจพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ พระราชวังอันแสนใหญ่โตอยู่ในความสงบ มีทหารปีศาจเดินเวรยามแน่นหนา ไกลออกไปนอกกำแพงเป็นบ้านเรือนของประชาชนที่มีมากมายจนนับไม่ถ้วน มันช่างสงบดีผิดกับเมื่อก่อนลิบลับ
"เจ้าก็รู้ว่าข้าถีบส่งเจ้าบ้านั่นไปเรียนเพื่ออะไร อยู่บ้านก็เอาแต่เล่น ก่อเรื่องวุ่นวาย หนังสือหนังหาไม่อ่าน ขี้เกียจสันหลังยาว ข้าไม่เข้าใจ ทำไมแดนมืดถึงเลือกเขาเป็นว่าที่จ้าวปีศาจลำดับที่เจ็ด"
"เมื่อถึงเวลา ท่านก็จะรู้เอง" คาเรียสมองหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจ วานาเลียก็ยิ้มกว้างแถมยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อีกเมื่อชายหนุ่มจ้องมาอย่างจะเค้นเอาคำตอบ "ข้าง่วงแล้ว กลับไปนอนต่อเถอะค่ะ" นอกจากจะไม่ตอบอะไรแล้ว เธอยังทำท่าหาวนอนพลางกลับเข้าห้องไปอีก ร่างสูงมองตามหลังร่างบางไปแล้วเหยียดยิ้ม
"ไม่ตอบสินะ เดี๋ยวจัดหนัก"
