7. คำขู่
ตอนที่ 7. คำขู่
“เอาล่ะๆ เรามาทานข้าวกันดีกว่า อาเริ่มหิวแล้วเหมือนกัน”
สิ้นเสียงของเปรมชัยดวงตาคมก็เหลือบลงไปมอง จานอาหารก่อนตัวเองเล็กน้อย ก่อนที่น้ำเสียงใสของคนข้างกายจะดังขึ้น
“ทานให้อร่อยนะคะ^^” ปรีชญาเอ่ยบอกพร้อมกับรอยยิ้มสดใส
“ครับ”
มือหนาเอื้อมไปหยิบช้อนซ้อมก่อนจะหั่นเนื้อชิ้นใหญ่ด้วยความชำนาญ ท่ามกลางสายตาลุ้นระทึกของปรีชญาที่มีแผนร้ายอยู่ในใจ ในขณะที่อาชากำลังใช้ส้อมจิ้มเนื้อสเต๊กเตรียมตักเข้าปากนั้น
”ขออนุญาตค่ะ เจ้าสัวคะ ท่านพิเทพโทรมาค่ะ“ เสียงสาวใช้ดันดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน อาชาจึงชะงักวางส้อมลงไปด้วย เพราะเขารู้จักท่านพิเทพที่ถูกพูดถึงเช่นกัน
”อืม ทานกันไปก่อนเลยนะ อาขอตัวไปคุยกับรองนายกก่อน“ เจ้าสัวเปรมชัยเอ่ยบอกพร้อมกับเดินออกไปจากห้องอาหารอย่างว่องไว ปล่อยให้ปรีชญากับอาชานั่งเผชิญหน้ากันอยู่สองคนในขณะนี้
“ไหนๆเราก็อยู่กันสองคนแล้ว ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณค่ะ”
เมื่อได้โอกาสปรีชญาก็ไม่รอช้าที่จะเปิดบทสนทนาที่ตัวเองต้องการออกมาอย่างทันท่วงที
“ว่ามาสิครับ” ปากหนาตอบกลับอย่างอยากรู้เช่นกันว่าอีกคนอยากพูดอะไรกับเขา
“ฉันอยากให้คุณเปลี่ยนใจยกเลิกงานหมั้นระหว่างเราสองคนค่ะ”
“.....ทำไมผมต้องทำแบบนั้น” อาชาถามกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ เขาเองก็พอจะเดาสถานการณ์เอาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นรวดเร็วแบบนี้
“เพราะว่าฉันไม่อยากหมั้นกับคุณค่ะ” ปากเล็กขยับตอบออกไปตรงๆ นั่นทำให้มาเฟียหนุ่มเริ่มเข้าใจมากขึ้นถึงความหัวแข็งของเธอ เธอทำดีและดูเหมือนจะใส่ใจเขา เหตุผลก็เพราะแบบนี้สินะ
“ผมคงทำแบบนั้นให้ไม่ได้”
คำตอบที่อีกคนตอบกลับมาทำให้ใบหน้าสวยค่อยๆหุบยิ้มลง ปรีชญารับรู้ได้ในทันทีว่าการเจรจาต่อรองกับอีกคนแบบดีๆนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่าย เดิมทีนั้นแผนการวางยาถ่ายที่หญิงสาวสร้างขึ้นมาเพื่อที่จะเอามาขู่อีกคนเฉยๆ เธอไม่ได้คิดจะปล่อยให้อีกคนดื่มน้ำส้มแก้วนั้นจริงๆ แต่พอได้เห็นท่าทางหมายมั่นตั้งใจของเขาว่าจะไม่ยอมยกเลิกงานหมั้นอย่างง่ายๆ ปรีชาญาก็ค่อยๆเริ่มเปลี่ยนความคิด
ถ้าเขาไม่ยอมทำตามคำขอร้องของเธอแบบดีๆ....ก็คงไม่แย่เท่าไหร่หากพรุ่งนี้อาชาจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในห้องน้ำทั้งวัน
"ทำไมคะ คุณไปตกลงอะไรกับคุณพ่อของฉันเอาไว้.....ฉันอยากให้คุณลองคิดดูดีๆ การเป็นคู่หม้้นของฉันมันไม่ได้สนุกอย่างที่คุณคิดเอาไว้หรอกนะคะ“
อาชาได้ยินแบบนั้นก็นิ่งไป แม้จะไม่ได้รู้สึกอยากหมั้นแต่ด้วยความที่เขานับถืออาเปรมชัยอยู่มาก ทำให้อาชาไม่ได้มีความคิดอยากถอนหมั้นถ้าเขายังไม่หมั้นกับอีกคนจนครบดำหนด เพราะถ้าให้พูดตามตรงหากอาชาสามารถตกลงเรื่องขอให้นายกช่วยเซ็นเรื่องภาษีสินค้านำเข้าให้กับบริษัทของเขาได้.....นั่นมันก็คุ้มกับการเป็นคู่หมั้นกับคนข้างๆภายในระยะเวลาแค่สามเดือน
“ผมรู้ แต่ผมคงทำแบบนั้นให้คุณไม่ได้จริงๆ ถ้าคุณไม่อยากให้พ่อของตัวเองเป็นห่วง ทำไมถึงไม่แสดงให้คุณอาเห็นล่ะครับว่าคุณสามารถดูแลตัวเองได้”
อาชาตัดสินใจหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเปิดประเด็น เพราะเขาอยากให้หญิงสาวหันไปสนใจเรื่องอื่น ซึ่งเหมือนจะได้ผล พอโดนอีกคนพูดออกมาแบบนั้น เธอก็รู้สึกว่าตัวเองโดนหลอกด่า ปรีชญารู้สึกควันออกหูเล็กน้อย ไม่รู้ว่าพ่อของตนเองไปบ่นอะไรให้อีกคนฟังบ้าง คงหนีไม่พ้นเรื่องที่เธอดูแลตัวเองไม่ได้น่ะสิ!
“คุณกำลังหลอกด่าฉันอยู่เหรอคะ“ ปากเล็กถามออกไปด้วยสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย
เพราะอาชาค่อนข้างแตกต่างจากคู่หมั้นคนอื่นๆของเธออยู่พอสมควร เขาดูพูดจามีเหตุผลและกล้าจะต่อล้อต่อเถียงกับเธอด้วยที่หน้าที่ทำราวกับไม่รู้สึกอะไร นั่นทำให้แม้จะอยากต่อต้านงานหมั้น แต่สำหรับเธอแล้วอาชากลับเป็นผู้ชายที่น่าสนใจ มันช่างขัดแย้งกันเหลือเกิน
”เปล่า แต่ถ้าคุณอยากรับ....ก็รับไป“
”นี่คุณ!“ ในขณะที่หญิงสาวกำลังจะหันไปเอาเรื่องมาเฟียหนุ่มอยู่นั้น
”มีอะไรกันหรือเปล่า?“ พ่อของเธอเดินกลับเข้ามาพอดี ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักไปอย่างกระทันหัน ท่ามกลาวสีหน้าติดเหวี่ยงเล็กๆของปรีชญาที่เพิ่งโดนหลอกด่าไปหมาดๆ แต่ดูเหมือนอาชาเองก็เลือกที่จะไม่สนใจ
เขามีท่าทีนิ่งเฉย....ทำราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยจริงๆ
“ไม่มีอะไรครับคุณอา คุยกับทางนั้นเรียบร้อยดีไหมครับ” ปากหนาเลือกที่จะถามเรื่องอื่นที่เขาอยากรู้มากกว่าออกไป
“อืม เรียบร้อยดี คุณพิเทพอยากนัดทานข้าวกับอาน่ะ” เปรมชัยตอบกลับ เขาเองก็พยายามจะช่วยเหลือในสิ่งที่อีกคนต้องการอย่างเต็มที่
ได้ยินแบบนั้นมาเฟียหนุ่มก็พยักหน้าตอบอย่างพึงพอใจ
“ทานข้าวกันดีกว่า คงหิวกันแย่แล้ว”
“ครับ”
เมื่อบทสนทนาจบลง การรับประทานอาหารก็ค่อยๆเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางสีหน้าแอบลุ้นของปรีชญาที่คอยลอบมองคนข้างๆอยู่ตลอเวลา
กึก...
ใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มลูกครึ่งค่อยๆชะงักไปเมื่อสเต๊กคำแรกถูกตักเข้าปาก รสชาติเค็มจัดก็ค่อยๆแพร่กระจายออกมาจนเต็มปากของเขา ปากหนาหยุดเคี้ยวเนื้อชิ้นนั้นอัตโนมัติ เขาไม่รู้ว่าหญิงสาวใส่เกลือลงไปมากแค่ไหน ทำไมมันถึงได้เค็มขนาดนี้จนเขาเผลอคิดว่าคู่หมั้นของตัวเองเผลอทำเกลือหกใส่
หมับ!
มือหนาไม่รอช้าที่จะหันไปคว้าแก้วน้ำส้มที่วางอยู่ข้างตัวมายกดื่มแหวังผ่อนรสชาติเค็มราวกับมหาสมุทรนั้นออกไป โดยมีปรีชญานั่งยกยิ้มมุมปากอยู่ข้างๆ
สมน้ำหน้า....ในเมื่อไม่อยากยอมตกลงกับเธอแบบง่ายๆเอง ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องสนใจ
”มีอะไรหรือเปล่า?“ เปรมชัยหันมาถามหลานชายเมื่อเห็นว่าอีกคนมีท่าทางที่เปลี่ยนไป
“เปล่าครับคุณอา”
“สเต๊กฝีมือลูกสาวอาเป็นยังไงบ้าง พอใช้ได้ไหม ปกติยัยปริมไม่ค่อยได้ทำอาหารให้ใครทานนะ”
เปรมชัยชวนคุยอย่างอยากสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้ทั้งสอง แม้จะเริ่มรู้ตัวว่าตอนนี้เขาคงกำลังโดนปรีชญาเล่นงานเข้าให้แล้ว แต่อาชาก็เลือกที่จะตอบกลับออกไปตรงข้ามกับความเป็นจริง เพราะเขาไม่อยากให้แผนของหญิงสาวนั้นสำเร็จ อีกอย่าง....ในเมื่อสิ่งที่เขาต้องการยังไม่สำเร็จ เขาก็จะไม่มีวันยกเลิกงานหมั้นเป็นอันขาด
ต่อให้ต้องทานสเต๊กรสชาติที่แย่ที่สุดในชีวิตจนหมดจานก็ตาม
“ก็รสชาติดีอยู่นะครับ”
“ถ้าอร่อยก็ทานจนหมดเลยนะคะ ถ้าเป็นแบบนั้นปริมจะดีใจมากๆ^^” รอยยิ้มแฝงความร้ายกาจถูกส่งมายังร่างสูง อาชาจึงอดไม่ได้ที่จะหันมามองใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยรังสีความท้าทายจากอีกคน
“.....” ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่ตอบกลับ เขายิ้มให้เธอบางๆก่อนจะฝืนใจ เคี้ยวสเต๊กที่โคตะระเค็มลงไปอย่างยากลำบากและแนบเนียนที่สุดโดยไม่ให้ผู้เป็นอาสังเกตุเห็น
เขาหวังว่าสักวัน....เขาจะได้เอาคืนเจ้าของร่างบางข้างๆที่บังอาจมาแกล้งเขาแบบนี้
ฝากไว้ก่อนเถอะปรีชญา....
