12. ฉลองวันเกิด
ตอนที่ 12. ฉลองวันเกิด
“ทั้งหมดหนึ่งหมื่นเก้าร้อยบาทค่ะ”
พรึ่บ!
“นี่ครับ”
ปรีชญาชะงักหันไปมองหน้ามาเฟียหนุ่มเล็กน้อย หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จสรรพ ก็ไม่ได้มีบทสนทนาอะไรเกิดขึ้นอีกระหว่างเธอกับเขา ในระหว่างที่หญิงสาวกำลังจะคว้าหากระเป๋าตังค์ของตัวเอง มือหนาก็ชิงหยิบบัตรเครดิตของตัวเองยื่นไปให้พนักงานคิดเงินเสียก่อน
“ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดก็แล้วกัน” เขาพูดออกมาอย่างนึกรู้ในสายตาที่มองมาของเธอ
“ขอบคุณ” แม้จะไม่ได้อยากให้อีกคนจ่ายให้ แต่ทว่าพอเขาพูดออกมาแบบนั้น หญิงสาวก็จำต้องพูดแบบนั้นออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
ถึงจะเป็นผู้หญิงเฟียสๆแต่เธอก็รู้จักกาละเทศะและแอบรู้สึกดีลึกๆที่อย่างน้อยๆวันนี้เธอก็ไม่ต้องฉลองวันเกิดคนเดียว
“เสร็จเรียบร้อยค่ะ ขอบพระคุณมากนะคะ โอกาสหน้าไว้พบกันใหม่ค่ะ” สิ้นเสียงหวานของพนักงานดังขึ้น มือหนาก็เอื้อมไปรับบัตรเครดิตไม่จำกัดวงเงินของตัวเองกลับคืนมา
“แยกกันตรงนี้เลยก็แล้วกัน” เขาหันมาเอ่ยบอกเธอ
“ก็แล้วแต่สิ” ปากเล็กตอบกลับด้วยท่าทางเชิ่ดๆ ก่อนจะเดินสะบัดผมออกไปหาบอดี้การ์ดของตัวเองด้วยท่าทางอวดดีอย่างที่เป็นมาตลอด
ทำเอามาเฟียหนุ่มที่มองตามไปห่างๆอดไม่ได้ที่จะรู้สีกหมั่นไส้
หลายชั่วโมงต่อมา....
@Party Club
"สุขสันต์วันเกิดจ้ะปริม“
”มีความสุขมากๆนะ วันนี้เธอสวยมาก“
”สมแล้วที่เป็นวันเกิดเธอ จัดเหล้าราคาแพงที่สุดมาขนาดนี้ ของขวัญที่พวกเราเตรียมมาคงไม่สำคัญแล้วสิ“
นิกกี้ กิ๊บ ดาด๊า สามสาวเพื่อนในแก๊งสมัยมหาลัยเอ่ยทักเจ้าของวันเกิดในวันนี้ออกมาด้วยท่าทางยิ้มแย้มกระดี๊กระด๊าที่ได้มาเที่ยวผับสุดหรูโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลยสักบาท
เดิมทีนั้นพวกเธอเองก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรกับปรีชญามากมายขนาดนั้น ในตอนเรียนก็เจอกันนานๆครั้ง เว้นแต่อีกคนต้องการหาเพื่อนออกมาดื่มสังสรรค์อย่างวันนี้ก็เท่านั้น หรือเรียกง่ายๆว่าเป็นเพื่อนกันแบบผิวเผินมากกว่า
“ขอบใจนะทุกคน มาเหอะ ฉันอยากปาร์ตี้จะแย่อยู่แล้ว“ ปรีชญาเอ่ยตอบทุกคนออกไปด้วยสีหน้าที่กระหายเครื่องดื่มสุดๆ อันที่จริงเธอจะดื่มคนเดียวโดยไม่ต้องโทรตามทั้งสามคนมาก็ได้ แต่ไหนๆก็วันเกิดทั้งที อย่างน้อยๆก็ควรจะมีคนมาช่วยฉลองหน่อย
เหล้าไม่กี่หมื่นแค่นี้ ซื้ออีกสิบขวดขนหน้าแข้งของเธอก็ไม่มีทางร่วงหรอก
“ก่อนจะดื่ม รับของขวัญจากพวกฉันไปก่อนสิ มันอาจจะไม่ได้แพงอะไรมากนะ แต่พวกฉันตั้งใจเลือกมาให้เธอโดยเฉพาะเลย” ดาด๊ายื่นถุงเสื้อผ้าแบรนด์หรูไปให้คนตรงหน้า ปรีชญารับถุงนั้นมาวางเอาไว้ข้างตัว ก่อนจะกวักมือเรียกให้พนักงานหน้าห้องเข้ามาบริการชงเหล้าให้กับพวกเธอ
“เอ้า ชน”
“คืนนี้ไม่เมาไม่ต้องกลับนะ”
เสียงหวานเอ่ยบอกก่อนที่ทุกคนบนโต๊ะ พร้อมกับยกแก้วขึ้นมาชนกันอย่างสนุกสนานไปพร้อมเสียงดนตรีสุดมันส์จากทางผับที่มีดีเจตัวท็อปมาเปิดทุกคืน
อีกด้าน
ตึก
ตึก
”เฮ้ย ทางนี้“
อาชาหันไปมองตามเสียงอันคุ้นเคยก่อนที่เขาจะสาวเท้าเดินเข้าไปหาอัศวิน เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่ยังติดต่อกันอยู่นับตั้งแต่เรียนจบไปหลายปี วันนี้เขานัดเจอเพื่อนในรอบหลายเดือนเพราะอยากชวนอีกคนให้มาร่วมงานแต่งที่ใกล้จะถึงในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้านี้ด้วย
อย่างน้อยๆในตอนที่อีกคนแต่งงานก็เชิญเขาไป แม้งานแต่งครั้งนี้จะถูกจัดขึ้นมาอย่างกระทันหัน แต่อาชาก็คิดว่าเขาควรเชิญอีกคนไปเพราะตอนนี้เขาไม่มีญาติที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยเลย ถึงจะมีแม่เป็นคนไทย แต่นับตั้งแต่แม่ของเขาไม่อยู่บนโลกใบนี้ ญาติฝั่งนั้นก็ไม่ได้ติดต่ออะไรเขามาอีก
“ไม่ได้เจอกันนาน ยังหล่อหน้าตายเหมือนเดิมเลยนะ“
”วันนี้เอาลูกน้องมาด้วยเหรอวะ มาสิกองทัพจะดื่มอะไรเดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง“ อัศวินไม่เพียงแต่เอ่ยทักทายเพื่อนของตัวเองเท่านั้น เขายังหันไปพูดกับลูกน้องคนสนิทของเพื่อนที่รู้จักกันดีอีกด้วย
”ขอบคุณครับคุณวิน งั้นผมไม่เกรงใจนะครับ“
”หึ เอาเหอะ ตามสบาย” อัศวินยักไหล่ บ่อบอกว่าเขามีเงินมากพอที่จะเลี้ยง
“เอามาตินี่แก้วหนึ่ง“ มาเฟียหนุ่มหันไปสั่งค็อกเทลกับบาร์เทนเดอร์
”มาถึงก็เอาตัวแรงเลยเหรอวะ แล้ววันนี้นัดกูมามีอะไรวะเพื่อน“ อัศวินเอื้อมมือพาดบ่าเพื่อนรักด้วยท่าทางสนิทสนมเป็นกันเอง ก่อนหน้านี้เขาเผลอรีบดื่มไปก่อนจนรู้สึกเริ่มเมานิดๆ
”วันจันทร์นี้ว่างหรือเปล่า“
“ก็ว่างนะ มีอะไรวะ”
“จะชวนมางานแต่ง” เขาว่าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ทำเอาคนที่ได้ยินงุนงงไปชั่วขณะ
“งานแต่งใคร?”
“กู”
“ฮะ? มึงเนี่ยอะนะจะแต่งงาน” อัศวินดึงแขนกลับอย่างรวดเร็วก่อนจะนั่งตัวตรงหันมาถามอีกคนด้วยสีหน้าข้องใจ
เขาไม่เคยเห็นอาชามีแฟนเลยด้วยซ้ำนับตั้งแต่ที่เลิกกับแฟนเก่าคนล่าสุดไปเพราะพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ชอบ หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยเห็นอาชาจะคิดคบใครจริงจังอีกเลย
“อืม”
อาชายกแก้วค็อกเทลตรงหน้าขึ้นมากระดกดื่มแก้กระหาย เขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าอัศวินจะต้องตกใจ
“แต่งกับใคร หรือมึงแอบไปทำใครท้อง!”
อาชาเหลือบสายตาไปมองหน้าเพื่อนด้วยแววตาไร้ความรู้สึกอย่างเคย เขาไม่รู้ว่าอัศวินไปเอาเรื่องไร้สาระพวกนั้นมาจากไหนหรือเพื่อนของเขาใช้สมองส่วนไหนคิดเรื่องนั้นขึ้นมา โดยที่คนถูกมองพอโดนสายตาแบบนั้นฟาดใส่ ก็ค่อยๆเริ่มได้สติ
”ถ้าไม่ได้ไปทำผู้หญิงท้องแล้วทำไมจู่ๆจะแต่งงานวะ“
”เรื่องธุรกิจ แต่งกับลูกสาวอาเปรมชัย“ สุดท้ายอาชาก็ยอมปริปากบอก อัศวินจึงค่อยๆคลายความสงสัยลง เขาเองก็พอจะรู้จักอาเปรมชัยอยู่บ้าง เนื่องจากอีกคนมีชื่อเสียงด้านการเมือง
“ได้ข่าวว่าลูกสาวบ้านนั้นสวยมากเลยนี่ ถึงว่าล่ะคนเย็นชาอย่างอาชาถึงได้อยากแต่ง” พอเข้าใจในเรื่องนั้นอัศวินจึงยิ้มกริ่มออกมา
ผิดกับอาชาที่พอนึกย้อนกลับไปคิดถึงเจ้าของรองเท้าส้นสูงที่ดูค่อนข้างหยิ่งยโสในบางมุม เขาก็ไม่ได้มองว่าปรีชญานั้นสวยเด่นแต่อย่างใด เขามองเห็นแต่ความร้ายกาจและดื้อรั้นออกมาจากตัวของเธอเสียมากกว่า
“แบบนั้นเรียกว่าสวย?“ เขาถามเพื่อนกลับอย่างนึกสงสัย
ในความคิดของอาชา หญิงไทยคือผู้หญิงที่ใจเย็น เรียบร้อย เป็นแม่ศรีเรือน ใส่ใจดูแลคนรอบข้าง พูดเพราะ ยิ้มหวาน เพราะแม่ของเขาและแฟนเก่าของเขานั้นมีลักษณะอ่อนหวานเหมือนกัน แต่ปรีชญากลับตรงกันข้าม เธอแทบไม่มีความเป็นกุลสตรีอยู่ในตัวเลยสักนิด ดูจากการทานอาหารด้วยกันวันนี้ก็ทำให้เขาได้เห็นเธอในมุมมองใหม่
”ไม่รู้ว่ะ ไม่เคยเห็นหน้า แต่เคยได้ยินคนพูดถึง“ อัศวินอธิบาย
”เจ้านายครับ นั่นคุณปริมไม่ใช่เหรอครับ“
สิ้นเสียงของกองทัพ อาชากับอัศวินก็หันไปมองตามสายตาของมือขวาคนสนิทพร้อมๆกัน ก่อนที่ปรีชญาจะค่อยๆเดินหายวับไปจากบริเวณนั้นและเขาก็พบว่านั่นคือเธอจริงๆ
น่าแปลกที่คืนนี้เขาบังเอิญเจอเธอที่นี่
“โห่ สวยจริงๆด้วยว่ะ หุ่นอย่างกะนางแบบ”
