ตอนที่4 แปลงโฉม
“ฉันแน่ใจว่าพรุ่งนี้เกรซจะไม่มาร่วมโต๊ะอาหาร เรื่องนั้นสบายใจได้”
มาเทโอรู้จักนิสัยของกชกรดีว่าเป็นคนเย่อหยิ่งทระนงตนแค่ไหน และพอจะรู้ว่าเธอก็มีใจให้เขาถึงได้ตอบตกลงที่จะหมั้นตามคำขอของมเหศักดิ์โดยง่าย แต่เขาไม่ได้คิดอยากมีใครเป็นบ่วงผูกคอ เพราะชีวิตไม่คิดเรื่องการมีครอบครัวในหัวแม้แต่น้อย และรู้ดีว่ามเหศักดิ์ไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดของเขาแน่นอน จึงจำเป็นต้องหาคนมาตบตาเป็นเมียออกหน้าแม้นจะรู้ว่าพ่อตนเกลียดความไม่ตรงไปตรงมาเป็นที่สุดก็เถอะ
“อืม ฉันเตือนเพราะเป็นห่วงนายเท่านั้น พรุ่งนี้ไม่เจอ วันหน้าก็ต้องเจอกันอยู่ดี”
“ขอบใจ”
ไอเซย่า บราวน์ หรือ แอล หนุ่มหล่อร่างสูงกำยำสัญชาติอเมริกัน ตัดผมทรงวินเทจเซ็ตเนี้ยบ ดวงตาคมนัยน์ตาสีฟ้า คิ้วคมเข้มหางคิ้วมีรอยบาก มีลักยิ้มที่แก้มซ้ายแต่คนไม่ค่อยรู้เพราะเขาได้ฉายาว่าเสือยิ้มยาก เป็นคนมีฝีมือในการใช้มีดสั้นมาก ค่อนข้างสุขุม เงียบๆ ไม่ค่อยพูด คนนอกมองเขาเหมือนว่าเป็นคนหยิ่ง แต่แท้ที่จริงไม่รู้วิธีการที่จะเข้าหาคนมากกว่าว่าจะต้องทำยังไง เขาไม่ได้มองว่ามาเทโอเป็นเพื่อนหรือเป็นเจ้านายเท่านั้น แต่มองเหมือนพี่น้องแท้ๆ ด้วยครั้งที่เขาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดที่ต่างประเทศ เวลาที่เขามีปัญหาของตัวเองหรือแม้กระทั่งปัญหาในครอบครัว มาเทโอจะเป็นคนช่วยเขาตลอด จนมาเทโอต้องกลับมาบริหารงานที่ไทยเขาจึงขอติดตามมาดูแลเพื่อนที่นี่
หญิงสาวในชุดนอนลายการ์ตูนสีชมพูมีตุ๊กตาหมีตัวใหญ่สองตัวขนาบข้างอยู่บนเตียง ดวงตากลมโตจ้องมองสร้อยจี้รูปหงส์นัยน์ตาเพชรของแทนใจของคนเป็นแม่แท้ๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะอมยิ้มและเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา
“พ่อคะแม่คะ วันนี้มะลิได้ตอบแทนบุญคุณครอบครัวผู้มีพระคุณแล้วนะคะ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้มะลิจะลำบากใจบ้าง แต่มะลิจะทำหน้าที่ของมะลิให้ดีที่สุดค่ะ พ่อกับแม่เป็นกำลังใจให้มะลิด้วยนะคะ”
มินตราจะคุยกับสร้อยรูปหงส์นี้ทุกครั้งไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ เพราะรู้สึกว่าเหมือนกับการได้คุยกับพ่อและแม่แท้ๆ ของเธอ ส่วนเจ้าตุ๊กตาหมีตัวโตที่เธอเอามานอนขนาบข้างตั้งแต่เล็กยันโต เปรียบเสมือนเธอได้นอนกอดพ่อและแม่ไปในตัว
“คุณแอลมาทำอะไรแต่เช้าคะ”
พอใจกับมินตราเดินเข้าออฟฟิศก็เห็นไอเซย่ามานั่งรออยู่ด้านในแล้ว พอใจจึงเริ่มมองหน้าชายหนุ่มด้วยสายตาแปลกใจ ไอเซย่าเห็นสองสาวเข้ามาทักจึงรีบลุกขึ้นเอ่ยธุระที่มาทันที
“มารับคุณมะลิครับ วันนี้คุณพ่อคุณเรียวอยากทานข้าวกับคุณมะลิ”
พอใจหันไปมองหน้ามะลิด้วยสีหน้าลำบากใจ
“มะลิไปได้ค่ะ”
มินตราพยักหน้าให้พอใจก่อนจะหันมายิ้มตอบรับชายหนุ่ม ด้วยไม่อยากขัดใจคำสั่งของมาเทโอหลังจากพอจะรู้ฤทธิ์ของเขาเมื่อวานนี้แล้ว
“แล้วจะกลับตอนไหน มันยังไม่ถึงเวลาที่น้องฉันจะต้องไปอยู่กับคุณเรียว คุณรู้ใช่ไหม”
พอใจพูดเป็นนัย หากเรียกตัวน้องเธอไปทำหน้าที่แค่ทานข้าว ก็ขอให้ธุระมีแค่นั้น
“ครับ แค่ไปทานข้าวครับ”
ไอเซย่าพอจะรูว่าพอใจคิดอะไร ก่อนจะยืนยันเสียงหนักแน่น และเดินนำหน้ามินตราไปที่รถตู้คันหรู
อันที่จริงการทานข้าวครั้งนี้จะเริ่มขึ้นช่วงเย็น แต่ที่ไอเซย่าต้องไปรับมินตราแต่เช้าเพราะต้องพาเธอไปแปลงโฉมตามที่มาเทโอสั่ง ด้วยเธอจะต้องเป็นว่าที่สะใภ้ที่ดูดีที่สุดต่อหน้าของมเหศักดิ์และคนในครอบครัว
ไอเซย่าพาหญิงสาวมาถึงห้างสรรพสินค้าได้ก็พามินตราหาอะไรทานรองท้อง หลังจากนั้นก็ส่งตัวเธอให้กับทีมช่าง วันนี้มะลิทั้งขัดตัวนวดหน้าแต่งหน้าผมทำ หลังจากนั้นถึงได้เลือกชุดเลือกรองเท้า กระเป๋าและเครื่องประดับ จนตอนนี้เธอนั้นเปลี่ยนไปแทบจะเป็นคนละคน
“ซ่อนรูปเหมือนกันนะคะน้องมะลิ”
หลังจากแต่งตัวให้มินตราเสร็จทีมช่างก็มองหญิงสาวกันเป็นตาเดียวอย่างชื่นชม เพราะเธอนั้นเหมือนชิ้นงานชิ้นโบว์แดงที่ทีมของเธอได้ช่วยกันรังสรรค์ก็ว่าได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพื้นฐานรูปร่างที่อกเป็นอกเอวเป็นเอว เครื่องหน้าอันครบเครื่องของหญิงสาวนั้นดีอยู่แล้วแต่งเติมให้มันเข้าที่เข้าทางเลยออกมาดูดีราวกับตุ๊กตาหรือภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ
“นี่สร้อยค่ะ”
“ค่ะ”
พิมรักช่างทำผมยื่นสร้อยรูปหงส์ใส่มือมินตราหลังจากถอดมันออกจากคอหญิงสาว เพราะจะต้องเปลี่ยนใส่ชุดเครื่องประดับชิ้นใหม่ให้เข้ากับชุดเดรสสีชมพูที่ใส่
“คุณมะลิสวยอย่างกับตุ๊กตาเลยค่ะ”
เติมขวัญ ช่างแต่งหน้าที่กำลังเก็บอุปกรณ์หันมาชมหญิงสาวหน้าหวานที่แต่งแต้มเครื่องหน้าไม่เท่าไรก็ดูโดดเด่น บวกกับทรงผมที่ดัดลอนใหญ่ สวมคาดผมเพชรเล็กๆ และชุดเดรสสีหวานโชว์เนินอกเล็กน้อย ทำให้มินตราสวยสง่าจนเธออดที่จะชมตามคนอื่นๆ ไม่ได้ สาวเจ้าดูสูงชะลูดไม่น้อยหน้านางแบบชื่อดังเมื่อได้มาสวมรองเท้าส้นเข็มสีเงิน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้กุมหัวใจของมาเทโออยู่จะประกาศแต่งกันเร็วๆ นี้
“แอลพามะลิมาแล้วใช่ไหม”
คนที่พึ่งแต่งตัวเสร็จเดินลงมาจากชั้นบนเห็นเคนชิ ยืนรอเขาอยู่จึงเอ่ยถามถึงคนที่จะต้องทานข้าวเย็นกับเขาที่บ้านของพ่อในวันนี้
“ครับคุณเรียว”
มินตราที่นั่งรออยู่บนโซฟาพักใหญ่เห็นเคนชิผายมือมาทางเธอจึงรีบลุกยืนขึ้น
“จะไปกันเลยไหมคะ”
เสียงหวานพร้อมรอยยิ้มสดใสของมินตรา ทำมาเทโอละสายตาจากเธอไม่ได้อีกครั้ง ทั้งชุดการแต่งหน้าทำผมส่งให้เธอดูโดดเด่นสะดุดตาแทบจะเป็นคนละคนที่เขาเจอเมื่อวาน คราแรกว่าเธอสวยหวานมีเสน่ห์อยู่พอตัวแล้ว ตอนนี้เธอยิ่งทำให้เขาทึ่งได้อีก
“คุณเรียวครับ”
“อืม ไปกันเลย”
เสียงเรียกของเคนชิทำมาเฟียหนุ่มหลุดจากภวังค์ และเดินดุ่มนำหน้าไปที่รถ
“คุณต้องหัดเรียกผมว่าพี่เรียว แล้วก็ทำตัวให้เหมือนคนรักกับผมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เรื่องอื่นค่อยตามน้ำไปกับผมที่หน้างานอีกที”
มาเทโอเอ่ยกำชับกับมินตราเมื่อนั่งรถออกมาจากบ้านได้พักใหญ่
“ค่ะ คุณพ่อคุณดุหรือเปล่าคะ”
เรื่องนี้มินตราค่อนข้างกังวล เพราะตอนนี้เธอไม่รู้รายละเอียดอะไรเกี่ยวกับคนที่บ้านของพ่อชายหนุ่มเลย
“ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง ผมขี้เกียจตอบ”
น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยปฏิเสธอย่างไม่สนมารยาทของมาเทโอทำหญิงสาวเริ่มขมวดคิ้ว เธอไม่อยากจะเชื่อว่ามนุษย์สัมพันธ์ของมาเทโอจะแย่ขนาดนี้
“คุณเรียวตอบหน่อยไม่ได้เหรอคะ มะลิตื่นเต้น”
“อย่าเซ้าซี้ได้ไหม ผมบอกให้เรียกผมว่ายังไงลืมแล้วเหรอ”
“พี่เรียว มะลิจะไม่เซ้าซี้อีกเลยถ้าพี่เรียวตอบคำถาม”
“มะลิ อยากตายตอนนี้ไหม”
มาเทโอหันมาส่งเสียงแข็งใส่มินตรา แค่เรื่องที่เขากังวลในหัวว่าไปที่บ้านจะไปเจออะไรบ้างก็ปวดหัวแย่แล้ว ยังจะมามีคำถามที่น่ารำคาญของหญิงสาวมากวนใจอีก สาวเจ้าที่ได้ยินคำถามเช่นนั้นก็รีบสงบปากสงบคำนั่งบุ้ยปาก ตอนนี้ที่เธอกังวลจนต้องถามเซ้าซี้มาเทโอก็เพราะกลัวว่าคนที่เธอกำลังจะไปเจอจะนิสัยเหมือนชายหนุ่ม หากเป็นเช่นนั้นคงได้อึดอัดตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่นแน่
