ยอมปล่อย
@โรงพยาบาล
"ฮือๆ"
ตอนนี้ฉันนั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าห้องไอซียู โดยมีพ่อและแม่ของพี่มาเฟียอยู่ด้วยตอนนี้จิตใจของพวกเขาสองคนย่ำแย่มากโดยเฉพาะฉัน ตั้งแต่เกิดเรื่องแม่ของพี่เฟียก็โกรธฉันเอามากๆที่ทำให้ลูกชายเพียงคนเดียวของท่ายต้องเป็นแบบนี้ ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้จริงๆนะ ฉันมันไม่ดีที่เจ้าอารมณ์ถ้าเกิดว่าฉันปล่อยพี่เฟียไปตั้งแต่แรกทุกอย่างมันคงไม่เป็นแบบนี้ ถึงว่าล่ะทำไมพี่เฟียถึงเกลียดฉันมากก็เพราะว่าเขาไม่สามารถรักคนอย่างฉันได้ยังไงล่ะ คนงี่เง่าเอาแต่ใจ เห็นแก่ตัวแบบนี้คงไม่มีผู้ชายหน้าไหนรักได้หรอก
"หนูหลินอย่าร้องไห้เลยนะลูก มันเป็นอุบัติเหตุมันไม่ใช่ความผิดของหนูเลย"
"ถ้าหลินไม่ฟ้องพ่อแม่เรื่องที่หลินมีอะไรกันกับพี่เฟีย พี่เขาก็คงไม่เจอเรื่องอะไรแบบนี้" พ่อพี่เฟียปลอบใจฉันทั้งน้ำตา ทั้งๆที่เขาก็โกรธฉันนะลึกๆในใจแล้วอะฉันรู้ดี แต่ท่านก็ยังปั้นหน้ามาปลอบฉัน ฉันนี่โคตรรู้สึกผิดเลยที่ทำให้พวกเขาทั้งสองเป็นแบบนี้โดยเฉพาะแม่พี่เฟียที่ตั้งแต่มาถึงโรงพยาบาลแม่เขาก็เอาแต่เกาะประตูห้องผ่าตัดไม่ยอมปล่อย ยังคงรอข่าวดีของลูกชายด้วยความหวังถึงดูจากสภาพร่างกายแล้วอาจจะเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยก็เถอะ
"หลินขอโทษนะคะคุณแม่ ฮือๆๆ" ฉันถึงกับนั่งลงคุกเข่ากราบแทบเท้าของแม่สามี ฉันไม่รู้ว่าจะมีอะไรดีไปกว่าทำแบบนี้แล้ว ถึงแม้ว่าฉันไม่สามารถจะลบล้างความผิดทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงได้แล้ว ฉันก็อยากจะขอโทษเขาเพื่อให้เขาทั้งสองรับรู้ไว้ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น
"มาเฟียของแม่ แม่สงสารลูกเหลือเกิน ฮือๆ" เธอยังคงร้องไห้ออกมาและเสียงดังกว่าเดิมเธอไม่สนใจฉันที่นั่งกราบอยู่ตรงนี้ ราวกับว่าท่านกำลังจะสติกระเจิดกระเจิงไปแล้วจึงร้องหาแต่ลูกชาย
แอดดดดดดดด
เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมงในที่สุดประตูของห้องไอซียูก็ถูกเปิดออกก่อนที่คุณหมอและคุณพยาบาลจะเดินออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้า
"คุณหมอคะ มาเฟียลูกฉันเป็นยังไงบ้างคะ" แม่พี่เฟียรีบวิ่งเข้าไปเกาะแขนคุณลุงหมอคนนั้นพร้อมกับออกแรงเขย่าเพื่อเค้นเอาความจริงว่าลูกชายของท่านนั้นปลอดภัยหรือเปล่า ส่วนฉันและคุณพ่อสามีก็รอลุ้นอยู่เหมือนกันว่าอาการของพี่เฟียตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง แต่ทว่าคุณหมอและพยาบาลกลับแสดงสีหน้าแบบนี้มันยิ่งทำให้เราสามคนคิดไม่ดี
"เสียใจด้วยนะครับหมอทำดีที่สุดแล้ว"
ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก
"พี่เฟีย..."
เสียงหัวใจของฉันมันเต้นโครมๆขึ้นมาอย่างหนักเมื่อได้ยินข่าวร้ายที่สุดในชีวิตที่ฉันเคยได้ยินมาหลุดออกมาจากปากของคุณลุงหมด แก้วหูทั้งสองข้างดับไปไร้การได้ยิน ถ้อยคำเมื่อครู่มันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลาเพื่อตอกย้ำว่า เขาได้จากไปแล้ว พี่เฟียจากฉันไปแล้ว และเรื่องทุกอย่างมันก็เกิดจากฉัน เขายอมตายถ้าต้องมีฉันเป็นเมีย เขาพิสูจน์ให้ฉันเห็นแล้วว่าเขาเกลียดฉันจริงๆ
"มาเฟีย กรี๊ดดดด! ไม่จริง! ไม่จริงใช่ไหมคุณ"
"หนูหลินแกทำให้ลูกฉันตาย แกทำให้ลูกฉันตายอีผู้หญิงเฮงซวย!"
"คุณหญิงตั้งสติก่อน"
"ฮือๆ หลินขอโทษ"
"ฮึก! เข้าไปดูลูกดีกว่านะคุณ" จากนั้นคุณพ่อสามีก็พาภรรยาเข้าไปดูร่างไร้วิญญาณของลูกชายเพียงคนเดียว โดยที่พวกเขาไม่ยอมให้ฉันเข้าไปข้างในด้วย ดูสิตอนนี้ฉันมันน่าสมเพชแค่ไหน ขนาดร่างไร้วิญญาณของสามีตัวเอง ฉันยังไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าไปดูใกล้ๆเลยทำได้เพียงมองลอดผ่านประตูกระจกใจดูพ่อและแม่ของเขาร่ำไห้ร่ำลาลูกชาย
"มาเฟีย อย่ามาจากแม่ไปแบบนี้ฮือๆ" ทั้งสองกอดร่างของพี่เฟียด้วยความโศกเศร้าเสียใจราวกับจะขาดใจตาย ตอนนี้เรื่องราวที่ผ่านมาของพี่เฟียและฉันมันแล่นเข้ามาในหัวตั้งแต่วันแรกที่ฉันเจอเขาในวันงานรับปริญญาตรีฉันจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันแรกที่ฉันตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ต่อจากนั้นก็ตามจีบมาตลอด แต่พอวันนี้ฉันได้เป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาแล้วเขากลับมาจากฉันไป ที่เขาจากไปเพราะเขาเกลียดฉัน ไม่อยากเป็นสามีของฉัน เขาอยากให้ฉันหายไปอยู่ตลอดเวลา แล้วถ้าเกิดว่าวันนี้ฉันยอมเดินจากเขาไปอย่างไร้ร่องรอยเขาจะให้อภัยฉันแล้วกลับมามีชีวิตเหมือนเดิมได้หรือเปล่า ฉันยอมเป็นคนแปลกหน้าถ้าเขามีชีวิตอีกครั้งและใช้มันอย่างมีความสุข ฉันขอโอกาสทำเพื่อเขาเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม....
"พี่เฟีย ตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตที่พี่อยากใช้เถอะนะคะ ถ้าหากเทพเจ้ามีจริงได้โปรดคืนชีวิตเขาคืนมา เพราะถ้าพี่มีลมหายใจอีกครั้งหลินจะหย่ากับพี่และจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับพี่อีกตลอดไป"
ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก
พรึ่บ!
"เฮือก!"
"มาเฟีย! มาเฟียฟื้นแล้ว คุณหมอคะ ลูกฉันฟื้นแล้วค่ะคุณหมอ!"
00.00 น.
"พี่เฟียเป็นยังไงบ้างคะคุณพ่อ!" ฉันดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าห้องไอซียูด้วยความรวดเร็วเมื่อพ่อของพี่เฟียเดินออกมา พร้อมกับเอ่ยถามเขาด้วยความเป็นห่วงหลังจากที่เขาฟื้นคืนชีพกลับขึ้นมาเมื่อสามสิบนาทีก่อน
"มาเฟียปลอดภัยแล้วล่ะ หนูหลินไม่ต้องเป็นห่วงนะ"
"ค่ะ หลินเชื่อแล้วล่ะค่ะว่าปาฏิหาริย์มีจริง" ฉันอยากจะขอบคุณทุกอย่างที่เขาให้เขากลับมามีชีวิตอีกครั้งฉันไม่รู้หรอกนะว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงไหม แต่ยังไงก็ขอบคุณจริงๆ
"หนูหลิน พ่อขออะไรอย่างนึงได้ไหมลูก"
"..."
"หนูหลินช่วยหายไปสักพักก่อนได้ไหมลูก หายไปสักเดือนสองเดือนให้สภาพจิตใจของเจ้ามาเฟียมันดีขึ้นก่อน แล้วหนูค่อยกลับมาได้ไหม" ฉันถึงกับชะงักไปชั่วขณะเมื่อได้ยินพ่อพี่เฟียพูดแบบนั้น ท่านก็คงอยากจะให้ฉันจากลูกชายเขาไปนั่นแหละแต่ไม่กล้าบอกให้ฉันหย่ากับพี่เฟียตรงๆเพราะเพิ่งจดทะเบียนกันวันนี้ แต่ก็ดีเหมือนกันโอกาสนี้แหละที่ฉันจะแสดงให้ทุกคนรู้ว่าฉันสามารถเสียสละความสุขของตัวเองเพื่อคนที่ฉันรักได้ ถึงเวลาที่ต้องชดใช้แล้วหนูหลิน...
"หูย ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลยค่ะ ต่อไปนี้หลินจะไม่มายุ่งวุ่นวายชีวิตพี่เฟียอีกแล้วล่ะค่ะ หลินจะปล่อยพี่เฟียเขาไปใช้ชีวิตที่ประเทศจีนอย่างที่เขาตั้งใจไว้ หลินจะคอยดูวันที่พี่เฟียประสบความสำเร็จที่เมืองไทยนี่ล่ะค่ะ คุณลุงไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ" ในขณะที่ฉันพูดออกมาน้ำตาของฉันก็ไหลเอ่อล้นออกมาด้วย แต่ที่น่าสงสารก็คือฉันยังคงพยายามฝืนยิ้มอยู่อย่างนั้นเพื่อให้พ่อพี่เฟียสบายใจว่าฉันไม่ได้เป็นอะไร และฉันก็เต็มใจมากๆด้วยที่จะเลิกยุ่งวุ่นวายกับลูกชายเขา ตอนนี้ฉันเหมือนคนเป็นไบโพล่าร์เดียวยิ้มเดียวร้องไห้ สติสัมปชัญญะมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วจริงๆ แต่คนอย่างฉันพูดคำไหนต้องเป็นคำนั้นฉันสัญญาไว้ว่าถ้าเขาฟื้นขึ้นมาฉันจะไปจากเขา ฉันก็ต้องไป ถึงในใจจะเจ็บปวดก็ตาม....
"หนูหลิน ทำไมหนูถึงเสียสละขนาดนั้น"
"เรื่องระหว่างหลินกับพี่เฟียมันไม่ใช่ความรักหรอกค่ะ หลินยังเด็กอีกสองสามเดือนหลินก็ลืมพี่เฟียแล้วค่ะ ฮ่าๆๆ"
"ขอบคุณมากเลยนะหนูหลิน พ่อไม่คิดว่าหนูจะเป็นคนดีขนาดนี้"
"หลินตามจีบพี่เฟียมาเกือบห้าปีหลินท้อแล้วล่ะค่ะ หลินเอาเวลาไปตั้งใจเรียนดีกว่า ต่อจากนี้หลินขอให้พี่เฟียมีแต่ความสุขอย่าให้เจอคนอย่างหลินอีกนะคะ"
หลังจากวันนั้นมาสี่ปีฉันก็ไม่ยอมปรากฏตัวให้พี่มาเฟียเห็นอีก และพวกเขาก็ย้ายไปอยู่จีนทั้งครอบครัวเพื่อสร้างอนาคตใหม่กันที่นั่น ฉันเปลี่ยนทำการเบอร์ใหม่ และใจแข็งลบเบอร์เขาทิ้ง แต่สิ่งเดียวที่ฉันไม่สามารถลบออกจากใจได้ก็คือเขา ที่ผ่านมารักเขายังไงฉันก็ยังคงรักเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง....
