เปิดตำราโฉด
หลังเสร็จการประชุมบรรยากาศต่าง ๆ กลายเป็นความเคร่งเครียดขึ้นไปทั่ว เจ้าหน้าที่ต้องกลับไปดำเนินงานของตนเอง มีคำสั่งมากมายที่ต้องทำ ทั้งการจัดเตรียมกำลังคน จัดเตรียมอาวุธยุทโธปรกรณ์และยังเสบียงอาหารให้เพียงพอ
อิทธิก็มีงานล้นมือไปหมด เอกสารมากมายถูกส่งมาให้เขาเซ็นอนุมัติ ในตอนแรกอิทธิคิดจะเข้าไปคัดเลือกทหารด้วยตัวเองแต่ก็ไม่อาจทำตามใจได้ ทั้งงานเก่าที่ไม่ได้สะสางแล้วก็งานใหม่ที่กำลังทำอยู่อิทธิจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตามารับผิดชอบอ่านเอกสารเป็นตั้ง ๆ
"นี้คุณอาเชอร์ เอกสารทั้งหมดที่ผมต้องเซ็นมีแค่นี้ใช่ไหม" อิทธิชี้ไปยังกองเอกสารที่วางอยู่ข้างหน้าเขาถึงสองกองใหญ่
"ถ้าเสร็จหมดนี้ผมจะได้ไปดูพวกทหารซักหน่อย" เมื่อคิดได้อย่างนั้นอิทธิก็ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารอย่างเร็วแต่แล้วคำพูดของอาเชอร์ซึ่งมาทำหน้าที่เป็นเลขาของอิทธิชั่วคราวก็ทำเอาเขาถึงกับแทบจะทิ้งเอกสาร
"ครับเสร็จสองกองนี้ ก็มีนั้นอีกครับและก็นั้น แล้วก็นู้นด้วย"อาเชอร์ชี้กองเอกสารที่ถูกวางทิ้งไว้บนชั้นวางซึ่งดูคร่าว ๆ แล้วมีร่วมร้อย ทำอิทธิหมดอะไรตายอยาก ทำเอาอาเชอร์ที่คอยช่วยอยู่ข้าง ๆ อดหัวเราะออกมาไม่ได้
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่ต้องห่วงครับ เดียวเราช่วยกัน มันก็จะเร็วขึ้นแน่นอน เดียวผมจะดูว่าอันไหนสำคัญเร่งรีบอนุมัติก่อน ส่วนที่ไม่ค่อยสำคัญหรือไม่เร่งก็ปล่อยไว้ก่อนก็ได้ครับ"อาเชอร์อดไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีราวกับเด็กน้อยที่ไม่ได้ดั่งใจ จึงต้องยื่นมือช่วยเล็กน้อยสีหน้าของอิทธิก็ดีขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ไม่มากพอให้เขาหายทำหน้าเซงไปได้
ทั้งคู่ช่วยกันทำงานจนพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ตลอดเวลาที่อิทธิทำงานก็จะมีคนคอยเดินเข้ามารายงานนู้นนั้นนี้อยู่ตลอด หลังนั่งทำงานต่อเนื่องมาหลายชัวโมงอิทธิลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจแล้วเดินไปเดินมารอบห้องหลายครั้งพลางสำรวจห้องไปด้วย ซึ่งบอกได้แค่ว่าเป็นห้องทำงานที่ใหญ่มากสำหรับคนไม่กี่คน พื้นปูด้วยพรมขนสัตว์ โต๊ะของอิทธิตั้งอยู่ตรงกลางห้องพอดี ด้านหลังเป็นหน้าต่างบายใหญ่ ประดับด้วยธงประจำอาณาจักรทั้งสองฝั่ง แล้วมีโต๊ะของเลขาอยู่ถัดไปเล็กน้อย ในห้องมีทั้งชั้นใส่เอกสารและตู้หนังสือ หน้าประตูมีทหารคอยเฝ้าดูแล
อิทธิลุกเดินไปยังหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังมองออกไปเห็นสนามขนาดใหญ่ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยทหารยืนเรียงแถวกันมากมาย ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการคัดทหารตามที่อิทธิสั่ง เขายืนเหม่อมองอยู่อย่างนั้นแต่ก็มีเสียงที่หน้าประตูดึงความสนใจของเขากลับมา
"ฉันต้องการเข้าพบผู้บัญชาการคนใหม่"เสียงนี้เป็นเสียงที่เขาคุ้นเคย หลังจากแยกกันไม่นานอีโนร่าก็มาพบเขาเสียแล้ว
"ให้เข้ามาได้"อิทธิเดินไปนั่งก่อนจะอนุญาติให้เธอเขามา เธออยู่ในชุดเครื่องแบบเช่นเดิมกับสีหน้าเช่นเคย แต่ก็มีเสน่ห์ดึงดูด ทำเอาอาเชอร์จ้องมองไม่วางตา
"พึ่งมาถึงไม่คิดจะอยู่พักผ่อนสบาย ๆ หน่อยหรอคะ" อีโนร่าเป็นคนเป็นบทสนทนา เธอนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ทั้งยังสำรวจห้องไปรอบ ๆ
"ถ้ามีเวลาผมก็อยากนอนตีพุงสบาย ๆ เหมือนกันแต่มีเรื่องที่จำเป็นต้องทำก่อนแล้วคุณมีธุระอะไรถึงมาหาผมถึงนี้" ท่าทางราวกับเบื่อหนายของเขา ทำให้อีโนร่าแปลกใจไม่น้อย ด้วยตำแหน่งหน้าที่ของเธอทำให้ได้พบกับผู้บัญชาการ แม่ทัพนายกองหลาย ๆ คนแต่ไม่เคยเห็นใครทำท่าทีสบาย ๆ แบบนี้ก่อนออกไปรบเลย
"ดูคุณจะไม่กังวลเท่าไรเลยนะ"
"ใครบอกคุณละว่าผมไม่กังวล ผมนะโคตรกังวลเลยแต่จะให้ทำยังไง ร้องโวยวายไปก็ไม่ช่วยอะไร"ถึงอิทธิจะดูสบาย ๆ แต่เขาก็มีแผนการในหัวมากมาย เขาต้องคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้หลายอย่าง มีการวางแผนในหัวอยู่ตลอด คิดเสมอว่าถ้ามันเกิดอย่างนั้นขึ้นจะทำอย่างไร เกิดอย่างนู้นขึ้นจะแก้ยังไงอยู่ตลอด
"แต่คุณก็ดูสบาย ๆ เกิดไปอยู่ดีนั้น" อิทธิได้แต่ยกไหล่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี จึงได้แต่เบี่ยงประเด็นเรื่องแทน
"ช่างเรื่องของผมเถอะ มาพูดถึงธุระของคุณดีกว่า" เมื่ออิทธิพูดขึ้นอีโนร่าก็ได้แต่นิ่งไปเล็กน้อย
"เอาเถอะ...ตามคำสั่งที่ฉันได้รับมาให้คอยตรวจสอบการทำงานของคุณ ดังนั้นฉันจึงต้องติดตามคุณไปตลอดจนกว่าจะเสร็จสิ้นหน้าที่" เป็นคำพูดงง ๆ ที่ทำให้อิทธิรู้สึกไม่ดี
"หมายความว่ายังไง? ติดตามผมไปตลอดจนกว่าจะเสร็จสิ้นหน้าที่? ขอคำอธิบายแบบเข้าใจง่าย ๆ หน่อยสิ" คำต่อไปที่หลุดมาจากปากเธอทำเอาอิทธิถึงกลับปวดหัว
"จะว่าง่าย ๆ ฉันจะตามคุณไปรบด้วย"
"เฮ้ย จะได้ยังไงคุณเป็นผู้หญิง จะให้ตามผมไปได้ยังไง นั้นสนามรบนะไม่ใช้ที่ใครจะไปก็ไปจะมาก็มาได้" อิทธิถึงกับตกใจกับความคิดของที่ที่จะตามเขาไปถึงในสนามรบ
"ผมไม่อนุญาติ ไม่เด็ดขาด ยังไงก็ไม่ได้จะบ้าหรือยังไงคิดจะตามผมไปถึงสนามรบ" อิทธิปฎิเสธหัวชนฝา การจะให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอไปวิ่งตามเขาในสนามรบ ไม่ได้เด็ดขาด
"เรื่องนั้นคุณไม่มีสิทธิตัดสินใจ นี้ จดหมายจากส่วนกลางทำให้ฉันมีสิทธิในการติดตามตรวจสอบคุณ ถึงแม้จะเป็นในสนามรบก็ตาม" อีโนร่าไม่พูดปล่าว เธอหยิบแผ่นกระดาษวางลงบนโต๊ะของอิทธิ เขาหยิบมันขึ้นมาอ่านจนบรรทัดสุดท้ายก็รู็ว่าสิ่งที่เธอพูดมานั้นจริง เขาไม่มีสิทธิสั่งห้ามเธอในเรื่องนี้
"อาเชอร์ ดูสิว่าของจริงหรือป่าว?" อิทธิเรียกอาเชอร์เลขาส่วนตัวที่นั่งก้มหน้าก้มตาทำกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ใบหูก็ค่อยตั้งใจฟังที่ทั้งคู่คุยกัน เมื่อิทธิเรียกเขาอาเชอร์ก็ลุกขึ้นอย่างไวราวกับเตรียมตัวรอไว้อยู่แล้ว เขารับเอกสารจากอิทธิมา ตั้งใจตรวจสอบอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุมของแผ่นกระดาษ แต่ก็ได้ขอสรุปว่าเป็นของจริงแน่นอน ซึ่งเขารู้ดีว่าอิทธิคงจะไม่ชอบใจแน่กับคำตอบ
"ว่าไง...ของปลอมใช่ไหม? เธอปลอมมาใช่ไหม ฉันรู้เธอเป็นสายลับ ปลอมแปลงเอกสารแค่นี้ทำได้สบายอยู่แล้ว ว่าไงอาเชอร์ตอบไปว่าของปลอม" อิทธิเริ่มโว้ยวายขึ้น เขาต้องหาทางสลัดผู้หญิงคนนี้ให้หลุดให้ได้ การมีคนเดินตามก้นตลอดเวลา มีสายตาจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวเป็นอะไรที่อิทธิไม่ชอบเอามาก ๆ เสียเลย
"เอ..มันเป็นของจริงครับ" อาเชอร์ไม่กล้าจะตอบแม้เต็มเสียง คำตอบของอาเชอร์ทำเอาอิทธิถึงกับกุมขมับ คนหนึ่งกำลังเซงแต่กับอีกคนกับทำหน้าระรื่น อีโนร่าลุกขึ้นก่อนจะพูดในสิ่งที่ทำให้อิทธิถึงกับเซงมากยิ่งขึ้น
"อ้า...มันเป็นของจริงถ้าอย่างนั้นก็จบเรื่องแล้ว เธอเชื่ออาเชอร์ใช่ไหม? เตรียมห้องพักให้ฉันหน่อยสิ พอว่าคงต้องอยู่กันไปอีกนาน...ขอตัวลาก่อนนะคะ" ไม่วายอีโนร่าลุกขึ้นแล้วจะเดินออกจากห้อง แต่ก็หยุดแล้วหันมาหาอิทธิ
"ถ้าคุณจะออกเดินทางเมื่อไร อย่าลืมไปเรียกฉันด้วยนะ" แล้วเธอก็เดินออกไป ทำเอาอิทธิทุบโต๊ะด้วยความยียวนของเธอ
"ดูเธอไปถึงสนามรบเมื่อไรฉันจะส่งเธอกลับเลย คอยดู" เมื่อได้อารมณ์เสียกับการพูดคุยไปแล้ว อิทธิก็หมดอารมณ์จะทำงานต่อ เขาออกจากห้องไปคิดจะไปยังสนามด้านหน้าดูการคัดเลือกทหารแทน โดยมีทหารที่เฝ้าประตูสองนายตามมาติด ๆ และอาเชอร์ที่หอบหิ้วเอกสารและร้องเรียกอิทธิไว้
"คุณชาร์ลครับ ยังไม่เอกสารอีกตั้งมากที่ต้องเซ็นนะครับ" แต่อิทธิดูเหมือนจะไม่สนใจ เดินออกจากห้องมุ่งไปยังสนามด้านหน้าตัวอาคาร ทิ้งให้อาเชอร์หอบหิ้วเอกสารตามหลังมา
ที่ลานด้านหน้ามีทหารยืนเข้าแถวคัดเลือกทหารให้อิทธิอย่างขมักเขม่น เมื่ออิทธิเดินเข้าไปก็มีทหารบางคนที่อยู่ในแถวหันมามองที่อิทธิ แต่ก็มีบ้างที่ไม่รู้จักอิทธิแต่บางคนที่จำเขาได้จากหนังสือพิมพ์ก็ชี้ชวนให้เพื่อน ๆ ดูจนทหารหลาย ๆ เริ่มส่งเสียงพูดคุยดังขึ้นเรื่อย ๆ
"ทหาร!!! อยู่ในแถว ใครให้พวกแกพูด อยากโดนลงโทษกันหรือไง" นายทหารที่อยู่ด้านหน้าร้องตะโกนเมื่อเห็นทหารเริ่มพูดคุยกันเสียงดัง เขายังไม่เห็นว่าอิทธิเดินเข้ามาเขารู้เพียงทหารของเขาเริ่มวุ่นวายขึ้นแต่เมื่ออิทธิเดินเข้าไปใกล้ นายทหารคนนั้นก็สังเกตุเห็นอิทธิ แต่เขาก็ดูแปลกใจเด็กหนุ่มใส่ชุดพลทหารทั่วไป กำลังเดินชมทหารในแถวของเขาโดยมีทหารสองสามนายตามหลัง ทำท่าทางราวกับนายทหารมาตรวจแถวยังไงอย่างงั้น
แต่ด้วยระยะที่ไกล แถมสั่งเกตุดี ๆ แล้วก็เห็นว่าอีกฝ่ายใส่ชุดพลทหารทั่วไปจริง ๆ
"พลทหาร!!! ที่แตกแถวอยู่นั้น มานี้รายงานตัวของคุณ ชื่ออะไร สังกัดกรมกองไหนกัน" เสียงตะโกนดังจนได้ยินไปถึงท้านแถว อิทธิที่กำลังเดินดูแถวทหาร ก็ต้องหยุดกึก คิดในใจว่าอีกฝ่ายเรียกใครกัน แต่เมื่อดูแล้วไม่มีใครขานตอบและพลทหารในแถวต่างจ้องมองมาที่เขาเป็นตาเดียว
อิทธิหันไปชี้ที่ตัวเอง ก่อนที่นายทหารคนนั้นจะตะโกนเรียกอีกครั้งทั้งยังกวักมือเรียกอิทธิ คราวนี้เขาจึงรู้ตัวว่านายทหารคนนั้นตั้งใจเรียกตัวเขาเอง
"พลทหารหรือ?" ถึงอิทธิจะมีตำแหน่งสูงสุดแต่ด้วยความวุ่นวายและเร่งรีบทำให้เขาไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเลย อย่างมากก็ทอดแล้วตากไว้ ตลอดเวลาเขาก็ยังสวมใส่ชุดพลทหารมาโดยตลอดมันจึงเป็นภาพน่าแปลกตาที่มีพลทหารเดินนำเหล่าแม่ทัพนายกองระดับสูง
เมื่อได้สติอิทธิก็เดินไปหานายทหารที่ตอนนี้มันใจแล้วว่าอิทธิเป็นพลทหารจริง ๆ ด้วยเครื่องแบบที่เขาสวมใส่ อิทธิเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้านายทหารคนนั้น โดยมีทหารเดินตามหลังมาไม่ห่าง
"นี้นายชื่ออะไรกัน สังกัดกรมกองไหนถึงได้มาเดินแตกแถวอยู่คนเดียว"นายทหารตะโกนใส่หน้าอิทธิดังไปทั่วจนหลายคนได้ยิน รวมถึงนายทหารคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็หันมาให้ความสนใจกันหมด
"เออ...คือว่าอย่างนี้นะ" อิทธิไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ถ้าจะบอกว่าเขาเป็นผู้บัญชาการสูงสุดในชุดพลทหารก็จะไม่น่าเชื่อเท่ารไรนัก ถึงคำสั่งแต่งตั้งจะมาถึง แต่ด้วยยุคสมัยที่ไม่มีรูปถ่าย พวกเขาล้วนไม่เคยเจออิทธิตัวจริงมาก่อน อย่างมากรู้ก็แค่เพียงชื่อจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะไม่รู้จักเขา
"มัวอ้ำ ๆ อึ่ง ๆ อะไร ชื่อและสังกัด เร็วเข้า" นายทหารก็ยังคงตะโกนใส่อิทธิ จนตอนนี้นายทหารหลายคนเริ่มเข้ามาดูด้วยความสนใจ รวมไปถึงนายทหารระดับสูงที่มาคอยสังเกตุเฉย ๆ ก็เริ่มลุกขึ้นมองดูด้วยความสนใจ
"เออ...ผมพลทหารชาร์ล ลี เบอแกรน ส่วนสังกัดเออ..ไม่รู้สิ สังกัดผู้บังคับบัญชาสูงสุด มั้งนะ?" การตอบที่เล่นทีจริงของเขา ทำเอานายทหารที่เป็นคนถามเริ่มมีอารมณ์โมโหกับการตอบของอิทธิ
"อะไรนะ ชื่ออะไรนะ แล้วสังกัดนั้นอะไร ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย นี้คุณกวนผมอย่างนั้นหรอ อยากให้ผมลงโทษคุณใช่ไหม" นายทหารคนนั้นตอบไปด้วยความโมโห น้ำเสียงเขาก็ยิ่งดังขึ้น จนได้ยินกันไปทั้งสนาม ตอนนี้ทุกคนต่างมุ่งความสนใจที่ตรงนี้กันหมด การทดสอบเริ่มหยุดชะงักลง
แต่ในความวุ่นวายอยู่นั้น ก็มีนายทหารบางคนที่พอจะมีสติ เริ่มรู้และจำได้ว่าเขาเป็นใคร บางคนคิดรีบวิ่งมาคิดจะห้ามและหยุดสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อเห็นว่าเพื่อนนายทหารกำลังก่อเรื่องกับผู้บังคับบัญชาสูงสุดคนใหม่ แต่เหมือนทุกอย่างจะไม่ทันแล้ว
"ผมบอกชื่อแล้วสังกัดของผมแล้ว คุณละชื่อและสังกัดอะไร" อิทธิถามกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขาไม่ได้ใส่ใจกับท่าทีของอีกฝ่าย เขารู้ดีว่าเพราะอะไรและทำไมทหารนายจึงแสดงท่าทีเช่นนี้
"ห๊ะ คุณย้อนถามผมหรอ คุณเป็นแค่พลทหาร คุณไม่มีสิทธิมาถามผม ผมสิต้องถามคุณ ดูท่าคุณต้องถูกลงโทษถึงจะได้รู้จักกฎทหารให้ดียิ่งขึ้น" นายทหารยั่วจัดกับท่าทีไม่สะทกสะท้านของอิทธิ เขาเดินเข้าใกล้อิทธิจนแทบชิด ทำให้อิทธิรู้ว่า นายทหารคนนี้ตัวใหญ่แค่ไหน เขาสูงกว่าอิทธิเกือบสองช่วงศีรษะ ลำตัวและแขนหน้ากว่าอิทธิถึงสองเท่าได้ พอมองใกล้ ๆ แล้วเหมือนก้อนหินก้อนใหญ่ลูกหนึ่ง
แต่ดูเหมือนถูกอย่างจะถูกเบรกไว้ได้ทัน เพื่อนทหารที่วิ่งมาแต่ไกลเข้ามาล็อคแขนทั้งสองข้างของทหารกล้ามโตคนนี้ได้ทัน จนทำเอาเขาถึงกับงุงงง
"ขอประทานอภัยครับ ผมพันตรีเดอร์ชอง สังกัดหน่วยทหารราบที่ 4 ครับ" เป็นนายทหารวัยกลางคนในชุดเครื่องแบบสีดำสนิทคนหนึ่งเข้ามาแทรกตัวไว้แทน ส่วนนายทหารกล้ามโตคนนั้นถูกนายทหารอีกสองนายล็อคแขนแล้วลากถอยออกไปด้วยสีหน้างุงงงสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น
"อ๋อ...ผมชาร์ล ลี เบอแกรน ส่วนสังกัดนั้นเออ...ก็คงอย่างที่บอกนายทหารคนนั้นไปละมั้งนะ" อิทธิยังคงทำหน้าตาย แต่คนอื่นดูจะไม่สนุกด้วย
"ทหาร!!! ทำความเคารพผู้บัญชาการ" พันตรีเดอร์ชองตะโกนก้อง ทำให้ทหารตางทำความเคารพอย่างงุงงง อิทธิไม่รอช้าให้ใครมาอธิบายเขาเดินไปยังด้านหน้าของเหล่าทหารทั้งหมด
"สวัสดี ผมชาร์ล ลี เบอแกรน เข้ามารับตำแหน่งผู้บัญชาการชั่วคราว" การแนะนำตัวของอิทธิทำเอาทหารต่างพูดคุยกันเสียงดัง วิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่ว บางคนรู้สึกไม่ได้โดยเฉพาะนายทหารที่พึ่งตะคอกใส่อิทธิไปโดนลากออกไปด้านข้างในตอนแรกเขาก็สับสนทั้งยังขัดขึนร้องโวยวาย จนกระทั้งได้ยินอิทธิแนะนำตัวเขาถึงกับเข่าทรุดลงไปนั่ง นี้เขาพึ่งตะคอกและขู่จะลงโทษผู้บัญชาการไป ดูถ้ามีเพียงคุกทหารที่รอเขาอยู่ เพื่อน ๆ ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็ได้แต่สงสารกับความซวยของเขา ดันซวยไปเจอผู้บัญชาการที่แต่งตัวแบบพลทหารถือเป็นคราวซวยของเขาไป
"อะแฮ่ม ๆ ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื้อกี้ถือว่าเป็นการเข้าใจผิดนิดหน่อย กลับมาเข้าเรื่องของเรา ที่ผมออกคำสั่งให้มีการคัดเลือกนายทหารที่มีความเพียบพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจก็เพื่อปฎิบัติการสำคัญ ดังนั้นเราจึงจำเป็นที่จะต้องการทหารที่เข้มแข็งที่สุดทั้งทางด้านร่างกายและทางด้านจิตใจ ผมจึงมาคอยสังเกตุการณ์ดูเพื่อให้ในใจว่าผมจะได้ทหารที่ดีทีสุดไปร่วมรบเคียงข้างผมในการขับไล่ข้าศึกของเราออกไป เพราะอย่างนั้นตั้งใจแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ ผมดูพวกคุณอยู่" พูดจบอิทธิก็แยกตัวออกไป เขาสั่งให้ทุกอย่างดำเนินการต่อ ส่วนเขาเดินเข้ามานั่งสังเกตุดูการทดสอบร่วมกับนายทหารคนอื่น ๆ
นายทหารที่เคยนั่งอยู่ต่างรีบลุกขึ้นหลีกทางให้อิทธินั่งก่อน ทั้งยังเอาอาหารและเครื่องดื่มมาเสิรฟ ทั้งยังพยายามชวนอิทธิคุยแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้สนใจ เพราะมัวแต่ดูการทดสอบ แต่เมื่อเห็นว่าการทดสอบนั้นดูจะไม่เห็นมีประสิทธิภาพ ดูเหมือนเด็ก ๆ วิ่งเล่นกันเสียมากกว่า ทำเอาอิทธิหงุดหงิดไม่น้อย
"ดูถ้าแบบนี้คงไม่ได้เรื่องแน่ คงต้องเปิดตำราโฉดมาหาคนไปร่วมรบสักหน่อยแล้ว" อิทธิคิดในใจก่อนเรียกอาเชอร์ที่หอบเอกสารอยู่ให้ไปทำอะไรบางอย่าง
