6. แรกเริ่มพาลพบ
ณ.ท่าเรือ
ฉันกับไอ้กรณ์เรามาถึงยังจุดนัดพบ คราวแรกนึกว่าจะมีคนไม่เท่าไหร่ แต่จากที่ดู คนทั้งหมดในบริเวณนี้กลับมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นคือเกาะโรงแรมที่พวกเรากำลังจะไป
“ไอ้กรณ์ แกแน่ใจนะว่าเราดีลได้งาน ดูท่าเหมือนแค่เรียกเราไปเพื่ออวดโรงแรมเฉย ๆ รึเปล่า”
“ไม่หรอก เขาบอกว่าบริษัทเราจะเป็นส่วนหนึ่งในการปรับปรุงโรงแรมเลยนะ”
“เอาเถอะ ก็ขอให้ไม่ไปเสียเที่ยวละกัน ได้งานติดมือมาสักหน่อยก็ยังดี แต่มันน่าแปลกอยู่อย่างนะ”
“ยังไง” ไอ้กรณ์หันมาพูดกับฉันเพราะไม่เข้าใจเรื่องที่ฉันจะสื่อ
“ทุกบริษัทที่เขาชวนมา ทำไมต้องมีผู้หญิงอยู่ด้วยทุกคนวะ ขนาดแกเองยังต้องมีฉันเลยแปลก ๆ”
“...” ไอ้กรณ์ทำหน้าคิดตาม “จริงแหะ พอสังเกตแล้ว เหมือนผู้หญิงจะเยอะกว่าผู้ชายด้วย สวยทั้งนั้น หวานหมู”
“ไอ้กรณ์ ช่วยเป็นการเป็นงานหน่อยเถอะ”
“ฟ้าคราม มึงอย่าคิดมากเลย ไม่มีอะไรหรอก”
“เฮ้อ...เออ ไม่คิดก็ได้”
ตอนนี้ทุกคนอยู่บนเรือกันหมดแล้ว เรือลำใหญ่ลำนี้ก็กำลังฝ่าคลื่นมุ่งหน้าไปยังเกาะขนาดใหญ่ที่เป็นจุดหมายปลายทาง
ไม่นานนักเกาะนั้นก็ค่อย ๆ ทอดมองผ่านด้วยสายตาได้ เกาะขนาดใหญ่ พร้อมกับตึกอาคารขนาดมหึมาตั้งตระหง่านอย่างเห็นได้ชัด
“เชี่ย เคยเห็นแต่ในรูป ไม่คิดว่าของจริงจะใหญ่ขนาดนี้ น่าจะเกินหมื่นล้านไปมากโขแล้วมั้ง” ฉันจ้องไปยังเกาะนั้นตาไม่กะพริบ
“ไม่น่าเชื่อว่า ตึกโออ่าขนาดนี้ ทำเลเกาะก็ไม่ได้ห่างจากท่าเรือเท่าไหร่ ทำไมถึงเจ๊งได้กันนะ” ไอ้กรณ์พูดถึงการล้มละลายของโรงแรมแห่งนี้ ทั้งที่หลายปีก่อนตอนเปิดตัวนั้นเฟื่องฟูแท้ ๆ แต่จู่ ๆ จำนวนนักท่องเที่ยวก็ลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว จนเจ้าของอสังหานั้นก็หาทางแก้ไม่ได้ สุดท้ายก็เจ๊งไม่เป็นท่า แถมยังฆ่าตัวตายยกครัวหนีหนี้ที่เกิดจากการสร้างสถานที่มูลค่าหมื่นล้านนี้อีก
แต่ฉันนะพอรู้สาเหตุที่มันเป็นแบบนั้นอยู่นะ มันไม่ใช่เรื่องการขัดขาธุรกิจอะไรหรอก แต่มันเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับที่ไม่มีใครมองเห็น และไม่มีใครแก้ได้ ‘แต่ฉันทำได้’
“หวังว่า บริษัทเราจะได้โครงการนี้จริง ๆ นะ” ฉันได้แต่สวดมนต์ภาวนายิ่งเห็นพวกเขาที่แออัดภายในตึกนั่นแล้ว ยิ่งอยากร่วมทำงานกับพวกเขาใจจะขาด ไม่ใช่อยากทำให้กลุ่มนายทุนพวกนี้ร่ำรวยหรอก แต่ฉันอยากช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นให้ไปสู่สุคติ เท่าที่ทำได้ต่างหาก ก็เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ล่ะมั้ง
“เชิญทุกท่านทางนี้เลยครับ” ชายที่แต่งตัวราวกับพนักงานโรงแรม เชิญให้เหล่านักธุรกิจจากหลากหลายบริษัทลงจากเรือเพื่อไปยังโรงแรมแสนโอ่อ่านี้ หลังจากทีถูกรีโนเวท ตึกที่เคยร้างก็กลับถูกเนรมิตให้เหมือนราวกับเวทมนตร์ นี่เพียงตึกเดียวนะ ถ้าหากมันถูกรีโนเวททั้งเกาะแล้ว ไม่อยากจะคิดว่ามันจะสวยมากขนาดไหน
เมื่อทุกคนถูกเชิญให้มายังโถงหรูกลางโรงแรม โดยมีตัวแทนจากกลุ่มนายทุนขึ้นประกาศตอนรับบนเวทีเล็ก ๆ ที่จัดไว้ พร้อมทั้งจัดแจงอำนวยความสะดวกให้ทุกคนภายในนี้
ดูเหมือนคนในงานต่างก็ต้องตกตะลึงกับการตกแต่งที่หรูหราไฮคลาส มันถูกประดับด้วยของมูลค่าสูงทั้งนั้น ทำให้ทั้งฉันกับไอ้กรณ์ จากที่รู้สึกว่าที่เป็นอยู่รวยกันอยู่แล้ว ตอนนี้กลับเหมือนกำลังถูกบีบให้ตัวเล็กลงอย่างเจียมตัว
“ให้ตายเถอะ โรงแรมอะไรวะเนี่ย นี่แค่ห้องโถงทำเอาตกใจชะมัด” ไอ้กรณ์มองไปรอบ ๆ จนตาค้าง ส่วนฉันก็ไม่ต่างกัน มองไปทางไหนก็เจอแต่ของตกแต่งราคาแพงที่เคยเห็นบนเว็บไซต์เท่านั้น อย่างโคมไฟอันนั้นยังเคยพูดเล่นกับไอ้กรณ์เลยว่า ราคาตั้งห้าสิบเจ็ดล้าน ใครจะโง่ซื้อวะ แต่ตอนนี้มันกลับแขวนตระหง่านไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่มีถึงสิบ นี่เฉพาะห้องโถงนะ จะเป็นลม เสียดายเงินชะมัด
อยู่ ๆ ฉันก็รู้สึกขนลุกเกลียว ราวกับมีสายตาคนกำลังจ้องมองฉันอยู่
“เป็นอะไรฟ้า” ไอ้กรณ์ที่อยู่ข้าง ๆ คงสังเกตเห็นฉันกอดตัวเอง
“ไม่มีอะไร จู่ ๆ ก็รู้สึกหนาวขึ้นมาเท่านั้นแหละ”
“เรารีบไปลงทะเบียนรับกุญแจห้องและกำหนดการตรงนั้นก่อนเถอะ มึงจะได้พักผ่อน”
“อืม”
ทางโรงแรมได้จัดห้องพักให้กับทุกคนตามชื่อที่ได้ลงทะเบียนไว้ตั้งแต่แรก ไม่คิดเหมือนกันว่าจะใจป้ำให้ห้องพักที่โออ่าแบบนี้คนล่ะห้อง ห้องที่ฉันได้พักนี่แทบจะใหญ่เท่าบ้านของฉัน พอเห็นแบบนี้แล้ว สงสัยถึงเวลาที่ฉันคงต้องเปลี่ยนบ้านใหม่แล้วล่ะ
“กว่ากำหนดการเลี้ยงต้อนรับจะมีขึ้น ก็ตอนเย็นโน้น งั้นนอนสักพักน่าจะดี” ฉันที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว จึงส่งไลน์ไปบอกไอ้กรณ์ ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนบนฟูกหนานุ่ม
“เอ่อ...คุณผีคะ โปรดอย่ารบกวนการนอนของฉันนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” ฉันเอ่ยบอกเจ้าที่ ก่อนจะฟุบนอนหลับไปอย่างง่ายดาย
(Zzz)
ช่วงค่ำ
ไม่รู้ว่านอนไปนานแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ ผีที่นี่ให้ความร่วมมือกับฉันมาก ๆ พวกเขาไม่มาก่อกวนเวลานอนของฉันเลย ไว้ค่อยตอบแทนพวกเขาทีหลังแล้วกัน
ฉันตื่นขึ้นมาพลางควานหามือถือเพื่อดูเวลา
“เชี่ยแล้ว ทุ่มแล้วเหรอเนี่ย แถมมันยังโทรมาเกือบสิบสาย”
ฉันรีบโทรไลน์ไปหาไอ้กรณ์อย่างเร่งด่วน
“กรณ์ โทษทีกูเผลอหลับลึกนานไปหน่อย”
(กูก็โทรไปไม่รู้กี่สาย แต่เพราะรู้จักแกดีเลยไม่อยากขึ้นไปปลุก)
“ตอนนี้มึงอยู่ไหน”
(ห้องเลี้ยงรับรองแขก ตอนนี้คนจากหลายบริษัทเริ่มมากันแล้ว มึงรีบแต่งตัวสวย ๆ มาด้วยล่ะ เดี๋ยวกูผูกมิตรกับบริษัทอื่น ๆ ไว้ก่อน)
“อืม เดี๋ยวกูรีบไป”
หลังวางสายฉันก็รีบแต่งตัวด้วยชุดเดรสสีดำที่เตรียมมา ต้องสวยประจักษ์ไว้ก่อน เพราะแรกพบมันน่าจดจำมากกว่า เพื่อบริษัท เพื่อผลประกอบการ
ภายในงานผู้คนชนชั้นสูงอุ่นหนาฝาคั่ง ต่างทักทายทำความรู้จักกัน บ้างก็อวดอ้างความเก่ง ความรวย ทับถมกันอย่างไม่อาย แต่ก็นั่นแหละชีวิตของแวดวงธุรกิจ สิ่งที่ข่มกันได้ก็คือความรวย กำไร ผลประกอบการ และการเป็นหนึ่งในด้านของตน
ฉันกับไอ้กรณ์ แม้จะเป็นบริษัทขนาดกลาง แต่เพราะบริษัทแม่นั้นก็เป็นท็อปของธุรกิจ ซึ่งไอ้กรณ์เองก็มีโปรไฟล์ดีไม่แพ้ใครในนี้เหมือนกัน ก็เป็นถึงลูกชายของบริษัทแม่ อย่าง K Group จำกัด(มหาชน) เลยนะ
วันนี้ก็อย่างเคย ยังไม่ได้ร่วมประชุมอะไรที่เป็นทางการเกี่ยวกับโครงการความร่วมมืออะไรทั้งนั้น ดูท่ากลุ่มนายทุนนี้จะร่วมอู้ฟู่กันมาก สามวันที่ต้องอยู่ที่นี่ มีแต่เลี้ยงสังสรรค์ กับการพาเดินทัวร์ตึก ส่วนการประชุมมีแค่ พรุ่งนี้เท่านั้น จนตอนนี้ก็ยังไม่เคยเห็นผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มนายทุนเลยด้วยซ้ำ
“ไหน ๆ ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว กูขอออกไปดื่มกับเดินรับลมแล้วกัน” ฉันหันไปกระซิบไอ้กรณ์ที่ยังเอาแต่สานสัมพันธ์กับกลุ่มนักธุรกิจ
“อืม พรุ่งนี้ต้องเข้าร่วมเสนอแผนงาน เตรียมตัวด้วยล่ะ”
“รู้แล้วนา ระดับกูไม่มีพลาดหรอก”
ฉันเดินออกจากห้องรับรองเดินออกไปเรื่อย ๆ จู่ ๆ ก็รู้สึกขนลุกอีกแล้ว มันเป็นความรู้สึกที่เคยสัมผัสมาก่อนเหมือนตอนนั้นไม่มีผิด ความรู้สึกชวนน่าหวาดผวา และ รับรู้ได้ถึงความรู้สึกเกลียดชัง
แทนที่ฉันจะเดินหนี ฉันกลับเดินเข้าหามันอย่างเคยชิน ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมร่างกายถึงตอบสนองกับแรงอาฆาตนั้น
ฉันเดินไปจนถึงดาดฟ้า เพียงเปิดประตู ลมก็โชยพัดจนผมฉันปลิวไปตามลม ที่ปลายสายตาปรากฏผู้ชายร่างสูงใหญ่กำลังยืนสูบบุหรี่ และหันมองไปยังท้องทะเล แม้ยังไม่เห็นหน้า แต่ก็ทำให้รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมา จนพวกผีรอบข้างที่จ้องมองเขาเขม็งไม่แม้แต่เข้าใกล้ เขาคนนี้คุ้นตาจัง
“หาตัวเจอจนได้ ไม่คิดว่าจะเดินเข้ามาหาเอง” เสียงคมเข้ม บาดลึกเอ่ยออกมา ทำให้ฉันตื่นจะภวังค์ หันมองซ้ายขวาไปมา อย่างงงงวย ชายร่างสูงคนนี้ หาใครเจอ ที่เขาพูดหมายถึงใคร บนดาดฟ้านี้ก็ไม่เห็นว่าจะมีคนอื่น เขาคงไม่ได้หมายถึงฉันหรอกใช่มั้ย
ทันทีที่ชายร่างสูงใหญ่ทิ้งก้นบุหรี่ก่อนจะหันหน้าอันคมคายนั่นมาทางฉัน นัยน์ตาสีอ่อนของฉันก็เบิกโพลงค้างไปทั้งอย่างนั้น สายตาประสานยากจะเข้าใจ
“คุณ !!!”
