ตอนที่ 3/1
ตอนที่ 3
ทันทีที่ก้าวขึ้นมาบนรถบัส สายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นเบาะนั่งข้างๆ คุโชว์ที่ยังว่างอยู่เข้าพอดี เกิดอะไรขึ้นนะ นึกว่าหมอนั่นจะนั่งกับว่าที่คู่หมั้นซะอีก หรือว่ายังเคืองเรื่องก่อนหน้านี้กันอยู่ หึๆ จะอะไรก็ช่าง นี่เป็นโอกาสของฉันแล้ว... ฉันเดินตรงเข้าไปหาคุโชว์ด้วยหัวใจที่เต้นแรง
“...นั่งด้วยคนนะ ^^” เสียงมั่นหน้านั่นไม่ใช่ฉัน และไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนไวกว่า หน็อย
“อ้อ... ตามสบาย” คุโชว์หันมามองคนพูดก่อนจะหันหน้ากลับไปมองนอกกระจกเหมือนเดิม
ฉันอ้าปากค้าง กะพริบตาปริบๆ มองยัยมินตราที่ตัดหน้าถลาเข้าไปนั่งข้างคุโชว์อย่างหน้าตาเฉย หน็อยๆๆ ฉันกัดฟันแน่น กดอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นลงไป แล้วกลั้นใจเดินผ่านเบาะคู่นั้นด้วยสีหน้าราบเรียบ เก็บอาการไว้ก่อน จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้ว่าฉันกำลังคิดอะไร
ถัดมาไม่ถึงสามแถวฉันก็เห็นอินอินนั่งหน้าตึงอยู่คนเดียว ยัยนั่นหันหน้าเข้าหาหน้าต่างอย่างไม่สนใจใคร หึ! ฉันไม่คิดจะนั่งข้างยัยนี่หรอกนะ ฉันแสยะริมฝีปากอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วเดินผ่านมาอีกสองแถวก็บังเอิญประสานสายตาเข้ากับคาเร็น
ตึกๆ ตึกๆ
อะไรกันไอ้ความรู้สึกประหม่าและเสียงหัวใจที่เต้นแรงเนี่ย ทำไมฉันต้องมีอาการประหลาดๆ ทุกครั้งที่สบสายตาของคนคนนี้ด้วยนะ
ฉันสบถหัวเสียอยู่คนเดียว กำลังจะเดินผ่านไปก็ฉุกนึกบางอย่างขึ้นมาได้... แล้วเปลี่ยนใจก้าวเข้ามานั่งเบาะข้างๆ คนที่ทำให้หัวใจฉันเต้นรวนทันควัน ระดับความมั่นหน้าไม่ได้น้อยไปกว่ามินตราเลยสักนิด
“^^” ฉันส่งยิ้มทักทายให้กับคาเร็นที่ชำเลืองสายตามามอง หมอนั่นไม่พูดอะไรนอกจากพยักหน้าเบาๆ หนึ่งทีเป็นเชิงทักทาย แล้วเสมองออกไปนอกหน้าต่าง
เหอะ!! นอกกระจกรถมันมีอะไรน่ามองกันนักหนานะ ช่วยสนใจฉันสักนิดได้ไหม
“ฉันโซอี”
“...” หมอนั่นหันกลับมามองแต่ไม่พูดอะไร
“^^ คาเร็นใช่ไหม?”
“ใช่”
“นายเป็นพี่ชายคุโชว์เหรอ”
“อืม”
=_=+ อะไรกันหมอนี่ ถามคำตอบคำ กลัวดอกพิกุลทองจะร่วงออกจากหรือไงหา ฉันไม่ยอมแพ้หรอก ชิ
“แล้วทำไมนายถึงอยากจะไปออกค่ายล่ะ ไม่ต้องดูร้านอาหารเหรอ”
“ปิดร้านชั่วคราว” หมอนั่นตอบเสียงห้วน
“อย่าบอกนะว่านายลงทุนปิดร้านเพราะค่ายนี้น่ะ”
“...” ไม่ตอบอีก... ฮึ่ย!!
“แล้วนายมาในฐานะลูกทีมมินตราเหรอ”
“อืม” น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิด
ไม่ใช่ว่าฉันอ่านสีหน้าของเขาไม่ออก แต่ทำไงได้ก็คนมันสงสัยนี่นา...
“ถ้างั้นนายรู้มาก่อนหรือเปล่าว่าอินอินกับคุโชว์ก็ไปด้วย”
ปึด!
คาเร็นตวัดสายตาเขียวปัดมามองฉันนิ่ง
“หน้าตาเธอก็สวยดีนะ แต่ทำตัวน่ารำคาญชะมัด”
“ไงนะ...” ฉันจ้องหน้าคาเร็นอย่างอึ้งๆ เขาสบถลมหายใจหงุดหงิดใส่หน้าฉันก่อนจะเบือนสายตาเบื่อหน่ายไปมองวิวนอกหน้าต่าง
อร๊าย!!! อกจะแตก! เมื่อกี้นายว่าฉันน่ารำคาญงั้นเหรอ! ฮึ่ม อดทนไว้โซอี...
ฉันกัดฟันกรอด พลางนับหนึ่งถึงสิบในใจ ระหว่างนั้นเสียงของท็อฟฟี่ก็ดังขึ้นมาพอดี
“ทุกคนฟังนะ เนื่องจากว่าพวกเราสายมากแล้วเพราะงั้นเราจะแวะพักรถกลางทางแค่สองครั้ง ระหว่างนั้นก็ให้จัดการธุระท้องไส้ของตัวเองให้เรียบร้อย จะได้ไม่มีปัญหาระหว่างทาง อีกเรื่องเนื่องจากเส้นทางเข้าหมู่บ้านไม่ค่อยปลอดภัยนัก เราจะนั่งรถบัสไปถึงแค่หมู่บ้านใกล้เคียง หลังจากนั้นเราจะเปลี่ยนไปนั่งรถกระบะแทน ขอให้เข้าใจตามกันนะ พวกผู้หญิงมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
เงียบกริบ...
TOT ฉันว่ามันต้องลำบากมากแน่ๆ ชักอยากถอนตัวขึ้นมาซะแล้วสิ
“เจ๊ปวดท้องเหรอ? ทำหน้ามุ่ยเชียว” เสียงกวนประสาทจากเบาะฝั่งตรงข้ามดังขึ้น ฉันหันขวับไปมองก็เจอเข้ากับลีแคลพอดี
หมอนี่มันมานั่งตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย -O-
“บ้าสิ! ฉันไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น” ฉันตอบไปเสียงเขียว
“หึๆ”
“ขำอะไร?”
“เปล่า ก็แค่ลองนึกถึงสีหน้าเจ๊ตอนไปถึงหมู่บ้านแล้วน่ะ คงตลกพิลึก”
“ลีแคล!”
“ฮ่าๆ รับรองเจ๊ได้ร้องไม่ออกแน่”
“...!!!” นี่ฉันกำลังจะไปออกค่ายอาสาหรือว่าไปรับน้องโหดกันแน่เนี่ย ทำไมเจ้าเด็กแก่แดดนี่ต้องยิ้มมีเลศนัยแบบนั้นด้วย TOT วิ่งลงจากรถตอนนี้ยังทันไหม? แงๆ