ตอนที่6 ห้ามรัก
“ผมไม่อยากรบกวนคุณพ่อครับ แล้วทางครอบครัวมะลิก็ไม่ได้คิดมากอะไรด้วยครับ”
“คุณมะลิคบกับเรียวตั้งแต่เมื่อไรครับ ก่อนหน้านี้ผมไม่เห็นเรียวจะพูดถึงคุณเลย”
หลังจากการันต์นั่งฟังมาเทโอและพ่อตนคุยกันมาสักพัก เขาก็เริ่มหันมาคุยกับมินตราด้วยความอยากรู้ เพราะก่อนหน้าเขาคิดมาตลอดว่ามาเทโอไม่คิดคบใครจริงจัง ด้วยพอจะรู้ข่าวมาบ้างว่าชายหนุ่มเลือกที่จะใช้เงินซื้อนางแบบพริตตี้มานอนด้วยไม่ซ้ำหน้า ไม่รู้เหมือนกันว่ามินตรารู้เรื่องนี้หรือเปล่า
“เอ่อ”
มือเรียวรีบหันไปแตะหน้าขาของมาเทโอ ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นจึงกุมมือหญิงสาวเอาไว้หลวมๆ ก่อนจะเอ่ยปากตอบแทน
“เป็นปีแล้ว ที่ยังไม่บอกใครเพราะอยากให้แน่ใจก่อนว่าจะใช้ชีวิตอยู่กับผู้หญิงคนนี้จริงๆ”
มาเทโอว่าจบก็หันมาทำท่ายิ้มหวานกับมินตรา หญิงสาวที่จำได้ว่าถูกกำชับให้ทำตัวเป็นคนที่รักกันมากกับชายหนุ่ม จึงใช้มืออีกข้างที่ยังว่าง ยกมือขึ้นมาหยิกแก้มของมาเทโอเล่นเบาๆ
“พี่เรียวเป็นคนน่ารักกับมะลิมากๆ เลยค่ะ”
“เหรอครับ ผมเคยเห็นแต่เรียวในบทโหด อยากรู้เหมือนกันนะครับว่าถ้าเรียวอยู่ในโหมดน่ารักเป็นยังไง”
ภาพความน่ารักของทั้งคู่ทำการันต์และมเหศักดิ์ไม่อยากจะเชื่อสายตา แต่ก็ทำให้ยิ้มตามได้เป็นอย่างดี
“ให้เป็นเรื่องในครอบครัวเค้าดีกว่าการันต์”
“ครับคุณพ่อ”
มาเทโอโล่งใจที่พ่อของเขาปรามความอยากรู้ของการันต์เอาไว้ก่อน เพราะคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะเอ่ยตอบคำถามเมื่อครู่อย่างไร และไม่รู้ว่ามินตราจะแสดงท่าทีอะไรออกมาอีก การที่เธอยกมือมาหยิกแก้มของเขาเมื่อครู่ไม่ได้คิดเลยว่าเธอจะทำ แอบรู้สึกเสียภาพพจน์มาเฟียเล็กน้อยแต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อมันแก้อะไรไม่ได้แล้ว
หลังจากมาเทโอและมินตรากลับไปได้ มเหศักดิ์ก็มานั่งมองรูปของมารตีลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนที่จากไปนานด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ
“คุณพ่อลองชิมฝีมือม่านสิคะ”
เสียงและภาพวันเก่าๆ ที่มีความสุขอยู่กับลูกสาวยังคงชัดเจนในหัวใจของเขาเสมอ
“อืม อร่อยมากเลยลูก”
“ม่านฝึกทำเมนูนี้เพื่อคุณพ่อเลยนะคะ แต่อย่าทานเยอะนะคะเดี๋ยวจะอ้วนแล้วก็ไม่หล่อ”
“ฮ่าๆๆ พ่อไม่รู้จะหล่อไปให้ใครดูเหมือนกัน”
“ให้ม่านดูสิคะ พ่อม่านหล่อที่สุดในโลกเลย”
การที่ได้พบกับมินตราในวันนี้ทำให้เขารู้สึกว่าเหมือนได้เจอกับลูกสาวอีกครั้ง รอยยิ้มคำพูดคำจาของเธอเหมือนกับมารตีไม่มีผิดเพี้ยน นึกย้อนกลับไปในอดีตเขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจเป็นที่สุดที่ได้ตัดสินใจผิดพลาด ทำให้ลูกของเขาหายไปตลอดกาล
“คุณพ่อพี่เรียวใจดีกว่าที่มะลิคิดอีกนะคะ”
สาวเจ้าเอ่ยขณะที่นั่งรถกลับ หากรู้ว่าทางครอบครัวของมาเทโอใจดีกว่าชายหนุ่มมากขนาดนี้คงไม่ประหม่าแต่แรก
“คราวหน้าอย่าพูดมากเข้าใจไหม”
“มะลิแค่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับผู้ใหญ่ไม่ดีหรือไงคะ”
มินตราบุ้ยปากให้กับคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์แย่อย่างมาเทโอ เธอไม่รู้ว่าชีวิตนี้เขามีเพื่อนฝูงกับเค้าบ้างหรือเปล่า แต่เท่าที่เดาน่าจะไม่มี ใครจะมาอยู่กับคนปากเสียเอาแต่ใจแบบนี้ได้นานๆ กัน
“ช่างเถอะ บ้านคุณอยู่ที่ไหนเดี๋ยวผมไปส่ง”
“ไปส่งมะลิที่บริษัทก็ได้ค่ะ พี่พอใจรอมะลิอยู่ที่นั่นค่ะ”
มาเทโอหันมามองสีหน้าที่เจื่อนลงของหญิงสาว และพอจะเดาออกว่าเรื่องที่เธอต้องมาเป็นผู้หญิงของเขา ครอบครัวของเธอน่าจะยังไม่มีใครรู้ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะเข้าใจได้ว่าทำไมหญิงสาวถึงไม่บอก ด้วยใครจะมารับได้ที่จู่ๆ ลูกสาวจะต้องมาแต่งงานกะทันหันโดยที่ก่อนหน้าครอบครัวไม่เคยรับรู้ว่ามีแฟนมาก่อน
“ที่บ้านคุณไม่รู้ใช่ไหม”
สาวเจ้าพยักหน้าหงึกหงัก
“อืม ยังไงเดี๋ยวผมจะหาวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้เอง”
“ค่ะ”
หลังจากมาเทโอเกริ่นถึงเรื่องคนที่บ้าน มินตราก็นั่งซึมมาตลอดทางเพราะกลัวว่าเรื่องที่เธอกำลังปิดแม่และย่า ทั้งสองจะต้องรู้เข้าสักวัน และเธอก็นึกภาพไม่ออกเลยว่าวันนั้นมันจะเป็นยังไง
“โห มะลิเหรอเนี่ย”
พอใจเห็นน้องสาวเธอเดินเข้ามาหาในห้องทำงานก็รีบลุกจากเก้าอี้เดินเข้ามาหามินตรา เธอมองน้องสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างตื่นตาด้วยไม่เคยเห็นน้องแต่งองค์ทรงเครื่องสวยขนาดนี้
“หืม ชะนีน้อยแปลงโฉมจนจำแทบไม่ได้เลยนะเนี่ย ว่าแต่ไปทานข้าวกับคนที่บ้านเค้าอย่างเดียวใช่ไหม”
ณัฐพลมีอาการเดียวกันกับพอใจ ก่อนจะเอ่ยถามชะนีน้องของเขาอย่างเป็นห่วง เพราะเห็นว่าหายหน้าไปตั้งแต่เช้า
“นั่นสิ เค้าไม่ได้ทำอะไรเกินกว่านั้นใช่ไหม”
พอใจเริ่มหน้าเจื่อน เอ่ยถามมินตราเสียงอ่อน
“ไม่ค่ะ ทานข้าวเสร็จพี่เรียวก็มาส่งมะลิเลย”
มินตราส่ายหัว ทั้งอมยิ้มร่าให้พี่ๆ ทั้งสองได้สบายใจว่าเธอไม่ได้สึกหรอตรงไหน
“พี่เรียว?”
พอใจขมวดคิ้วกับสรรพนามที่มินตราเอ่ยเรียกมาเทโอ
“อ๋อ พี่เรียวให้ฝึกเรียกเค้าแบบนี้ค่ะห้ามหลุด”
“โอเค”
พอใจเปรยอย่างโล่งใจ นึกว่าเวลาไม่ถึงวันทำน้องสาวเธอหลงเสน่ห์มาเทโอเข้าไปแล้ว
“อีกสองสามวันจะต้องเก็บของไปอยู่บ้านคุณเรียวแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ”
“พวกพี่มีเรื่องจะย้ำ”
“อะไรเหรอคะ”
“คุณเรียวขึ้นชื่อเรื่องการใช้ผู้หญิงสิ้นเปลือง ระหว่างที่เราอยู่กับเค้า ขอร้องเค้าให้ได้ว่าถ้าเค้านอนกับคนอื่นต้องสวมถุงยางทุกครั้ง”
มินตราได้ฟังพี่เธอกำชับแบบนี้เธอก็เริ่มหน้าชา เพราะจะให้เธอไปพูดเรื่องนี้กับชายหนุ่มตรงๆ คงอายน่าดู
“บอกเค้าตรงๆ เลยเหรอคะ”
“ใช่ ถึงเวลานี้ไม่มีอะไรต้องอายแล้ว เพื่อความปลอดภัยของเรา”
“ก็ได้ค่ะ”
“อีกเรื่อง ข้อตกลงที่เค้าห้ามคิดจะเป็นเจ้าของ มันหมายความว่าเราห้ามไปรักเค้าด้วย ข้อนี้มะลิต้องจำให้ขึ้นใจ เพราะเมื่อถึงวันที่จะต้องจากกัน ซึ่งพี่ก็ไม่รู้ว่าวันไหน แต่ถึงวันนั้นมะลิจะได้ไม่เจ็บเข้าใจไหม”
“ค่ะ มะลิจะมองเค้าเป็นเพื่อนเป็นพี่คนนึงเท่านั้นค่ะ”
ตอนนี้มินตราไม่รู้หรอกว่าจะทำได้อย่างที่พูดจริงๆ หรือไม่ แต่คิดว่ามันไม่น่าจะยาก เพราะเขาก็ไม่ได้ใจดีอะไรกับเธอนัก จะให้ไปรู้สึกสนิทหรือผูกพันธ์กับคนที่ไม่ค่อยมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีน่าจะทำได้ยากอยู่แล้ว
“อืม จะคิดแบบนั้นก็ได้”
พอใจค่อยโล่งอกเมื่อรับรู้ในสิ่งที่น้องสาวคิด แต่คนที่ไม่ค่อยจะเชื่อว่ามินตราจะทำได้เห็นจะเป็นณัฐพล แต่เขาไม่ขอพูดอะไรออกมาตอนนี้จะดีกว่า
