11. บังเอิญเจอ
ตอนที่ 11.บังเอิญเจอ
“ตกใจอะไร” เสียงทุ้มถามออกไปเมื่อเห็นว่าลูกน้องของตัวเองมีท่าทีแบบนั้น
“เจ้านายพูดจริงเหรอครับ ผมนึกว่าตั้งแต่ตอนนั้นเจ้านายก็ไม่ยะ....”
กองทัพชะงักไปชั่วครู่เมื่อได้สติว่าตัวเองเผลอพูดอะไรตามใจปากออกไปมากเกินไปหน่อย
“ขอโทษครับ”
อาชาไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดนั้นของลูกน้องคนสนิทเลยแม้แต่น้อย เขาเลือกที่จะไม่สนใจและโฟกัสในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้ามากกว่าอดีตที่มันผ่านไปแล้ว
“ช่วยจัดการเรื่องสถานที่งานแต่ง ชุดเจ้าบ่าว เจ้าสาวแล้วก็บาทหลวงให้ฉันที ถ้าเป็นไปได้ขอให้เสร็จสิ้นภายในหนึ่งอาทิตย์”
แม้จะไม่ได้รู้สึกอยากแต่ง แต่ทว่าอาชาก็มิอาจปล่อยปะละเลยงานแต่งปลอมๆของตัวเองไปได้ แม้งานแต่งงานจะถูกจัดขึ้นเพียงเพราะว่าเขาอยากจะเอาชนะลูกสาวของผู้เป็นอา แต่ด้วยนิสัยที่ค่อนข้างเจ้าระเบียบทำให้อาชารู้สึกอยากจะให้งานนี้มันถูกจัดขึ้นมาอย่างสมบูร์ณแบบ อย่างน้อยๆเขาก็อยากรักษาหน้าของผู้เป็นอา
“ครับ ผมจะจัดการให้“ กองทัพรับปากออกมาด้วยน้ำเสียงนักแน่น
เขาไม่กล้าถามเซ้าซี้อะไรไปมากกว่านั้น ถึงจะทำงานกับอาชามานานหลายปี แต่เขาก็รู้ดีว่าเขาสามารถยุ่งเรื่องของอีกคนได้มากน้อยแค่ไหน
สามวันต่อมา
@คฤหาสน์ดำรงเดช
“คุณพ่อจะไปไหนคะ“ เสียงหวานที่เพิ่งเดินมาถึงชั้นล่างเอ่ยถามบิดาออกมาเสียงดัง
วันนี้ปรีชญาอยู่ในชุดสวยสดพร้อมที่จะออกไปรับประทานอาหารเที่ยงกับผู้เป็นพ่อในมื้อสุดพิเศษที่ตัวเองตั้งใจจองโต๊ะล่วงหน้าเอาไว้ตั้งแต่หนึ่งเดือนที่แล้ว
”อ้าวปริม ลงมาแล้วก็ดีเลย วันนี้พ่อน่าจะไม่ได้ไปทานข้าวกับปริมแล้วนะ“ เจ้าสัวเปรมชัยเอ่ยบอกลูกสาวด้วยท่าทางเร่งรีบเล็กน้อย
เขาเพิ่งถูกหัวหน้าพรรคโทรตามให้ไปเข้าสภาด้วยกันอย่างกระทันหันเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า
”แล้วคุณพ่อจะไปไหนคะ“
”พ่อต้องไปเข้าสภาด่วน ขอโทษนะที่พ่อผิดนัดกับปริม“
”แต่วันนี้เป็นวันเกิด....“ ไม่ทันที่ปรีชญาจะพูดจบ เสียงคนขับรถก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน
“เจ้าสัวครับ รถพร้อมแล้วครับ”
เจ้าสัวเปรมชัยหันไปพยักหน้าตอบกลับคนขับรถของตัวเอง ก่อนจะหันมาพูดคุยกับลูกสาวด้วยสีหน้ารู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่ไม่อาจปลีกตัวไปทานข้าวกับคนตรงหน้าได้
“พ่อขอโทษนะปริม เอาไว้พ่อจะให้ของขวัญวันเกิดย้อนหลังนะ พ่อต้องไปก่อน สุขสันต์วันเกิดนะลูก”
มือเหี่ยวย่นเอื้อมมาลูบหัวทุยเล็กเบาๆก่อนที่ร่างสูงท้วมจะเดินออกไปด้วยท่าทางรีบเร่ง หากไปช้ากว่านี้เขาจะไปไม่ทันการประชุม ปล่อยให้ปรีชญายืนเม้มปากแน่นด้วยความรู้สึกน้อยใจอยู่เล็กๆ ปกติทุกๆวันเกิดของเธอบิดาจะมีเวลาให้เสมอ แต่ปีนี้อีกคนกลับมีงานด่วนเข้ามาอย่างกะทันหัน นั่นก็หมายความว่าวันนี้เธอไปต้องทานข้าวคนเดียว ทั้งๆที่จองร้านอาหารมิชลินสามดาวเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
“คุณหนูครับ“ เสียงบอร์ดี้การ์ดหนุ่มดังขึ้น ทำให้คนตัวเล็กได้สติ
”ไปกันเถอะจีโน่“
ว่าจบเท้าเล็กก็สาวเท้านำหน้าบอร์ดี้การ์ดของตัวเองออกไป แม้จะไม่ชอบการฉลองคนเดียวแต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะร้านที่เธอจองคิวเอาไว้ข้ามเดือนคือร้านอาหารดาวมิชลินสตาร์ที่มีเมนูโปรดของเธอขายอยู่
เธอจะพลาดโอกาสแห่งความอร่อยนี้ไปได้ยังไงกัน
หนึ่งชั่วโมงต่อมา....
@ร้านอาหารชื่อดัง
“สวัสดีค่ะ ขอทราบชื่อคุณลูกค้าที่จองโต๊ะเอาไว้ค่ะ“
เมื่อเดินทางมาถึงร้านอาหารสุดหรู พนักงานสาวก็กล่าวทักทายอย่างสุภาพ
“ปรีชญา”
“ผมไปรอข้างนอกนะครับ” จีโน่กระซิบบอกเจ้านายสาว
“เข้าไปกับฉัน นายอยากให้ฉันฉลองวันเกิดคนเดียวรึไง” หญิงสาวตอบกลับเสียงเข้มตามสไตล์ของเธอ อย่างน้อยๆบอร์ดี้การ์ดหนุ่มก็ถือเป็นเพื่อนสนิทของเธอคนหนึ่งเพราะคุณหนูอย่างเธอ ใช่ว่าจะมีเพื่อนอะไรมากมาย หากเดาจากนิสัยรักสันโดดของเธอแล้ว
“เชิญด้านนี้เลยค่ะ”
เมื่อทราบแล้วว่าโต๊ะของลูกค้าอยู่ด้านไหน พนักงานสาวจึงผายมือเชิญอีกคนให้เดินตามตนเองไป จนกระทั่งทั้งสามเดินเข้าไปถึงโต๊ะด้านในสุด ดวงตามกลมโตชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเหลือบสายตาไปเห็นเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาอันคุ้นเคยที่กำลังนั่งไขว่ห้างมองหน้าเธออยู่
“คุณ!?” ปากเล็กเผลอเรียกคนตรงหน้าออกมาอย่างลืมตัว
เธอกำลังอึ้งปนตกใจ เพราะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดทำไมอาชาถึงได้มาอยู่ที่นี่!
“คุณอาบอกให้มา” ฝ่ายอาชาที่เห็นว่าอีกคนเอาแต่ยืนอึ้งเอ่ยอธิบายออกไป ก่อนที่เขาจะเหลือบสายตาไปมองบอดี้การ์ดหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังของปรีชญาเล็กน้อย
เขาพอรู้มาบ้างว่าปรีชญามีบอร์ดี้การ์ดคอยดูแล แต่นี่เป็นวันแรกที่เขาได้เจอ
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณหนู” จีโน่ก้มหัวลงเล็กน้อย ก่อนจะสาวเท้าเดินออกไปอย่างรู้งาน เมื่อเห็นว่าเจ้านายสาวมีคนอยู่ด้วยแล้ว
“อาหารจะมาเสิร์ฟในอีกสิบห้าถึงยี่สิบนาทีนะคะ ถ้าอยากสั่งอะไรเพิ่มเติมกดกริ่งเรียกพนักงานได้เลยค่ะ”
พนักงานสาวอธิบายเพิ่มเติมเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปเพื่อให้เวลาส่วนตัวแก่ลูกค้า เนื่องจากปรีชญาได้ทำการสั่งอาหารเอาไว้ก่อนล่วงหน้า ทางร้านจึงรีบจัดการทำอาหารทันทีที่เจ้าของโต๊ะมาถึง
“ไม่นั่งรึไง” ปากหนาเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าอีกคนเอาแต่ยืนมองหน้าเขานิ่ง ก่อนที่เธอจะยอมเดินไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับเหมือนเคย
ไม่คิดเลยว่าบิดาของเธอจะโทรไปตามเขาให้มาทานข้าวด้วยกันในวันนี้ เกือบจะเป็นวันเกิดที่ดีแล้วแท้ๆเชียว
ปึก!
เสียงกระเป๋าราคาแพงถูกวางลงไปบนโต๊ะเพื่อบอกใบ้ให้อีกคนรู้ว่าเธอกำลังไม่พอใจที่ได้เจอเขาที่นี่
“คิดว่าฉันอยากมาเจอเธอมากรึไง” อาชาเห็นท่าทางแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ย
ถ้าเขาไม่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอ เขาก็คงไม่มาเจอเธอในวันนี้หรอก ถ้าเขาไม่เห็นแก่คำร้องขอของคุณอา เขาก็คงจะไม่มาจริงๆ
“แล้วมาทำไมไม่ทราบ หรือว่าคิดถึงฉัน?” หญิงสาวถามออกไปด้วยสีหน้ากวนประสาท
“หึ กำลังฝันอยู่รึไง” มุมปากหนาแสยะยิ้มออกมา คิดถึงคนตรงหน้าเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำ
“ฉันมาเพราะอยากคุยกับเธอเรื่องงานแต่ง” เสียงทุ่มเอ่ยบอกในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
“อ่า จะเปลี่ยนใจไม่แต่งแล้วใช่ปะ” ใบหน้าสวยยิ้มหวานออกมา จ้องมองคนตรงหน้าไม่วางตา แม้จะรู้ดีว่าไม่มีความหวัง แต่ในใจลึกๆเธอก็ยังอยาก....ให้อาชายอมแพ้เรื่องนี้อยู่ดี
“พรุ่งนี้ฉันจะไปรับเธอไปลองชุดตอนแปดโมง”
ปรีชญาหุบยิ้มลงอัตโนมัติที่เห็นว่าอีกคนไม่ได้มีสีหน้าล้อเล่น
“เหอะ ไม่จำเป็น! ใส่อะไรมันก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ ฉันไม่ได้อยากแต่งสักหน่อย”
มือเล็กสองข้างยกขึ้นมากอดอกอัตโนมัติ รู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยที่ไม่อาจเปลึ่ยนใจอีกคนได้
“หรือให้ฉันไปบอกคุณอาเรื่องที่เธอวางยาฉัน และหลังจากนั้นคุณอาก็จะไปหาคนอื่นมาหมั้นกับเธออีกไม่จบสิ้น”
”......“ ได้ยินแบบนั้นปรีชญาก็นิ่งไป หรือหนทางนี้มันอาจจะดีที่สุด ถ้าเธอแต่งงานกับคนตรงหน้า วัฎจักรคู่หมั้นบ้าๆนี่ก็อาจจะจบลง เพราะให้พูดตามตรงเธอรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่พ่อของเธอพยายามยัดเยียดคนนั้น คนนี้มาให้
อย่างน้อยๆหมอนี่ก็หน้าตาดีที่สุดในบรรดาผู้ชายที่เธอเคยเจอ
”ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะ“
เสียงของพนักงานสาวดังขึ้นพร้อมกับอาหารกลิ่นหอมๆที่ถูกยกมาเสิร์ฟนั้นดึงดูดความสนใจของหญิงสาว จนเธอลืมบทสนทนาก่อนหน้าไปเสียหมด
“กรี๊ดด สปาร์คเก็ตตี้ครีมชีสกับกุ้งแม่น้ำ~” เมื่อทำตาลุกวาวเสร็จ มือเล็กก็ไม่รอช้าที่จะตักอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย โดยมีอาชานั่งมองท่าทีดี๊ด๊ามีความสุขของหญิงสาวอยู่เงียบๆ ก่อนที่เขาจะส่ายหัวออกมาเบาๆให้กับท่าทางเหมือนเด็กที่ขัดกับสีหน้าเฉี่ยวของเธอ
