เหยียดหยาม
"นี่ลูกสาวของท่านบรรพตหรอครับ หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มทั้งสองคนเลย" ชายวัยกลางคนทักท้วงสองสาวที่นั่งตรงข้ามเขาโดยที่มีพ่อผู้บังเกิดเกล้าและภรรยานั่งทางด้านซ้ายมือของนาบี ส่วนไวน์และรดาก็นั่งทางด้านขวามือของมาเบล
"ขอบคุณค่ะลุงพงษ์" นาบีกล่าวขอบคุณคนตรงหน้าที่มีอายุมากกว่าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแป้นออกมารอยยิ้มของเธอมันช่างให้ความรู้สึกที่ดีเหลือเกินราวกับว่าโลกใบนี้กำลังจะกลายเป็นสีชมพู แต่พอตัดภาพมาที่น้องสาวสุดที่รักกับทำหน้าเหมือนเบื่อโลกและเกลียดทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบข้าง
"ส่วนนี่คงจะเป็นหนูรดาลูกสาวคนเดียวของท่านวาทีสินะ"
"ใช่ค่ะ ส่วนคุณลุงก็คือคุณลุงพงษ์เจ้าของบริษัทขายเครื่องออกกำลังกายใช่ไหมคะ"
"หึๆ ใช่แล้วล่ะ"
"ส่วนคุณ...." พงษ์เพ่งมองใบหน้าหล่อคมผู้ที่เป็นชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่นั่งร่วมโต๊ะจากนั้นคนวัยกลางคนก็แสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาเหมือนฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคุณไวน์"
"คุณ...รู้จักผมด้วยหรอครับ"
"แหม ลูกชายของท่านวายุอดีตนายกผู้โด่งดังผู้คนสาปแช่งกันทั้งบ้านทั้งเมืองใครจะไม่รู้จักล่ะ" เมื่อไวน์ได้ยินดังนี้ไฟโทสะของเขาก็แทบจะประทุขึ้นมาในทันทีที่ถูกพูดเหน็บแนมแบบนี้ แต่วิสัยของเขานั้นเป็นคนที่มีสติและไหวพริบดีพอสมควรเรื่องพวกนี้จึงไม่สามารถทำให้เขามีอารมณ์ได้
"หึ ครับรู้จักกันไว้ก็ดีแล้ว"
เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อยฉายแววตาความเจ้าเล่ห์ให้คนตรงหน้า ตอบกลับพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบาๆ ดวงตาคมเข้มยังคงทำสงครามเย็นกับพงษ์อย่างต่อเนื่องเพราะไม่ว่าใครจะทำอะไรไว้กับเขาก็ตามเขาไม่ยอมถอยออกมาก่อนแน่ ตอนที่เริ่มก็ใช่ว่าเขาจะเริ่มก่อน เพราะเหตุนี้ทุกสายตาที่นั่งอยู่ร่วมโต๊ะจึงจับจ้องมาที่เขาด้วยแววตาที่สื่อถึงความสงสัยว่าชายหนุ่มและชายวัยกลางคนนั้นเคยมีเรื่องอะไรกันมาก่อนหรือเปล่า เวลาล่วงเลยไปประมาณสามนาทีคนที่ยอมแพ้ก็ยอมเลื่อนสายตาไปยังลูกสาวคนโตของสจีและบรรพตก่อนที่จะทำการไถ่ถามต่อ
"ว่าแต่หนูนาบีนี่เรียนอยู่ปีสี่แล้วใช่ไหมใกล้จะจบแล้วนิ พอเรียนจบแล้วก็คงจะบริหารธุรกิจของที่บ้านต่อสินะ"
"ใช่ค่ะ เพราะบีก็คงออกไปหางานทำข้างนอกไม่ได้ธุรกิจที่บ้านยังขาดคนช่วยเหลืออีกเยอะ"
"ลูกบีเรียนเทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายแล้วล่ะค่ะคุณพงษ์ นี่แม่ก็หวังว่าจะจบออกมาเกรดเฉลี่ยสี่จุดศูนย์ศูนย์อย่างที่หวังมันก็คงจะต้องเป็นอย่างนั้น" สจีออกตัวแรงชมลูกสาวเพียงคนเดียวต่อหน้าทุกคนโดยที่ไม่แคร์เด็กสาวที่อยู่รุ่นเดียวกันกับนาบีเลยว่าทั้งสองสาวจะรู้สึกยังไงกับการที่สจีพูดอวยลูกสาวแต่สายตากลับมองเหยียดรดาและมาเบลราวกับว่ายังไงสองสาวในที่นี้ก็เทียบนาบีไม่ได้
"หึๆๆ แล้วเราล่ะเรียนจบแล้วจะทำอะไร "
"เบลอยาก..."
"ลูกสาวคนนี้คงจะหวังพึ่งอะไรไม่ได้หรอกคุณพงษ์ วันๆเอาแต่ช๊อปปิ๊งแต่งตัวหนังสือหนังหาก็ไม่อ่านแถมเกรดเฉลี่ยยังน้อยมากเทียบลูกบีไม่ติดเลย ฮ่าๆ"
"ฮ่าๆๆ" หลังจากที่ถ้อยคำดูถูกเหยียดหยามออกมาจากปากของคนที่ขึ้นชื่อว่าพ่อแท้ๆผู้ใหญ่ทั้งสามก็ทำการหัวเราะร่าออกมาเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องตลก นาบีรีบหันหน้าไปมองน้องสาวเพียงคนเดียวของตนแววตาฉายแววความเป็นห่วงออกมาอย่างชัดเจน แต่สายตาของมาเบลที่มองเธอนั้นกลับเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจที่มองตรงไหนเธอก็สู้พี่สาวไม่ได้ หญิงสาวจึงทำได้เพียงนั่งก้มหน้ามองตักตัวเองพร้อมกับข่มอารมณ์ความโกรธและไม่พอใจของตนเองลง
'ตลกกันขนาดนั้นเลยหรอ'
รดาถือวิสาสะเอื้อมมือไปกอบกุมมือเธอไว้เพื่อเป็นการปลอบใจก่อนที่จะคลี่ยิ้มน้อยๆให้เพื่อเป็นกำลังใจให้เธอเข้มแข็ง แต่มาเบลคงไม่ทันสังเกตุว่าไม่ได้มีแค่สองสาวเท่านั้นที่เป็นห่วงเธอ เพราะในขณะนี้ไวน์ก็เกิดความรู้สึกสงสารเธอขึ้นมาเหมือนกันภายนอกเธออาจจะเป็นผู้หญิงที่นิสัยไม่ดี แต่พอเห็นเธอโดนดูถูกเหมือนที่เขาเจอแล้วเขาก็เข้าใจความรู้สึกเธอดีและอีกอย่างมาเบลก็เป็นคนที่เก็บเอาเรื่องแบบนี้มาคิดตลอด ช่างต่างกับเขาที่ไม่เคยใส่ใจเรื่องไร้ค่าแบบนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
"เอ่อ...ไม่จริงเลยนะคะคุณพ่อบีต่างหากที่เทียบน้องไม่ได้เลย ลุงพงษ์รู้ไหมคะว่ามาเบลเขาเป็นถึงดาวมหาลัยเลยนะคะแมวมองจากหลายๆสังกัดต่างก็พากันแย่งตัวน้องทั้งนั้น หนุ่มๆในมหาลัยต่างก็ตามจีบยกใหญ่ มาเบลเธอเก่งมากๆเลยค่ะ"
"ใช่ค่ะ นาบีพูดถูกเบลอะเก่งที่สุดเลยบางครั้งดายังแอบอิจฉาเลยค่ะ ฮ่าๆ"
"หึ ความสวยมันไม่ได้ทำให้ธุรกิจของเราดีขึ้นเลยนะแล้วไอ้นักแสดงนั่นพ่อก็ไม่รู้ว่ามันจะรวยอะไร!"
ปัง!
"แต่ทุกวันนี้อาชีพไหนก็สามารถทำกำไรให้กับตัวเองได้นะครับ ถ้ามันไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน" ในที่สุดความอดทนของไวน์ก็ถึงขีดจำกัดมือหนาตบโต๊ะเสียงดังสนั่นจนทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาจุดเดียว ดวงตาสีดำสนิทมีไฟโทสะลุกโชนเยี่ยงไฟในนรก เขาไม่สามารถทนนั่งฟังสาวน้อยที่ไม่มีทางสู้ถูกเหยียดหยามได้เพราะนี่มันเป็นการกระทำที่น่าเกลียดมากสำหรับผู้ใหญ่ที่กล้าทำกับเด็ก
"คุณเป็นใคร พูดแทรกขึ้นมากลางวงสนทนาของครอบครัวคนอื่นแบบนี้ไม่มีมารยาท!"
"ผมแค่ทนกับพฤติกรรมต่ำๆของคนที่แทนตัวเองว่าพ่อไม่ได้น่ะครับที่กล้าเอาเรื่องไม่ดีของลูกไปเล่าให้คนอื่นฟัง!"
"นี่!"
พรึ่บ!
"เบลขอตัวนะคะ" หลังจากนั้นสาวน้อยมาเบลก็เดินออกจากที่ตรงนี้ไปแล้วปล่อยให้ไวน์และบรรพตฟาดฟันกันด้วยสายตา บรรพตมองเขาด้วยสายตาปานกินเลือดกินเนื้อเมื่อถูกคนที่เด็กกว่าทำกร่างใส่ แต่ก็ใช่ว่าชายหนุ่มจะยอมแพ้ เขายังมองบรรพตด้วยแววตาที่เลือดเย็นเหมือนเพชรฆาตเขาพร้อมที่จะฆ่าคนตรงหน้าได้ทุกเมื่อถ้าเขาต้องการจะทำ!
