13. เดี๋ยวฉันจัดการเอง
ตอนที่ 13.เดี๋ยวฉันจัดการเอง
“โห่ สวยจริงๆด้วยวะ หุ่นอย่างกะนางแบบ” เพียงได้เห็นปร๊าดเดียวอัศวินก็สามารถรับรู้ได้ถึงความสวยงามของปรีชญาอย่างทันท่วงที
ผิดกับอาชาที่ยังคงเอาแต่นั่งหน้านิ่ง....รู้สึกไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่กับคำพูดนั้น
“ก็งั้นๆ” เขาว่าพลางหันไปสั่งค็อกเทลแก้วใหม่
”หึ ใครจะไปสวยเท่าแก้วตะ....“ อัศวินชะงักปากเอาไว้แทบไม่ทัน เมื่อรู้ตัวว่าเกือบจะเผลอหลุดพูดชื่อนั้นออกมา
ชื่อของอดีตแฟนเก่าอาชาที่ถือเป็นคำต้องห้าม นับตั้งแต่ทั้งสองคนเลิกกัน....มาเฟียหนุ่มก็ไม่เคยเอ่ยปากถึงเธออีกเลย
”ขอโทษว่ะ สงสัยกูจะเมาล่ะ“ อัศวินแก้ตัว ซึ่งอาชาก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาตามประสาคนไม่ค่อยช่างพูด ซึ่งทุกคนรอบตัวก็พอจะชินชาไปกับความเงียบของเขาหมดแล้ว
อีกด้าน
ตึก
ตึก
ปรีชญาเดินกลับเข้ามาที่ห้องวีไอพีด้านบน หลังจากที่เธอปลีกตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่ห้องน้ำชั้นบนคนกลับเต็ม หญิงสาวจึงตัดสินใจลงไปเข้าห้องน้ำขนาดใหญ่ด้านล่างแทน แต่ในขณะที่เธอกำลังจะผลักประตูเดินกลับเข้าไปด้านในห้องวีไอพีนั้น
“สั่งอีกดึปะ ไหนๆวันนี้คุณหนูปริมก็เลี้ยงละ“
”เออ เอาดิ ให้จ่ายๆไปเหอะ พ่อรวยจะตาย”
“ดีเนาะ เกิดมาบนกองเงินกองทองเนี่ย จะผลาญเงินพ่อแม่เยอะแค่ไหนก็ได้”
“งานการไม่ต้องทำค่ะ นอนใช้เงินอย่างเดียว วาสนาชัดๆ”
ทุกประโยคที่ทั้งสามคนพูดถึงเธออย่างสนุกปาก หญิงสาวได้ยินมันทั้งหมด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนรอบตัวของเธอพูดถึงเธอแบบนี้ แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินมันออกมาจากปากของคนที่ตัวเองจัดให้อยู่ในตำแหน่งของเพื่อน
ปึง!
เสียงมือเล็กตัดสินใจดันประตูเข้าไปข้างในอย่างแรง ทำเอาทุกคนที่นั่งหัวเราะชอบใจอยู่ในตอนแรก เริ่มหน้าเสียกันหมด
”อะอ้าวปริม กลับมาแล้วเหรอ“
”เอ่อ พวกเราว่าจะสั่งเครื่องดื่มมาเพิ่ม เธอโอเคหรือเปล่า“
”อื้ม เอาสิ พวกเธออยากดื่มอะไรล่ะ“ ใบหน้าสวยเฉี่ยวถามกลับด้วยแววตาเรียบนิ่งแฝงไปด้วยความรู้สึกคุกครุ่นเล็กน้อยก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา
”อะเอาแบบเดิมก็ได้“
หนึ่งในสามคนนั้นตอบกลับมาด้วยท่าทางเกร็งๆ เพราะท่าทีและแววตาที่เปลี่ยนไปของเจ้าของวันเกิดทำให้พวกเธอรู้สึกไม่มั่นใจว่าเมื่อครู่ ปรีชญาจะได้ยินบทสนทนาพวกนั้นไหม
”เอาแบบเดิมมาอีกสิบขวด“ ปากเล็กหันไปเอ่ยบอกพนักงาน
“มันไม่เยอะไปเหรอ” นิกกี้เอ่ยถาม สิบขวดมันมากเกินไป แม้จะอยากใช้เงินของอีกคนเพื่อซื้อเครื่องดื่มมาเพิ่มก็เถอะ
“ไม่หรอก วันนี้วันเกิดฉันนี่นา ใช้เงินซื้อเหล้าไปแค่นี้พ่อฉันไม่ว่าอะไรหรอกน่ะ ก็ฉันเกิดมาบนกองเงินกองทองนี่^^” เธอกดยิ้มตอบกลับทำเอาทั้งสามหันไปมองหน้ากันด้วยความรู้สึกเย็นยะเยือก เพราะประโยคนั้นมันคือประโยคประชดประชันที่พวกเธอเพิ่งพูดไปก่อนหน้า
หลังจากนั้น.....ทุกคนก็ไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกมาอีกเลย
หลายชั่วโมงผ่านไป
“......” จีโน่ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเดินขึ้นมาถึงห้องวีไอพีของผับชื่อดัง
เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาติดต่อเจ้านายสาวไม่ได้ จึงตัดสินใจเดินเข้ามาในผับเพื่อดูว่าอีกคนนั้นยังปกติดีไหม แต่หลังจากมาถึงร่างสูงของบอร์ดี้การ์ดหนุ่มก็แทบจะคิดไม่ตกกับภาพที่เห็น
ภาพของสี่สาวที่อยู่ในสภาพเมามาย บนโต๊ะมีขวดเหล้าวางเกลื่อนไปหมด เรียกได้ว่าตอนนี้แทบไม่มีใครได้สติเลยสักคน
“อาวมาอีก จาดื่มต่อ” เสียงนั้นเป็นเสียงของปรีชญาที่ฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะในสภาพเมามาย แต่ก็ยังคงร้องเรียกอยากจะดื่มต่อไป
“พอล้าว พอล้าว อึก”
“ฉะฉ้านไม่ไหวแล้ว”
จูโน่ส่ายหัวออกมาเบาๆให้เขาเหตุการณ์ที่เกิดขึันตรงหน้า ก่อนที่ร่างสูงจะสาวเท้าเข้าไปหาปรีชญาพร้อมกับพยุงตัวของเธอขึ้นมาเพื่อพากลับคฤหาสน์ เพราะอีกไม่กี่นาทีผับก็จะปิดแล้ว
“กลับบ้านกันครับคุณหนู”
พรึ่บ!
“อะอ๊ะ! ละโลกหมุน!” ทันทีที่โดนหิ้วปีกให้ลุกขึ้นมา คนตัวเล็กก็เริ่มโวยวาย สาเหตุก็มาจากการที่เธอดื่มมากจนเกินไป ทำให้เกิดอาการเวียนหัว
“ค่อยๆเดินครับ” จูโน่เอ่ยบอกพร้อมกับพาเจ้านายสาวเดินออกไปจากห้องนี้อย่างระมัดระวัง
“ฝากจัดการสามคนที่เหลือด้วยนะครับ” การ์ดหนุ่มไม่รอช้าที่จะเอ่ยปากบอกพนักงานด้านหน้า
เขาพาคุณหนูของตัวเองเดินลงไปยังชั้นล่างอย่างทุลักทุเลเพราะอีกคนตอนนี้แทบจะเดินก้าวไปข้างหน้าไม่ไหว ปรีชญาแทบไม่มีสติเลย ไม่รู้ว่าดื่มไปมากแค่ไหนกัน
ในระหว่างที่จูโน่พาหญิงสาวเดินลงมาถึงบริเวณหน้าบาร์ชั้นหนึ่ง สายตาของบอร์ดี้การ์ดหนุ่มก็ค่อยๆชะงักไปก่อนที่เขาจะตัดสินใจหยุดเดิน เมื่อเห็นว่าใครกำลังยืนมองตนเองอยู่
“สวัสดีครับคุณอาชา” จูโน่ที่จำได้เอ่ยทักทายอีกคนด้วยน้ำเสียงสุภาพ
ในขณะที่อาชานั้นได้แต่มองภาพของหญิงสาวตรงหน้าที่ดูไม่จืดนัก ไม่ต่างอะไรลูกหมาตกน้ำเลยสักนิด เขาล่ะอยากให้อัศวินที่เพิ่งขอตัวกลับไปก่อนหน้าได้มาเห็นหญิงสาวในเวอร์ชั่นนี้จริงๆ เขาอยากรู้ว่าสภาพแบบนี้ยังจะเรียกว่าสวยได้อีกไหม
“ทำไมสภาพถึงเป็นแบบนี้” ที่เขาต้องเรียกว่าสภาพเพราะมันเป็นแบบนั้นจริงๆ
ตอนนี้ปรีชญาแทบไม่เหลือเค้าโครงของคุณหนูอยู่เลย
“วันนี้วันเกิดคุณหนูครับ น่าจะดื่มหนักไปหน่อย”
“ไม่น่าจะหน่อยแล้วมั้ง” กองทัพที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้านายเผลอพูดออกมาตามสิ่งที่ตัวเองคิด
“แล้วพรุ่งนี้จะตื่นไปลองชุดแต่งงานไหวเหรอ” อาชาเอ่ยถามจูโน่เพื่อขอความคิดเห็น
“ปกติถ้าคุณหนูเมาหนักแบบนี้จะตื่นเที่ยงเลยครับ ถ้าคุณอาชานัดร้านตอนบ่าย ผมว่าน่าจะทัน”
อาชามองคนตรงหน้าอย่างขบคิดอะไรบางอย่าง เขาไม่จำเป็นจะต้องเลื่อนนัดร้านชุดเพื่อรอให้คนตรงหน้าหายสร่าง เมื่อคิดได้แบบนั้น คนที่เริ่มมีแผนร้าย....สำหรับการเอาคืนจึงรีบตอบกลับ
“ส่งปรีชญามาให้ฉัน“ อาชาเอื้อมมือไปจับแขนเล็กที่ยืนหลับกลางอากาศไปแล้วเอาไว้ ท่ามกลางสีหน้างุนงงของจูโน่
”ครับ?“
”เดี๋ยวฉันจัดการเอง....“
”......นายกลับไปเถอะ แล้วบอกคุณอาว่าไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลปรีชญาเป็นอย่างดี“
แม้จะรู้สึกลังเล แต่สุดท้ายจูโน่ก็จำเป็นต้องปล่อยเจ้านายสาวส่งไปให้ว่าที่เจ้าบ่าวของเธอ
ในขณะที่มุมปากหนาค่อยๆแสยะยิ้มร้ายออกมาพร้อมกับแผนการของเขาที่ต้องการจะปั่นหัวร่างเล็กที่เมาหลับไม่ได้สติ วินาทีนั้นเองเขาถึงได้รู้ว่า....แผนการของตนเองได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
และคนอย่างเขานี่แหละจะกำจัดคนดื้อด้านอย่างเธอให้อยู่หมัด
