ตอนที่ 1/2
ระหว่างที่กำลังคิดเรื่องค่ายอาสาเพลินๆ นั่นเอง มือไม่รักดีก็ฉวยการ์ดเชิญงานหมั้นมาดูให้ตัวเองช้ำใจเล่น... กว่าจะถึงกำหนดการหมั้นก็วันที่ 2 กันยายน เกือบสองเดือนเลยนี่นา...
-*- นายจะรีบเชิญเกินไปไหมเนี่ยคุโชว์
เฮ้อ!~
“โซอี”
ฉันยืดตัวขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคนเรียกชื่อก่อนจะเหลือบเห็นเจ้าของเสียงกำลังเดินเข้ามาในห้อง
“ท็อฟฟี่”
“คุโชว์มาหาเธอแล้วใช่ไหม” สายตาของท็อฟฟี่เหลือบมองการ์ดเชิญในมือฉัน ...ให้เดา ฉันว่าเขาคงจะดูออกว่าฉันคิดยังไงกับคุโชว์
ไม่มีอะไรเล็ดลอดสายตาของคนร้อยเล่ห์พันเหลี่ยมอย่างอดีตประธานนักเรียนเซนมารีนไปได้หรอก จริงไหม!? และยิ่งเป็นคนที่เคยคลุกคลีกันมาก่อนอย่างฉันแล้วล่ะก็ หึๆ รู้ไส้รู้พุงกันหมด
“อืม”
หมับ!
ท็อฟฟี่วางมือบนไหล่ฉัน ก่อนจะพูดออกมา...
“ไม่เป็นไรนะ ผู้ชายยังมีอีกเยอะ อยู่นั่นไงคนหนึ่ง” หมอนั่นตวัดสายตาไปทางลีแคลด้วยสายตามีเลศนัย
พรึบ
แล้วไอ้หนูลีแคลก็ชำเลืองสายตามามองเราสองคนพร้อมกับตีสีหน้าสงสัย “...???”
“...!!!” ฉันถลึงตาใส่ท็อฟฟี่ทันควัน
แกอยากตายหรือไงหา ไอ้ท็อฟฟี่!! Oจริงๆ แล้วลีแคลห่างจากฉันแค่ปีเดียว ตอนนี้หมอนั่นกำลังเรียนอยู่คณะทันตแพทยศาสตร์ปีสาม และถ้าฉันยังเรียนที่นี่ตอนนี้ก็คงจะอยู่ปีสี่ แต่เพราะไปเรียนต่อเมืองนอกแถมยังโอนหน่วยกิตไปมาบวกกับมันสมองที่ชาญฉลาดทำให้ ณ ตอนนี้ ฉันเรียนจบไปแล้วเรียบร้อย ฮี่ ^^V
“เก็บปากของแกเอาไว้กินข้าวเถอะท็อฟฟี่” ฉันแยกเขี้ยวใส่หมอนั่นก่อนจะปัดมือเขาออกอย่างไม่สบอารมณ์
“ฮ่าๆ”
“มีอะไรน่าขำมิทราบ?”
“เปล๊า” หมอนั่นยักไหล่ก่อนจะเดินเข้าไปคุยกับลีแคล “นายแจ้งเรื่องประชุมกับสมาชิกทุกคนแล้วใช่ไหม?”
“ครับรุ่นพี่ นี่ก็อีกเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาประชุม เดี๋ยวก็ทยอยกันมาแล้วล่ะ”
“ถ้างั้นฉันไปรอข้างในก็แล้วกัน” พูดเสร็จหมอนั่นก็เดินเข้าห้องประชุมไป
“ครับ”
ฉันตวัดสายตามองลีแคลกับท็อฟฟี่สลับกันไปมาก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปเจ๊าะแจ๊ะท็อฟฟี่ข้างใน
“นี่นาย จะประชุมเรื่องอะไรเหรอ”
“หือ? ...ก็เรื่องออกค่ายน่ะ”
“เห?”
“เธอเห็นหินที่วางอยู่บนโต๊ะนั่นใช่ไหม”
หมายถึงหินที่ฉันเกือบจะเอาปาหัวลีแคลสินะ “อื้ม เห็นๆ”
“เด็กๆ ที่นั่นต้องการให้พวกเราไปช่วยสอนเล่นกีฬาและฟื้นฟูโรงเรียนของพวกเขา”
“นี่พวกนายทำเรื่องแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”
“ก็เพิ่งไปมาไม่กี่ที่เอง สนองนโยบายจิตอาสาของประธานนักศึกษาน่ะ” ท็อฟฟี่ตอบมาอย่างไม่ใส่ใจ “แล้วที่ไม่ได้บอกเธอก็เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเธอน่ะสิ”
หน็อย!
“พวกนายเห็นฉันเป็นอะไรกันหา! ถ้าไม่ได้ใช้ประโยชน์ก็ไม่เคยจะนึกถึงเลยใช่ไหม” ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้เดือดขนาดนี้ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกยังไงยังงั้น
“เฮ้อ! โทษทีๆ ถ้างั้นก็มานั่งประชุมด้วยกันสิ ถ้าเธออยากรู้”
“ชิ!”
ฉันทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวซ้ายมือของประธานชมรม เอามือขึ้นกอดอกพลางถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด
“แล้วจะไปกันวันไหน”
“ยังไม่ได้กำหนดวัน อีกอย่างยังไม่แน่เลยว่าจะได้ไปกันหรือเปล่า” ท็อฟฟี่ยักไหล่ เหมือนยังไม่ได้ข้อสรุป
“ยังไง?”
“ก็นี่ไง ฉันถึงได้นัดประชุมวันนี้ เพราะว่าหน้าฝนมันไม่เหมาะกับการไปออกค่ายหรอกนะ”
“งั้นเหรอ... ที่แท้ก็กลัวลำบาก เหอะ!” ฉันอดที่จะค่อนแขวะไม่ได้
“มันไม่ใช่ว่ากลัวลำบากหรอก แต่ฉันเป็นประธานชมรมก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของสมาชิกในชมรมเอาไว้ก่อน”
“ขอโทษนะครับที่ให้รอ”
ระหว่างที่ฉันคุยกับท็อฟฟี่อยู่นั้นเสียงของลีแคลก็ดังขึ้นมาพร้อมกับร่างสูงโปร่งของหมอนั่นที่เดินเข้ามาในห้อง ลีแคลปรากฏตัวไม่นานก็มีสมาชิกชมรมคนอื่นๆ ประมาณสี่ห้าคนเดินตามกันเข้ามา
“โทษทีครับ พอดีอาจารย์ปล่อยช้านะ อ้าวโซอี เธอก็อยู่เหรอ?” หมอนั่นผู้ชายที่มีเรือนผมสีดำสนิทเอ่ยขึ้นมา ฉันตวัดสายตามองเขาแวบสั้นๆ ก่อนจะพยักหน้า เอ่ยทักทายออกไป
“ไม่ได้เจอกันซะนานเลยนะไฮด์”
“^^ นั่นน่ะสิ เธอเองก็ดูสวยขึ้นนะโซอี”
“หึ! ขอบใจ”
“แต่ก็ยังไม่น่ารักเหมือนเดิม”
“ก๊าซซซ นี่นาย!!”
“ฮ่าๆ”
“ยังชอบล้อเล่นกับยัยนั่นเหมือนเดิมเลยนะไฮด์” เสียงกวนๆ ของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาจากทางประตู
“ริคอส”
“^^ ไงโซอี”
“ชิ!” ฉันเบือนหน้าหลบผู้ชายคนนั้นอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ ถ้าให้เทียบกันแล้ว ระหว่างไฮด์กับริคอสฉันว่าคุยกับไฮด์ยังจะสบายใจซะกว่า ถึงหมอนั่นมันจะชอบแหย่ฉันเล่นเป็นบางเวลาก็เถอะ
“เสียใจด้วยนะเรื่องรุ่นพี่คุโชว์”
“...” ฉันหันขวับไปจ้องหน้าริคอสนิ่ง นับหนึ่งถึงสิบในใจ...
“เธอเจ็บปวดมากสินะ ก็อุตส่าห์ตามไปเรียนถึงต่างประเทศหนิ ^^”
“ก๊าซซซ นี่นายจงใจหาเรื่องฉันใช่ไหม!” ฉันกำหมัดแน่น ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ จ้องหน้าริคอสตาแทบถลนออกมาจากเบ้า ฮึ่ม!! นี่แหละเหตุผลที่ฉันไม่อยากจะเสวนากับริคอส เพราะมันกวนประสาทได้เจ็บมากๆ
“โซอี...” เสียงเข้มๆ ของท็อฟฟี่ดังขึ้น เหอะ! ฉันกัดริมฝีปากอย่างเจ็บใจก่อนจะยอมนั่งลงแต่โดยดี ปล่อยให้ริคอสลอยนวลนั่งอมยิ้มพอใจไปก่อน ได้โอกาสเมื่อไหร่ฉันเอาคืนแน่ๆ
“ขอโทษนะคะที่มาช้า...” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ฉันปรายตาไปมองครู่หนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่เสียงของท็อฟฟี่จะดังตามมา
“ไม่เป็นไรยังมีคนที่สายกว่าเธออีกมินตรา”
“แฮร่ๆ” ยัยนั่นยิ้มแหยๆ ก่อนจะกุลีกุจอเดินมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับฉัน
...ยัยนี่เป็นใครกันนะ ทำไมฉันไม่คุ้นหน้าเลย ชื่อมินตรางั้นเหรอ
“แล้วลีลาร์ล่ะลีแคล” ท็อฟฟี่หันไปทางลีแคล หมอนั่นยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาท็อฟฟี่
“เดี๋ยวก็คงถึงแล้วล่ะครับ”
สิ้นเสียงของลีแคลได้ไม่นานเสียงหวานใสของลีลาร์ก็ดังขึ้น “มาแล้วๆ โทษทีนะคะที่ทำให้ทุกคนต้องรอ แฮร่ๆ ^^”
ท็อฟฟี่ไม่พูดอะไร นอกจากตวัดสายตาไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะเอ่ยออกมา
“เอาล่ะ... ตัวหลักๆ ก็มากันครบแล้ว ฉันจะเริ่มประชุมเลยแล้วกัน ส่วนพวกที่เหลือก็ให้พวกนายที่ประชุมเสร็จไปกระจายข่าวกันอีกที เข้าใจนะ”
“ครับ/ค่ะ”
