10. หรือว่าไม่กล้า
ตอนที่ 10. หรือว่าไม่กล้า
"นี่คุณทำบ้าอะไรของคุณ“
เมื่อบิดาเดินออกไปได้ไม่นาน ปรีชญาก็ไม่รอช้าที่จะแผลงฤทธิ์ใส่คนตรงหน้าด้วยความโมโหที่เขาไม่ยอมทำตามในสิ่งที่ตกลงกับเธอเอาไว้ก่อนหน้า ซึ่งอาชาที่เห็นท่าทางนั้นก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด
หนำซ้ำเขายังนั่งเอนหลังพิงไปกับโซฟาตัวใหญ่ด้วยท่าทีสบายๆพร้อมกับจ้องมองสีหน้าไม่พอใจของหญิงสาวอย่างไม่ละสายตา
”เธออยากให้ฉันถอนหมั้นไม่ใช่หรือไง“
เมื่อผู้เป็นอาไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว อาชาก็ไม่จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองอีกต่อไป เขาจ้องตาคนตรงหน้าตอบกลับไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่งที่แฝงไปด้วยความแอบกวนประสาทอยู่ไม่น้อย
“เหอะ ก็ใช่น่ะสิ แล้วคุณเป็นบ้าอะไรถึงพูดเรื่องแต่งงานออกมา“ หญิงสาวเค้นเสียงถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ
”ทำไมล่ะ หรือว่าเธอกลัวที่จะต้องแต่งงานกับฉัน?” มาเฟียหนุ่มเลิ่กคิ้วถามออกไปด้วยคำพูดท้าทายอีกคนอย่างชัดเจน
ซึ่งดูเหมือนจะได้ผลเพราะคำพูดนั้นทำเอาปรีชญาชะงักไปพร้อมกับรู้สึกอยากเอาชนะเจ้าของใบหน้าหล่อนั้นให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลย! เธอเคยโดนถอนหมั้นไปสามครั้งเพราะความสามารถของตัวเองล้วนๆ แล้วทำไมเธอจะต้องกลัวการแต่งงานกับเขาด้วย
“คุณโกรธฉันเรื่องที่ฉันวางยาถ่ายคุณสินะ” ปากเล็กตอบกลับไปอย่างนึกรู้ว่าอาชาคงกำลังเอาคืนเธออยู่
“หึ น่าสงสารจังนะ เป็นถึงมาเฟียแต่กลับวิ่งเข้าห้องน้ำทั้งคืน คงเหนื่อยแย่เลยล่ะสิ“
ใบหน้าสวยมิวายแสยะยิ้มหัวเราะเยาะอีกคนอย่างสะใจยามจินตนาการถึงตอนที่ร่างสูงวิ่งเข้าห้องน้ำเป็นว่าเล่น ทำเอาใบหน้าหล่อยิ่งฉายสีหน้าดุดันออกมามากขึ้นเพราะนอกจากอีกคนจะไม่สำนึกแล้ว เธอยังกล้ามายืนหัวเราะเยาะเขาอีก
“ปากดีแบบนี้ แปลว่าตกลงที่จะแต่งงานกับฉันแล้วสินะ” เสียงทุ้มต่ำถูกเปล่งออกไป
ท่าทางอวดดีของปรีชญาทำเอาเขายิ่งรู้สึกอยากกำราบเธอมากๆ แม้จะต้องสูญเสียความโสดไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่มันก็คงจะสนุกอยู่ไม่น้อยถ้าเขาได้สั่งสอนผู้หญิงคนนี้ให้เข้าใจถึงการกล้ามาลองดีกับเขา
“ก็เอาสิ ถ้าคิดว่าตัวเองจะจัดการฉันได้อยู่หมัด แต่บอกไว้ก่อนนะ เผื่อใจไว้บ้างก็ดี คุณอาจจะเป็นคนขอหย่ากับฉันหลังจากที่แต่งกันไปไม่ถึงวันก็ได้ ;)“
สองสายตาประสานกันด้วยสีหน้าที่ไม่มีใครยอมใคร ต่างคนต่างอยากเอาชนะกันในเวลานี้ ในขณะที่อาชามั่นใจในตัวเองว่าคนดื้อด้านอย่างปรีชญานั้นปราบได้ไม่ยาก ส่วนหญิงสาวเองก็มั่นใจว่าผู้ชายอย่างอาชาก็เหมือนกับทุกๆคนที่เธอเคยเจอมานั่นแหละ
แม้จะเสี่ยงต้องเอาการแต่งงานเข้าแลก แต่ในเมื่อเขาไม่ยอมล่าถอยถอนหมั้นไปจากเธอง่ายๆ งั้นวิธีเดียวที่เธอมีก็คือพุ่งชนทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ถัาเขาคิดว่าจะสามารถเอาชนะคนอย่างเธอได้ ก็ลองมาดูกันสักตั้ง
“งั้นก็มาลองดูกัน” อาชาเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ตั้งแต่เกิดมาเขาเองก็เพิ่งเคยเจอผู้หญิงแบบนี้เป็นครั้งแรก มันทำให้มาเฟียหนุ่มรู้สึกท้าทายอย่างบอกไม่ถูก
หลายนาทีต่อมา.....
“พ่อไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าปริมจะยอมตกลงแต่งงานกับพี่เขา แล้วแบบนี้เราต้องเริ่มจากตรงไหนกันดีล่ะ” เจ้าสัวเปรมชัยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น หลังจากที่ได้ยินจากปากของลูกสาวว่าจะยอมตกลงแต่งงานกับอาชา
แวบเเรกเขาแทบไม่เชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองได้ยินนั้นเป็นความจริง แต่ดูจากน้ำเสียงและสีหน้าของปรีชญาทำให้เปรมชัยรับรู้ได้ในทันทีว่าหญิงสาวไม่ได้พูดเล่น
แม้จะรู้สึกว่าเรื่องนี้นั้นช่างเหนือความคาดหมายและแม้จะไม่รู้ว่าอาชาทำอะไรกับลูกสาวของเขา จากคนที่คอยต่อต้านในเรื่องพวกนี้มาตลอดถึงได้กลายเป็นคนที่ยอมตกลงแต่งงานได้อย่างง่ายๆ แต่สุดท้ายเขาก็นับว่านี่เป็นเรื่องดี มันทำให้เจ้าสัวใหญ่รู้สึกเบาใจที่ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตนเองกำลังจะได้มีคนดูแล
“ไม่ต้องห่วงนะครับคุณอาเรื่องนี้ผมจะเป็นคนจัดการทั้งหมดเอง“ อาชาตอบรับ เขาหันหน้ามามองสองพ่อลูกที่เดินมาส่งเขาที่บริเวณหน้าบ้านด้วยสีหน้าหมายมั่นว่าจะจัดการเรื่องแต่งงานเอง
”ฉันขอแต่งแบบคริสต์นะคะ ไม่ต้องมีพิธีอะไรมาก แค่สวมแหวนก็พอ“
เสียงแหลมโพล่งขึ้นมาท่ามกลางบทสนทนา เธอไม่อยากจัดงานแต่ง(ที่ไม่จำเป็น)แบบยิ่งใหญ่หรือวุ่นวายอะไรนัก เพราะผลสุดท้าย....ยังไงเขากับเธอก็ต้องหย่ากันอยู่ดี
ที่เธอยอมแต่งก็เพราะอยากจะแสดงให้อีกคนเห็นว่าคนอย่างปรีชญาไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว
“แบบนั้นก็ดีเหมือนกันนะ พอแล้วแต่ทั้งสองคนเลยว่าอยากจัดกันแบบไหน“
จะแต่งแบบนั้นเขาก็รับได้หมด
“ถ้างั้นก็เอาตามนี้นะครับ ไว้ผมจะมารับคุณไปลองชุดแต่งงาน” พออยู่ต่อหน้าผู้เป็นอา อาชาก็เปลี่ยนกลับไปใช้สรรพนามเรียกหญิงสาวอย่างสุภาพเหมือนเคย
ทำเอาปรีชญาอดที่จะรู้สึกหมั่นไส้ในทางทางสุภาพแบบปลอมนั้นไม่ได้!
“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณอา”
“อื้ม โอเค ไว้เจอกันนะ”
ใบหน้าหล่อเหลือบสายตาไปมองว่าที่เจ้าสาวของตัวเองเพียงเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปขึ้นรถที่มีลูกน้องคนสนิทรออยู่ด้านใน ปล่อยให้ปรีชญาเดินสะบัดก้นกลับเข้าไปในบ้านด้วยความรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่แผนชีวิตของเธอจำต้องเปลี่ยนไปหลังจากนี้
เธอคงต้องกลับไปนอนเสาะหาวิธีการที่จะเอาชนะอาชาให้ได้!
ปึง!
เสียงประตูรถตู้คันหรูถูกปิดลง พร้อมกับกองทัพที่นั่งอยู่ประจำตำแหน่งคนขับค่อยๆเหยียบคันเร่ง เร่งเครื่องยนต์ออกไป
”คมสันต์โทรมาแจ้งว่าส้มเริ่มสุกได้ที่แล้วครับ อาทิตย์หน้าจะจ้างคนงานมาตัด เจ้านายอยากกลับไปคุมงานด้วยตัวเองไหมครับ”
กองทัพเอ่ยรายงานถึงเรื่องราวของสวนส้มที่เจ้านายของตนนั้นทั้งรักและหวงไร่นั้นตามคำบอกกล่าวของหัวหน้าคนงานที่คอยดูแลไร่นั้นอยู่ เพราะเขาเห็นว่าเจ้านายเลื่อนแผนที่จะกลับไปเชียงรายมาหลายวันแล้ว จึงใช้โอกาสนี้ในการถามไถ่
“บอกให้คมสันต์จัดการไปก่อน เราจะกลับเชียงรายเดือนหน้า” ปากหนาเอ่ยบอกด้วยสีหน้าราบเรียบ แต่ทว่าภายในใจกลับขบคิดเรื่องงานแต่งอยู่ตลอดเวลา
เนื่องจากเขามีเวลาไม่มาก ทำให้อาชาคิดว่างานแต่งปลอมๆระหว่างเขากับปรีชญานั้นจะต้องเกิดขึ้นให้เสร็จภายในสองอาทิตย์เพราะเขาต้องการกลับไปพักผ่อนที่เชียงราย จังหวัดบ้านเกิดของตนเอง
ส่วนเรื่องแต่งงาน.....เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นการแต่งที่จีรังยั่งยืนอยู่แล้ว หากปรีชญาสามารถกลายเป็นผู้หญิงที่ดูแลตัวเองได้เมื่อไหร่ เขาจะส่งเธอกลับคืนให้พ่อของเธอ เพราะเขาไม่คิดว่าระหว่างตนเองกับปรีชญาจะสามารถเกิดอะไรขึ้นได้ เขาไม่ชอบผู้หญิงร้ายกาจ จอมแผนการแบบนั้นอยู่แล้ว
“ครับ? เจ้านายจะอยู่ที่กรุงเทพต่อ?“ กองทัพถามออกไปเพื่อต้องการคำตอบที่ชัดเจน เพราะเขาไม่รู้ว่าอาชาจะอยู่ที่นี่ต่อไปทำไม ในเมื่อพวกเขาไม่มีตารางงานอะไรสำคัญแล้ว
”อืม จนกว่างานแต่งจะเสร็จ“ อาชาตอบกลับด้วยสีหน้าเฉยเมย
”งานแต่ง?“ กองทัพทวนคำพูดของคนที่นั่งอยู่เบาะหลังออกมาด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย เขาไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าเจ้านายกำลังพูดถึงงานแต่งของใครกันแน่
”ฉันจะแต่งงานกับปรีชญา” อาชาเอ่ยบอกราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
“อะอะไรนะครับ!?” ผิดกับกองทัพที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกทั้งตกใจทั้งอึ้ง เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้ออกมาจากผู้เป็นนายของตัวเอง
เพราะที่ผ่านมา อาชาไม่เคยพูดถึงเรื่องแต่งงานอีกเลย นับตั้งแต่.....
“ตกใจอะไร”
