บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3/2

ผ่านไปเกือบแปดชั่วโมง...

...แจ๊บๆ

“ทุกคนเก็บสัมภาระแล้วลงมาจัดกลุ่มข้างล่างนะครับ”

ฉันสะดุ้งลืมตาตื่น กวาดสายตาพร่ามัวมองไปรอบๆ อย่างสงสัย ก่อนจะสะดุ้งอีกรอบเมื่อศีรษะตกจากที่พิง

“เฮือก!”

เฮ้ย! ฉันเบิกตาโต หัวใจเต้นตึกตัก... คาเร็นเหลือบมองฉันด้วยสายตาเฉยชาครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้น ดึงกระเป๋าที่เก็บไว้ข้างบนลงมาแล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

...แต่ว่าฉันช็อกไปแล้ว!!! /// บ้าจริง!! ฉันยกมือขึ้นคลึงขมับอย่างปวดหนึบ นี่ฉันเผลอนอนหลับซบไหล่คาเร็นไปได้ยังไงเนี่ย โอ๊ย แค่คิดก็รู้สึกอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว

ฉันปัดความคิดยุ่งเหยิงออกจากสมอง รีบเดินลงรถบัส ไม่นานยัยหน้าสวยสองคนก็เดินเข้ามาหา

“อยู่นี่เอง มองหาตั้งนานแหนะ” เป็นโพซีที่เอ่ยออกมาก่อน ฉันยิ้มแห้งๆ ตอบ ตวัดสายตาไปมองอีกคน ยัยอินอินยังแสดงสีหน้าบอกบุญไม่รับเท่าไหร่ สงสัยจะยังไม่หายเคืองกันกับคุโชว์ หึๆ ฉันอดที่จะยิ้มเยาะไม่ได้

ยิ่งพวกเขาแตกคอกันมากเท่าไหร่ โอกาสที่ฉันจะพิชิตใจคุโชว์ได้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ...อย่าได้ชะล่าใจไปหน่อยเลยอินอิน ฉันไม่ปล่อยให้เธอได้เสวยสุขกับเขานานนักหรอก เตรียมตัวถอนหมั้นได้เลย หุหุ

“พี่โซอีคะ” ยัยโพซีสะกิด

“หือ?”

“พี่ท็อฟฟี่เรียกค่ะ”

“อ๊ะ” ฉันรีบหันไปมองท็อฟฟี่เลิ่กลั่ก “มีอะไรเหรอท็อฟฟี่”

หมอนั่นทำหน้าหน่ายๆ พูดออกมาอีกรอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“เดี๋ยวเธอพาลูกทีมไปรถคันเดียวกับทีมของมินตราเลยนะ ทีมนั้นมีสี่คน ทีมเธอมีสาม นั่งอัดๆ กันไปน่าจะได้ เดี๋ยวฉันกับคุโชว์จะนั่งท้ายกระบะ”

“ให้ฉันนั่งท้ายกระบะกับพวกนายก็ได้นะ”

โอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับคุโชว์แม้จะเพียงน้อยนิดฉันก็ไม่คิดจะปล่อยให้หลุดมือไป

ทว่าเสียงของคนที่ไม่คิดว่าจะได้ยินก็ดังขึ้น “อย่าเลยค่ะพี่โซอี... อินว่าคนที่เหมาะจะนั่งข้างนอกน่าจะเป็นคาเร็นมากกว่า”

คนที่ถูกพาดพิงถึงหันขวับมามองโดยทันที คาเร็นเลิกคิ้วขึ้นก่อนที่นัยน์ตาคมคู่นั้นจะไหววูบ

“ก็ดีเหมือนกัน... ฉันเองก็มีเรื่องอยากจะพูดกับหมอนั่นอยู่พอดี” เขาหันหน้าไปทางคุโชว์ ก่อนจะเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำเอายัยอินอินถึงกับตีสีหน้าเครียดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

“รู้ไหมว่ายิ่งอยู่ใกล้นายมากเท่าไหร่ ฉันยิ่งเหม็นขี้หน้านายมากขึ้นเท่านั้น!” เหน็บคาเร็นเสร็จอินอินก็หุนหันเดินไปขึ้นรถโดยไม่รอคำสั่งจากฉันสักคำ ฮึ่ย

คาเร็นขบกรามแน่น มองตามหลังของอินอินไปด้วยแววตาวูบไหว

วูบหนึ่งฉันรู้สึกเห็นใจหมอนั่นขึ้นมา... ทว่าเมื่อนึกถึงตอนที่เขาสะบัดศีรษะฉันตกจากไหล่อย่างไม่ไยดีบนรถบัสเมื่อกี้นี้แล้วความเห็นใจนั่นก็หายวับไปเหลือไว้เพียงความหมั่นไส้ และสมน้ำหน้าเท่านั้น

...เพราะรู้ตัวว่ากำลังถูกฉันชำเลืองมองอยู่หรือเปล่าไม่แน่ใจ คาเร็นถึงได้ตวัดสายตามาทางฉัน เราทั้งคู่สบสายตากันวูบหนึ่ง ก่อนที่ฉันจะยักไหล่ เหยียดยิ้มอย่างมีความหมายบางอย่างใส่หน้าเขาแล้วเดินมาขึ้นรถโดยที่ไม่ได้พูดอะไร

หึ! ...ระหว่างทางเข้าหมู่บ้าน ฉันครุ่นคิดมาตลอดว่าจะใช้คาเร็นเป็นหมากบนกระดานในเกมหัวใจครั้งนี้ยังไงดี

จากจุดที่รถบัสจอด ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในการนั่งรถกระบะเข้ามาในหมู่บ้าน เนื่องจากเป็นถนนแคบๆ เลนเดียว ผิวถนนค่อนข้างขรุขระ บางช่วงก็ถูกน้ำที่ไหลลงมาจากเนินเขากัดเซาะ ทำให้คนขับต้องระวังเป็นพิเศษ

นอกจากท้องถนนที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเดินรถแล้ว เส้นทางหลายช่วงยังต้องไต่ขึ้นเนิน แล้วยังโค้งหักศอก กว่าจะถึงที่หมายก็เล่นเอาใจหายใจคว่ำไปหลายยก ลุ้นกันตัวโก่ง

ฉันลอบปาดเหงื่อ ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อรถวิ่งเข้าสู่อาณาเขตของโรงเรียน ก่อนจะจอดสนิทหน้าอาคารหลังหนึ่ง
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel