บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5: ฆาตกร

ผ่านมาแล้วหนึ่งเดือนหลังจากมีการตายของชาวบ้าน และจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้สถานการณ์มันยิ่งตึงเครียดมากยิ่งขึ้น เพราะว่าการตายของชาวบ้านหมดทั้งหมู่บ้านเกิดขึ้นไปแล้วทั้งหมดสี่ครั้ง และคดีนี้ก็ยังเป็นปัญหาที่มืดแปดด้านของตำรวจหน่วยสืบสวน เนื่องจากว่าพวกเขายังไม่สามารถตามหาพยานและหลักฐานที่สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อหาสาเหตุของการตายของชาวบ้านเหล่านี้ได้เลยว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่

เพราะสิ่งเดียวที่พวกเขารู้ในตอนนี้ก็คือเมื่อมีการตายเกิดขึ้น การตายของชาวบ้านเหล่านี้จะตายพร้อมกันทั้งหมู่บ้าน สภาพศพของผู้ตายก็ยังเหมือนกันนั่นก็คือร่างกายของศพมีสภาพแห้งเหี่ยวเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้าง ลิ้นจุกปาก แขน ขา นิ้วมือและนิ้วเท้าจิกเกร็ง

ทั้งสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกรอบๆ ศพยังเหมือนกัน นอกจากนั้นภายในหมู่บ้านที่เกิดเหตุสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยหรือสัตว์เลี้ยงต่างหายไปหมดไม่ว่าจะเป็น เป็ด ไก่ หมู หมา วัว ควาย สัตว์ทุกตัวจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับไม่เคยมีพวกมันมาก่อน และทางตำรวจหน่วยสืบสวนก็เชื่อว่าเหตุการณ์ในลักษณะนี้ถ้าเกิดจากการฆาตกรรมจริงๆ น่าจะเกิดจากการลงมือของคนๆเดียวกัน เนื่องจากว่าลักษณะของสิ่งแวดล้อมต่างๆและการตายของชาวบ้านนั้นมีลักษณะเหมือนกันทั้งสี่หมู่บ้านนั่นเอง

และการที่มีเรื่องของชาวบ้านตายทั้งหมู่บ้านต่อเนื่องกันมาแล้วถึงสี่หมู่บ้านในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือน นั่นทำให้ชาวบ้านเกิดอาการหวาดกลัวและใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง เพราะเชื่อว่าผีร้ายที่ออกอาละวาดไล่ฆ่าผู้คนอยู่ในเวลานี้สักวันหนึ่งพวกมันจะมาที่หมู่บ้านของเขาและทำให้พวกเขาต้องตกตายเหมือนกับหมู่บ้านก่อนหน้านี้

จนเกิดข่าวลือเรื่องผีร้ายกำลังออกตามล่าเอาดวงวิญญาณของผู้คนค่อย ๆ กระจายเป็นวงกว้างไปทั้งจังหวัดเชียงใหม่อย่างรวดเร็ว รวมทั้งข่าวที่ออกจากสื่อโทรทัศน์และวิทยุยิ่งทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น จนเป็นสาเหตุให้ชาวบ้านในชนบท รวมไปถึงคนที่อยู่ในเมืองเองเริ่มเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตนั่นก็คือเมื่อถึงเวลาที่พระอาทิตย์ตกดินผู้คนจะรีบกลับเข้าไปอยู่ในบ้านของตนเองทันที

จนทำให้ตามหมู่บ้านและตัวอำเภอที่อยู่ห่างไกลมีบรรยากาศที่เงียบเชียบและวังเวงเป็นอย่างมาก เพราะชาวบ้านไม่กล้าออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านเพราะกลัวว่าผีร้ายเหล่านี้จะมาเอาดวงวิญญาณของพวกเขาไป ส่วนตำรวจหน่วยสืบสวนก็เริ่มทำงานกันยากขึ้น เนื่องจากชาวบ้านเริ่มที่จะไม่ให้ความร่วมมือกับพวกเขาแล้วนั่นเอง

ส่วนผมในตอนนี้กำลังเดินทางไปที่หมู่บ้านที่เกิดเหตุการณ์ตายของชาวบ้านทั้งหมู่บ้านอีกครั้งและครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 4 แล้วที่มีเหตุการณ์การตายเกิดขึ้น และเนื่องจากว่าครั้งนี้ตำรวจหน่วยสืบสวนไม่สามารถหาที่พักได้ ดังนั้น ในการออกต่างอำเภอในครั้งนี้พวกเราจึงเลือกนอนพักภายในวัดป่าแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียงกับหมู่บ้านที่มีการตายของชาวบ้านแทน

“หวังว่าครั้งนี้พวกเราจะได้เบาะแสที่ทำให้ชาวบ้านเหล่านี้ตายสักทีนะครับ” สารวัตรอุดมใช้นิ้วหัวแม่มือนวดขมับของตัวเอง เนื่องจากเขามีอาการตึงเครียดจากการทำคดีนี้เป็นอย่างมากเพราะหาหลักฐานไม่ได้เลย

"สู้ๆ ครับหัวหน้า พวกเราจะช่วยกันหาหลักฐานให้ได้เร็วที่สุดครับ” ลูกน้องตำรวจหน่วยสืบสวนที่ติดตามมาด้วยเมื่อเห็นว่าสารวัตรอุดมเคร่งเครียดกับคดีนี้ก็พูดให้กำลังใจสารวัตรหนุ่มคนนี้ทันที

“สารวัตรอุดมเจ้า สู้ๆ นะเจ้า ถึงแม้ว่าส้มป่อยจะจ้วยอะหยังบ่าได้นัก เเต่ส้มป่อยก่อจะจ้วยสารวัตอุดมเต็มตี้เจ้า (สู้ๆ นะคะ สารวัตรอุดม ถึงแม้ว่าส้มป่อยจะช่วยอะไรไม่ได้มาก เเต่ก็จะช่วยสารวัตรเต็มที่แน่นอนค่ะ)” ยัยส้มป่อยให้กำลังใจสารวัตรอุดม

“ผมก็จะช่วยตามหาหลักฐานอีกแรงนะครับ สารวัตรอุดม” ผมที่ยืนอยู่ข้างๆ ยัยส้มป่อยพูดบ้าง และเมื่อสารวัตรอุดมได้ยินเสียงให้กำลังใจจากพวกเรา เขาก็ยิ้มออกมาและเรียกกำลังใจกลับคืนเพื่อให้พร้อมสำหรับการลุยทำคดีนี้ต่อ

“เอาล่ะ ถ้างั้นผมขอฝากพวกคุณทุกคนอีกครั้งด้วยนะครับ คราวนี้พวกเราจะแบ่งทีมกันเหมือนเดิม แบ่งทีมออกเป็น 4 ทีม จับกลุ่มทีมละ 3 คน ทีมที่ 2 รับผิดชอบการสำรวจหมู่บ้านทางทิศตะวันออก ทีมที่ 3 รับผิดชอบการสำรวจหมู่บ้านทางทิศตะวันตก ทีมที่ 4 รับผิดชอบการสำรวจหมู่บ้านทางทิศใต้ ส่วนผม เสม และส้มป่อยจะเป็นทีมที่ 1 และรับผิดชอบการออกสำรวจหมู่บ้านทางทิศเหนือเอง เอาล่ะพวกเราแยกย้ายและพยายามหาหลักฐานมาให้ได้มากที่สุด จากนั้นช่วงเที่ยงให้พวกเรากลับมาเจอกันที่นี่อีกครั้ง และถ้าหากว่าพวกเรายังออกหาหลักฐานในหมู่บ้านไม่เสร็จ พวกเราจะทำงานต่อในช่วงบ่ายและเมื่อถึงเวลา 4 โมงเย็นพวกเราจะเดินทางกลับทันที” สารวัตรอุดมสั่งการอย่างรวดเร็ว

“รับทราบครับ” ทุกคนตอบรับพร้อมกัน

พวกเราทุกคนแยกย้ายกันออกตามหาหลักฐานตามที่ได้รับมอบหมายทันที โดยครั้งนี้พวกเขาหวังว่าจะสามารถหาหลักฐานใหม่ๆ เพิ่มเติมได้มากกว่าครั้งที่ผ่านมา และต้องหาหลักฐานให้แล้วเสร็จภายในวันนี้อีกเช่นกัน เนื่องจากว่าในวันพรุ่งนี้หน่วยงานที่ทำหน้าที่จัดการศพจะเข้ามาในพื้นที่เพื่อนำศพออกไปชันสูตรเพื่อหาหลักฐานการตาย และเมื่อทุกกระบวนการเสร็จสิ้นพวกเขาจะนำศพเหล่านี้ไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป

และนั่นทำให้หัวหน้าตำรวจหน่วยสืบสวนอย่างสารวัตรอุดมและลูกน้องต้องรีบทำงานแข่งกับเวลา และนั่นยิ่งกดดันตำรวจหน่วยสืบสวนให้ทำงานกันเคร่งเครียดมากยิ่งขึ้น ซึ่งผมและยัยส้มป่อยต่างเห็นใจพี่ๆ ตำรวจหน่วยสืบสวนเป็นอย่างมากเนื่องจากพวกเราได้เห็นการทำงานและได้ร่วมงานกันมาตั้งแต่ช่วงแรกนั่นเอง

จากระยะเวลา 1 ชั่วโมงในการออกหาหลักฐานผ่านไปเป็น 2 ชั่วโมง จาก 2 ชั่วโมงผ่านไปเป็น 4 ชั่วโมง และจาก 4 ชั่วโมงในที่สุดพวกเราก็ใช้เวลาในการออกหาหลักฐานจนเกือบถึง 4 โมงเย็น และถึงแม้ว่าพวกเราจะใช้ระยะเวลาทั้งวันในการออกหาหลักฐาน แต่มันก็ยังไม่สามารถหาหลักฐานใหม่ๆ มาเพิ่มเติมได้ และนั่นทำให้สารวัตรอุดม ผมและยัยส้มป่อยมีอาการเคร่งเครียดและอ่อนล้าเป็นอย่างมาก จนท้ายที่สุดพวกเราก็ตัดสินใจหยุดหาหลักฐานและพากันเดินกลับไปที่จุดนัดรวมพล

และในระหว่างที่ผมกำลังแยกตัวออกมาฉี่ที่ริมชายป่า โดยให้สารวัตรอุดมและยัยส้มป่อยเดินกลับไปยังจุดรวมพลก่อนนั่นเอง สายตาของผมดันหันไปเห็นชายหนุ่มผิวเข้ม นัยน์ตาดุ คนที่ผมเคยเห็นก่อนหน้านี้ที่หมู่บ้านแรกที่เกิดเหตุการณ์การตายของชาวบ้าน และชายคนนี้แหละที่ผมสงสัยว่าเป็นฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าคนในหมู่บ้าน ดังนั้น ผมจึงรีบตัดสินใจแอบเดินสะกดรอยตามชายคนนี้เข้าไปในป่าทันทีโดยไม่ทันได้ระวังตัวและคิดหน้าคิดหลัง

ผมแอบสะกดรอยตามชายหนุ่มคนนี้เข้าไปในป่า และคิดว่านี่อาจจะเป็นเบาะแสแรกที่ทำให้ผมสามารถจับตัวฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าชาวบ้านในหมู่บ้านได้ เพราะการที่ผมได้เจอชายคนนี้อีกครั้งบริเวณใกล้ๆ กับหมู่บ้านที่เกิดเหตุ มันก็ทำให้ผมเชื่อแล้วว่าชายคนนี้เป็นฆาตกรไปแล้วมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์

“เอ๊ะ หายไปไหนของเขาแล้วนะ เมื่อกี้ยังเห็นอยู่ตรงนี้อยู่เลย” ผมสบถเสียงเบา หลังจากที่แอบสะกดรอยตามชายหนุ่มผิวเข้มมาติดๆ แต่จู่ ๆ ชายหนุ่มคนที่ผมสะกดรอยตามมากับหายตัวไปซะอย่างงั้น

“มึงเดินตามกูมาทำไม” น้ำเสียงดุดันดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของผม และนั่นทำให้ผมถึงกับสะดุ้งและหันตัวกลับไปมองอย่างรวดเร็วหัวใจเริ่มเต้นรัวอย่างตื่นเต้น เนื่องจากถูกชายหนุ่มที่สะกดรอยตามมาจับได้ และถ้าหากว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นฆาตกรอย่างที่ผมคิดเอาไว้จริงๆ วันนี้ผมคงไม่รอดแน่ๆ รู้อย่างนี้ผมควรรีบไปตามสารวัตรอุดมและพามาด้วยกันซะดีกว่า

“มึงไม่ได้ยินกูถามหรือไง มึงเดินตามกูมาทำไม” ชายหนุ่มผิวเข้มที่ยืนอยู่ทางด้านหน้าของผมถามย้ำอีกครั้ง จนทำให้ผมสะดุ้งจนถอยหลังออกมาจนหลังชิดกับต้นไม้ใหญ่ ส่วนชายหนุ่มคนนี้ก็เดินตามผมเข้ามาจนระยะห่างระหว่างผมและเขาห่างกันไม่ถึง 1 เมตร และนั่นยังทำให้ผมได้เห็นชายหนุ่มคนนี้ชัดๆว่าเขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมเข้ม คิ้วหนาเข้ม ดวงตาคม นัยน์ตาดุ จมูกโด่งเชิดรับกับริมฝีปากบาง ผิวเข้ม รูปร่างสูงใหญ่ แต่งตัวด้วยเสื้อและกางเกงหม้อห้อม และสวมใส่รองเท้าแตะ และที่น่าแปลกไปกว่านั้นนั่นก็คือบนไหล่ทั้งสองข้างของเขามีค่างแว่นสองตัวนั่งอยู่ และพวกมันทั้งสองตัวก็กำลังจ้องมองมาที่ผมอย่างดุร้าย

“เอ่อ… ผมหลงทางและหาทางออกไม่เจอ พอเห็นคุณเดินอยู่ไม่ไกลจึงเดินตามมาเพื่อมาขอความช่วยเหลือครับ” ผมพยามหาข้ออ้างเพื่อเอาตัวรอดจากคนที่ผมคิดว่าเป็นฆาตกร

ส่วนชายหนุ่มผิวเข้มที่อยู่ทางด้านหน้า หลังจากที่เขาได้ยินคำพูดของผม เขาก็ยืนนิ่งเเละมองมาที่ผมเงียบๆ จนทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก จากนั้นไม่นานชายหนุ่มก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม จากนั้นก็ใช้มือลูบที่ใบหน้าของผมเบาๆ จนทำเอาหัวใจของผมแทบวาย

“ทางออกอยู่ทางนั้น” ชายหนุ่มผิวเข้มตัดสินใจถอยห่างออกจากผม จากนั้นก็ยกยิ้มที่มุมปากเเละชี้ทางออกจากป่าให้กับผม

“ขะ ขะ ขอบคุณครับ” ผมพูดเสียงสั่นก่อนจะรีบเดินออกห่างจากเขา แต่ด้วยความประหม่ามันจึงทำให้ผมไม่ทันระวังตัวจนทำให้กิ่งไม้เกี่ยวสร้อยพระประจำตัวของผมขาดร่วงลงไปบนพื้น

และทันทีที่สร้อยพระประจำตัวของผมขาด ชายหนุ่มผิวเข้ม นัยน์ตาดุก็จ้องมองมาที่ผมอย่างจริงจังเเละคิ้วทั้งสองข้างของเขาก็ขมวดเข้าหากันทันที ส่วนค่างแว่นทั้งสองตัวที่เกาะอยู่บนบ่าของเขาก็ร้องเสียงดังจนทำให้ผมตกใจ

“เจี๊ยก!!! เจี๊ยก!!!”

“มึงหยุดก่อน” ชายหนุ่มผิวเข้มพูดด้วยน้ำเสียงตึงเครียดและบอกให้ผมหยุดเดิน ส่วนค่างแว่นทั้งสองยังคงส่งเสียงร้องดังและมองมาที่ผมอย่างดุร้าย

“มึงอย่าเพิ่งไป” ชายหนุ่มผิวเข้มสั่งให้ผมหยุดนิ่งอีกครั้งเมื่อเขาเห็นผมเตรียมตัวออกวิ่ง ในขณะที่เขาจ้องมองมาที่ผมอย่างสนใจในอะไรบางอย่างจนทำให้ผมรู้สึกหวาดเสี่ยวเเละขนลุกทันที

ชายหนุ่มผิวเข้มค่อยๆ เดินเข้ามาหาผมอีกครั้ง ก่อนจะก้มลงเก็บสร้อยพระประจำตัวของผมที่ร่วงอยู่บนพื้นขึ้นมา โดยทุกๆ การกระทำของเขาอยู่ในสายตาที่หวาดระแวงของผมอยู่ตลอดเวลา และเมื่อผมเห็นสิ่งที่เขาหยิบขึ้นมาจากพื้นผมก็ตกใจทันที เพราะว่าสิ่งที่เขาหยิบขึ้นมานั่นก็คือสร้อยพระประจำตัวของผม ผมค่อยๆใช้มือลูบต้นคอของตัวเอง และนั่นทำให้ผมเพิ่งรู้ว่าสร้อยพระประจำตัวขาดและร่วงลงไปบนพื้นนั่นเอง

“รีบเอาไปซ่อม แล้วใส่เอาไว้กับตัวตลอดเวลา” ชายหนุ่มผิวเข้มพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงพร้อมกับยื่นสร้อยพระประจำตัวคืนให้กับผม ส่วนผมก็รีบยื่นมือเข้าไปรับเอาสร้อยพระนี้มาใส่กระเป๋า ก่อนจะรีบเดินออกจากป่า ในใจก็คิดว่าโชคดีแล้วที่ไม่ถูกฆาตกรคนนี้ฆ่าตายไปซะก่อน และคราวหลังจะต้องระมัดระวังตัวและรอบคอบมากขึ้นกว่านี้

และหลังจากที่ผมเดินออกมาจากป่าเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มผิวเข้มก็ยังคงจ้องมองมาที่ผมอย่างไม่วางตาด้วยสายตาที่เจ้าเล่ห์พร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากอย่างพึงพอใจ

“นายคิดเหมือนกันไหม 'แคบหมู'” เสียงดังมาจากค่างแว่นตัวน้อยที่เกาะอยู่บนไหล่ขวาของชายหนุ่มผิวเข้มพูดออกมาทันทีหลังจากที่ผมเดินออกจากป่าไปไกลแล้ว

“ฉันก็คิดเหมือนนายนั่นแหละ 'ถั่วเน่า'” เสียงของค่างแว่นตัวน้อยที่เกาะอยู่บนไหล่ซ้ายของชายหนุ่มพูดออกมาเช่นกัน

“ร่างทอง!!!” ค่างแว่นน้อยทั้งสองตัวพูดพร้อมกันอย่างตื่นเต้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel