ตอนที่ 3/3
ฉันลงจากรถพลางหันมองไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ฉันเคยมาในที่ห่างไกลแบบนี้ รอบข้างถูกโอบล้อมไปด้วยเทือกเขาสูง มองไปไกลๆ จะเห็นหลังคาสังกะสีสะท้อนล่อแสงตะวันวิบวับเป็นหย่อมๆ แซมกับสีเขียวแกมน้ำตาลเกรียมแดดของใบไม้
อา... ฉันสูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด สดชื่นชะมัด
“อย่ามัวแต่เคลิ้ม มาช่วยกันขนของลงก่อน” เสียงท็อฟฟี่ดังแหวกอากาศที่แจ่มใสขึ้นมา ฉันหันไปมองหมอนั่น หน้าตึงขึ้นมาเล็กน้อย
“ก็ฉันเพิ่งเคยมาครั้งแรกหนิ ไหนล่ะ! จะให้ช่วยอะไรก็บอกมา”
“ช่วยเอาของพวกนี้ไปเก็บไว้หน้าห้อง” หมอนั่นชี้ไปที่อาคารหลังหนึ่ง
“อืมๆ”
ทุกคนช่วยกันลำเลียงของลงจากรถจนหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งกระเป๋าสัมภาระซึ่งเป็นของใช้ส่วนตัวของแต่ละคน หลังจากนั้นไม่นานรถอีกสองคันก็ทยอยตามหลังกันมา ริคอส ไฮด์ ลีแคล ลีลาร์ และบรรดาลูกทีมของพวกนั้นก็ลงจากรถ และช่วยกันขนของลงมาเก็บรวมไว้ในที่เดียวกัน
หลังจากนั้นไม่นาน ท็อฟฟี่ก็หันมาพูดกับทุกคน
“เดี๋ยวตอนเย็นเราจะมีกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ กับพวกเด็กๆ นะ แต่ก่อนหน้านั้นให้ทุกคนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เพราะตอนกลางคืนมันจะมืดและไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ หัวหน้าทีมจะพาทุกคนไปที่บ้านพักรับรองที่ได้ประสานเอาไว้กับชาวบ้าน ระหว่างนี้ก็เชิญทุกคนพักผ่อนตามอัธยาศัยได้ แต่อย่าทำอะไรหรือไปไหนโดยพลการเด็ดขาด ให้จับกลุ่มกันไว้ เพราะถ้าหลงทางขึ้นมามันจะลำบาก หัวหน้าทีมรับผิดชอบลูกทีมของตัวเองด้วย เชิญแยกย้ายได้”
“เฮ้ท็อฟฟี่เดี๋ยวสิ” ฉันรีบเข้าไปดึงแขนเขาเอาไว้ทันที
“อะไร?”
“แล้วบ้านพักฉันล่ะ ฉันยังไม่รู้เรื่องเลยนะ”
“เธอพักกับพวกฉัน”
“เอ๊ะ...” ฉันกะพริบตาปริบๆ ยืนอึ้งครู่หนึ่ง สมองกำลังทำความเข้าใจกับสิ่งที่เพิ่งได้รับฟัง
-O- หมายความว่ายังไงเนี่ย พวกท็อฟฟี่งั้นเหรอ อร๊าย!! งั้นก็แสดงว่าคุโชว์ ^O^ กรี๊ดๆๆๆๆ จะได้นอนเอ๊ยได้พักบ้านหลังเดียวกันกับคุโชว์ด้วย ดีใจเป็นบ้า อะไรมันจะเข้าทางขนาดนี้ หึๆ
ความปลื้มใจที่จะได้พักบ้านหลังเดียวกันกับคุโชว์ของฉันวูบดับไปทันที เมื่อรับรู้ว่า ‘พวกฉัน’ ที่ท็อฟฟี่หมายถึงรวมกลุ่มของมินตราเอาไว้ด้วย ซึ่งนั่นก็แปลว่าคาเร็นก็อยู่บ้านหลังเดียวกัน ถึงฉันคิดจะหลอกใช้หมอนั่นแต่ก็ใช่ว่าจะชอบใจเขาสักเท่าไหร่
คาเร็นเคยทำอะไรกับฉันเอาไว้ ฉันจำได้หมด ทั้งปากที่หาว่าฉันน่ารำคาญ สายตาที่มองมาอย่างเย็นชาและเย้ยหยันอยู่ในที และสุดท้าย... สะบัดฉันหลุดจากไหล่ของเขาอย่างไม่แคร์อีก หน็อย! ถึงฉันจะเผลอไปซบไหล่ของหมอนั่นอย่างไม่รู้ตัวก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็น่าจะสุภาพหรือรักษาน้ำใจกันหน่อยสิ
คาเร็น! ถ้านายทำตัวเป็นมิตรกับฉันมากกว่านี้ บางทีฉันอาจจะดีกับนายก็ได้ หึ นึกแล้วก็ให้รู้สึกโมโหชะมัดยาด
หงุดหงิดว้อย
...เมื่อใกล้ถึงเวลานัดหมาย
ฉันกับลูกทีมทั้งสองเดินตามกลุ่มของมินตรามาที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งห่างจากโรงเรียนพอสมควร สองข้างทางเต็มไปด้วยพงหญ้ารกแห้ง มีสีเขียวขึ้นแซมบ้างประปราย ถัดออกไปไม่ถึงเมตรจะเป็นก้อนหินใหญ่ๆ ทับเกยกันอย่างไม่เป็นระเบียบ ลึกเข้าไปเป็นอาณาเขตของป่าไม้รกทึบ
ฉันเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมท็อฟฟี่ถึงย้ำให้รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะมืด อึ๋ย~ น่ากลัว!
“มากันแล้วรึ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นฉุดฉันออกจากภวังค์ หญิงวัยกลางคนฉีกยิ้มกว้าง เดินออกมาต้อนรับแขกด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ท่าทางโอบอ้อมอารีของคุณป้าทำฉันและคนอื่นๆ ใจชื้นขึ้นมาก
“สวัสดีค่ะคุณป้า หนูชื่อมินตราส่วนนี่เพื่อนของหนูค่ะ” มินตราไม่คิดจะแนะนำสมาชิกคนอื่นให้เสียเวลา ส่วนคุณป้าเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนั้น รีบกวักมือเรียกพวกเราทั้งหมดเข้าไปในบ้าน
“อ้อ มาๆ เข้ามาก่อนสิ ป้ากำลังรอพวกหนูอยู่เลย”
ทุกคนเดินตามกันเข้าไปข้างในโดยไม่ลืมถอดรองเท้าเอาไว้หน้าประตู
“ป้าอยู่คนเดียว บ้านหลังเล็กชั้นเดียวอาจไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าไปรบกวนบ้านอื่นเค้าล่ะนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่นี้ก็เกรงใจมากอยู่แล้ว” มินตราเอ่ยอย่างเข้าอกเข้าใจ
“มีผู้หญิงสี่คนรึ? ถ้างั้นเข้าไปนอนในห้องกับป้านะ ให้ผู้ชายเขานอนรวมกันข้างนอกนี่แหละ”
“ได้ค่ะ” มินตราพูด