บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4: ตายต่อเนื่อง

พวกเราใช้ระยะเวลาเดินทางกลับ 30 นาที จากหมู่บ้านที่เกิดเหตุมาถึงบ้านของผู้ใหญ่บ้าน และทันทีที่พวกเรามาถึงผมก็ขอตัวพายัยส้มป่อยเข้าไปนอนพักผ่อนทันที เพราะหลังจากที่ยัยส้มป่อยเจอศพ เธอก็มีอาการเสียขวัญและตกใจอยู่ ซึ่งผมคาดว่าหลังจากนี้ยัยส้มป่อยน่าจะจับไข้หัวโกร๋นเพราะกลัวผีอย่างแน่นอน

ส่วนสารวัตรอุดมและตำรวจหน่วยสืบสวนหลังจากที่กลับมาถึงบ้านผู้ใหญ่บ้าน พวกเขาก็มานั่งรวมตัวกันและประชุมกันต่อทันที ส่วนผมเมื่อเห็นว่ายัยส้มป่อยหลับไปแล้วก็รีบเดินมานั่งประชุมร่วมกับทีมตำรวจ

“เอาล่ะ หน่วยสืบสวนแต่ละทีมช่วยสรุปผลการออกสืบหาหลักฐานให้ผมฟังหน่อยครับว่าได้หลักฐานอะไรมาบ้าง” สารวัตรอุดมถามตำรวจหน่วยสืบสวนแต่ละทีม

“ทีมที่ 2 ขอรายงานครับ จากการออกไปสืบหาหลักฐานในหมู่บ้านทางทิศตะวันออก พวกเราเจอศพอยู่ภายในบ้านทุกหลังโดยศพเหล่านี้มีลักษณะที่เหมือนกันนั่นก็คือมีลักษณะซูบผอม ผิวหนังแห้งหุ้มกระดูก ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้าง ลิ้นจุกปาก นิ้วมือ นิ้วเท้าทั้งสองข้างจิกเกร็งผิดรูป ส่วนสภาพแวดล้อมศพทั้งด้านในและด้านนอกบ้านไม่มีอะไรผิดปกติที่สามารถสืบต่อไปได้เลยว่าผู้ตายถูกทำร้ายหรือฆาตกรรม คล้ายๆกับว่าพวกเขานอนหลับและตายอยู่ในสภาพที่พวกเราพบเจอเลย ส่วนข้อสังเกตอื่นๆ ของทีมเราคือไม่พบสัตว์ภายในหมู่บ้านที่เกิดเหตุเลยแม้แต่ตัวเดียวครับ”

“ทีมที่ 3 ขอรายงานครับ จากการออกไปสืบหาหลักฐานในหมู่บ้านทางทิศตะวันตก สภาพศพและสภาพแวดล้อมรอบๆ ศพ มีลักษณะเหมือนกับทีมที่ 2 ส่วนข้อสังเกตอื่นๆ ก็เหมือนกัน นอกเหนือจากนี้พวกเราไม่พบหลักฐานอื่นๆ เพิ่มเติมครับ”

“ทีมที่ 4 ขอรายงานครับ จากการออกไปสืบหาหลักฐานในหมู่บ้านทางทิศใต้ สภาพศพและสภาพแวดล้อมรอบๆ ศพ มีลักษณะคล้ายคลึงกับสองทีมที่ผ่านมา ข้อสังเกตเหมือนกันและไม่เจอหลักฐานเพิ่มเติมครับ” หน่วยสืบสวนทีมที่ 4 ถึงกับเหงื่อตก เมื่อพวกเขาไม่สามารถหาหลักฐานที่แตกต่างจากหน่วยสืบสวนทีมอื่นๆได้

“ไม่เจออะไรเลยงั้นเหรอ” สารวัตรอุดมคิ้วขมวด เมื่อนึกถึงหลักฐานที่เขาเจอนั้นก็ไม่ต่างไปจากที่ลูกน้องของเขาพบเจอ

“มีใครมีข้อสังเกตหรือข้อสันนิษฐานอย่างอื่นเพิ่มเติมบ้างไหม” สารวัตรอุดมจ้องมองลูกน้องอย่างมีความหวัง เผื่อว่าจะได้ข้อมูลที่ทำให้รู้สาเหตุที่ทำให้ชาวบ้านเหล่านี้ต้องตาย เพราะว่าหลักฐานที่ได้มามันยังไม่เพียงพอต่อการสรุปว่าชาวบ้านเหล่านี้ตายด้วยสาเหตุอะไร จนทำให้สารวัตรอุดมที่รับคดีนี้มาถึงกับมืดแปดด้าน

“่เอ่อ สารวัตรครับ ผมขออู้อะหยังน้อยได้ก่อครับ (เอ่อ สารวัตรครับ ผมขอแสดงความคิดเห็นบางอย่างได้ไหมครับ)" ลูกน้องของสารวัตรอุดมคนหนึ่งจากหน่วยสืบสวนทีมที่ 2 ยกมือและพูดขึ้นมาในระหว่างที่ทุกคนกำลังนิ่งเงียบและกำลังใช้ความคิด

“ได้ พูดมา” สารวัตรอุดมอนุญาต

“ผมว่าสาเหตุที่ยะหื้อคนตาย ก่อเป๋นเพราะว่ามีผีมาเอาวิญญาณของคนในหมู่บ้านไปอย่างตี้พ่อหลวงบ้านเปิ้นบอกครับ (ผมว่าสาเหตุที่ทำให้ผู้คนในหมู่บ้านตายเป็นเพราะว่ามีผีมาเอาดวงวิญญาณของผู้คนในหมู่บ้านไปอย่างที่ผู้ใหญ่บ้านได้บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ครับ)” ลูกน้องของสารวัตรอุดมพูด และนั่นทำให้ตำรวจจากหน่วยสืบสวนทีมอื่นบางคนถึงกับขมวดคิ้ว ส่วนบางคนก็ถึงกับหัวเราะทันที

“เป็นเพราะผีอย่างนั้นเหรอ” สารวัตรอุดมขมวดคิ้วและหงุดหงิดใจเมื่อได้ยินเหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผลของลูกน้องคนนี้พร้อมกับเตรียมตัวต่อว่าลูกน้องว่างมงาย แต่ถึงอย่างนั้นในวันนี้เขาก็ได้ยินเรื่องที่มีคนบอกว่าสาเหตุที่ทำให้ชาวบ้านตายเป็นเพราะผีมาเอาวิญญาณไปเป็นครั้งที่สองแล้ว ซึ่งครั้งแรกได้ยินมาจากผู้ใหญ่บ้าน ดังนั้น เขาจึงหักห้ามใจไม่ต่อว่าลูกน้องคนนี้แต่ตัดสินใจให้ตำรวจคนนี้แสดงความคิดเห็นต่อ

“ไหนลองบอกมาสิว่า ผีมันทำยังไงให้คนตายได้” สารวัตรอุดมผู้เชื่อในหลักการทางวิทยาศาสตร์ร้อยเปอเซ็นเหมือนกับผม ถามคำถามออกมาและตั้งใจฟังดูว่าลูกน้องของเขาคนนี้จะพูดว่าอะไรบ้าง ส่วนผมที่นั่งอยู่ไม่ไกลก็เตรียมรับฟังเเละนั่งจดบันทึกอย่างเงียบๆ

“คือว่าจะอี้ครับ ผมน่ะเป๋นคนเหนือและตี้หมู่บ้านของผมคนส่วนใหญ่เปิ้นนับถือผี คนเฒ่าคนแก่เปิ้นเกยบอกว่าถ้าเลี้ยงผีบ่อดีหรือยะหื้อผีโกด ผีจะมาเอาวิญญาณไปครับ และศพของคนตี้โดนเอาวิญญาณไปก่อมีลักษณะอย่างตี้หมู่เฮาหันครับ (คือว่าอย่างนี้ ผมเป็นคนเหนือและที่หมู่บ้านของผมผู้คนส่วนใหญ่นั้นนับถือผี ผู้เฒ่าในหมู่บ้านท่านเคยบอกว่าถ้าบ้านหลังไหนเลี้ยงผีได้ไม่ดีหรือทำให้ผีโกรธเขาก็จะมาเอาดวงวิญญาณไปครับ โดยลักษณะของศพที่ถูกผีเอาวิญญาณไปก็เหมือนอย่างที่พวกเราได้เจอครับ)"

“แล้วผีมาเอาวิญญาณไปทำไม” สารวัตรอุดมถาม

“เปิ้นมาเอาวิญญาณไปอยู่โตยครับ (ผีมาเอาวิญญาณไปอยู่ด้วยครับ)"

“ไม่ใช่ว่าชาวบ้านคนนั้นติดโรคร้ายแรงและตายไปเองหรอกนะ” สารวัตรอุดมแสดงท่าทางไม่เชื่อ

“อันนั้นผมก่อบ่ฮู้ครับ แต่ว่าก่อนคนตี้จะโดนเอาดวงวิญญาณไป เขาก็เป็นคนปกติอย่างหมู่เฮานี่แหละครับ แต่พอผีมาเอาดวงวิญญาณไป วันต่อมาคนนั้นก็จะกลายเป็นศพอย่างตี้หมู่เฮาเห็น (ผมก็ไม่รู้ครับ เพียงแต่ว่าก่อนที่คนคนนั้นจะโดนเอาวิญญาณไป พวกเขาก็เป็นคนปกติแบบพวกเรานั่นแหละครับ แต่พอถูกผีมาเอาดวงวิญญาณไปวันต่อมาเขาก็จะกลายเป็นศพที่มีลักษณะอย่างที่พวกเราเห็น)”

“อย่างนั้นงั้นเหรอ” สารวัตรอุดมพยักหน้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าการรับฟังข้อมูลเอาไว้ก่อนเท่านั้น เพราะในใจของเขาก็ยังคิดว่าการตายของคนในหมู่บ้านนี้ต้องมีสาเหตุมาจากสาเหตุอื่นอย่างแน่นอน

“แล้วมีใครคิดว่าการตายของผู้คนในหมู่บ้านมาจากสาเหตุอื่นอีกบ้าง” สารวัตรอุดมถามตำรวจหน่วยสืบสวนคนอื่นๆ

“ผมคิดว่าอาจจะมีการฆาตกรรมด้วยวิธีการแปลกๆ ครับ” ตำรวจจากหน่วยสืบสวนทีมที่ 4 ยกมือและพูดขึ้นมา

“ผมเห็นด้วยและคิดว่าชาวบ้านอาจถูกฆาตกรรมมากกว่าครับ เพราะถ้าจะให้ผมเชื่อว่าชาวบ้านถูกผีมาเอาวิญญาณไป เหตุผลมันฟังไม่ขึ้นครับ” ตำรวจหน่วยสืบสวนคนหนึ่งพูดขึ้นมาและดูเหมือนว่าตำรวจหน่วยสืบสวนคนอื่นๆ จะเห็นด้วยกับสาเหตุที่ทำให้ผู้คนในหมู่บ้านตายนั้นเกิดมาจากการฆาตกรรมมากกว่าถูกผีมาเอาวิญญาณไป และนั่นทำให้ตำรวจคนแรกถึงกับเงียบเสียงลงไปเพราะสู้เสียงข้างมากไม่ได้

ส่วนผมเองในระหว่างที่กำลังจดบันทึกการพูดคุยของตำรวจ ในหัวของผมคิดว่าเรื่องผีที่ทำให้คนตายนั้นตัดออกไปได้เลย นี่มันเป็นยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าขึ้นจนทำให้คนไปเดินบนดวงจันทร์ได้แล้ว แต่ยังมีคนเชื่อเรื่องผีมีจริงอยู่อีกมันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย สุดท้ายผมก็เชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้ชาวบ้านตายนั้น มันจะต้องมีสาเหตุอะไรบางอย่างที่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ที่สมเหตุสมผล เช่น การสูดดมยาพิษหรือแม้กระทั่งการดื่มยาพิษร้ายแรงเข้าไป ซึ่งบางทีเรื่องนี้อาจจะเชื่อมโยงไปถึงการฆาตกรรมก็เป็นได้

และถ้าคุณจะให้ผมเชื่อว่าผีมีจริง คุณก็ต้องมาพิสูจน์ให้ผมเห็นสิว่าผีมีหน้าตาเป็นยังไง ตอนนี้ผมอายุ 24 ปีแล้ว และตั้งแต่ผมเกิดมายังไม่เคยเจอผีเลยสักครั้ง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมพิสูจน์ไม่ได้ ผมไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด นอกจากนี้ชายหนุ่มผิวเข้ม นัยน์ตาดุ คนที่ผมเห็นในช่วงสุดท้ายก่อนที่ผมจะเดินทางออกจากหมู่บ้านที่เกิดเหตุนั้นเป็นใคร และทำไมเขาถึงไปที่นั่น มันยังคงทำให้ผมรู้สึกติดค้างและสงสัยเป็นอย่างมาก ว่าเขาคนนี้อาจจะเป็นฆาตกรที่ฆ่าชาวบ้านในหมู่บ้านก็เป็นได้ แต่ก็นั่นแหละครับผมเองก็ไม่ได้มีหลักฐานมากพอที่จะมายืนยันว่าเขาคนนี้คือฆาตกร ดังนั้น เขาก็ยังเป็นเพียงผู้ต้องสงสัยของผมเท่านั้นและไม่แน่ว่าผมอาจจะคิดผิดก็ได้

ตัดกลับมาที่หมู่บ้านที่เกิดเหตุ

“โอ๊ย ตำรวจหมู่นี้หยังมาวุ่นวายจะอี้ เตวสำรวจอยู่ดีๆ โผล่มายะหื้อสะดุ้ง หลบปอบ่าตัน (โอ๊ย ตำรวจพวกนี้ทำไมมันวุ่นวายจัง เดินสำรวจหมู่บ้านอยู่ดีๆ โผล่ออกมาทำเอาสะดุ้งจนหลบแทบไม่ทัน)”

“นั่นน่ะกะ มานักบ่าดาย บ่อได้จ้วยอะหยังซักอย่าง (นั่นสิ มาเยอะซะเปล่า ไม่ได้ช่วยให้เกิดประโยชน์อะไรเลย)”

เสียงของคนสองคนดังออกมาจากแนวดงไม้เพื่อเดินมาหาชายหนุ่มผิวเข้มที่กำลังนั่งรอพวกเขาอยู่บนก้อนหินใหญ่ และในระหว่างที่ชายหนุ่มคนนี้นั่งรอ เขาก็ใช้มือแกล้งค่างแว่นน้อยสองตัวที่นั่งอยู่บนบ่าของเขาอย่างสนุกสนาน

“ปี้สิงห์มาถ้าหมู่เฮาเมินละยังเจ้า (พี่สิงห์มารอพวกเรานานหรือยังคะ)” หญิงสาวทักทันทีหลังจากที่เห็นว่าชายหนุ่มผิวเข้ม นัยน์ตาดุนั่งรอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว

“มาได้สักพักแล้วล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มตอบหญิงสาว

“เจ้า” บัวตองยิ้ม

“ก๋องคำ บัวตอง ออกไปสืบข่าวได้อะไรมาบ้าง” ชายหนุ่มถามทั้งสองคนทันที

“ผมกึ๊ดว่าเป๋นผีต๋ายโหงมาเก็บรวบรวมวิญญาณและอาหารตี้นี่ ปอพวกมันได้วิญญาณและอาหารแล้ว พวกมันกะพากันหนีไปหมดแล้ว และบ่าฮู้เลยว่าพวกมันเอาดวงวิญญาณและอาหารไปตี้ไหน (ผมคิดว่าเป็นผีตายโหงมารวบรวมดวงวิญญาณที่นี่ พอพวกมันได้ดวงวิญญาณและอาหารเรียบร้อยแล้วพวกมันก็ไป และก็ไม่รู้เลยว่าพวกมันนำเอาดวงวิญญาณและอาหารไปที่ไหน)” ชายหนุ่มตาตี๋หรือก๋องคำพูด

“เจ้า ผ่อจากสภาพศพ ยะหื้อฮู้ว่าจาวบ้านถูกดึงเอาดวงวิญญาณออกไป ส่วนหมู เห็ด เป็ด ไก่ หมา แมวของจาวบ้าน พวกมันก่อเอาไปกิ๋นเป็นอาหารเเน่นอน” บัวตองหญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มพูด

“แล้วปี้สิงห์ ปอจะฮู้ก่อครับว่ามันเป็นไขแล้วยะหยังมายะจะอี้ (แล้วพี่สิงห์พอจะรู้ไหมครับว่าพวกมันเป็นใคร ทำไมถึงทำอย่างนี้)” ก๋องคำถามชายหนุ่มผิวเข้ม

“ไม่รู้สิ รู้แต่ว่าการที่พวกมันมารวบรวมดวงวิญญาณคนไปเป็นจำนวนมากอย่างนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ และพี่ก็เชื่อว่าเดี๋ยวพวกมันก็ออกมาทำเรื่องแบบนี้อีกในไม่ช้า” สิงห์คาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้า

“ก็หวังว่าหมู่เฮาจะโตยหาพวกมันปะโวยๆ บ่ออั้นเรื่องวุ่นวายๆ โตยมาแหมนักแน่ครับ (ก็หวังว่าพวกเราจะตามหาตัวพวกมันเจอไวๆ ไม่งั้นผมเชื่อได้เลยว่าเรื่องวุ่นวายได้ตามมาอีกเยอะเเน่ๆ)” ก๋องคำพูด

“แล้วปี้สิงห์บ่อกึ๊ดจะฮ่วมมือกับหมู่ตำรวจกะเจ้า (แล้วพี่สิงห์ไม่คิดจะร่วมมือกับทีมตำรวจเหรอคะ)”

“เเล้วบัวตองว่าพวกเขาจะเชื่อที่พวกเราพูดหรือเปล่าล่ะ” สิงห์ยกยิ้มที่มุมปากเเละตอบคำถามของบัวตอง

“เอ่อนั้นเต๊อะ หมู่ตำรวจบ่อมีตางเจื้อหมู่เฮาแน่นอน อยู่ดีบ่อว่าดีจับหมู่เฮาเข้าโฮงบาลสวนปรุงหาว่าเป็นผีบ้าปอดี (นั่นสินะ พวกตำรวจไม่มีทางเชื่อพวกเราแน่ๆ เผลอๆ อาจจะคิดว่าพวกเราบ้า ถูกจับส่งเข้าโรงพยาบาลศรีธัญญาพอดี)” บัวตองยิ้มแห้ง

“เอาล่ะ ในเมื่อไม่มีหลักฐาน พวกเราก็กลับกันเถอะ พี่เชื่อว่าอีกไม่นาน พวกมันคงจะออกมาล่าเอาดวงวิญญาณและอาหารอีกแน่นอน ดูจากจำนวนศพที่ตายในคืนเดียวเป็นจำนวนมากแล้วพวกมันคงมีอยู่หลายร้อย และอาหารแค่นี้คงไม่พอต่อจำนวนของพวกมันแน่นอน” สิงห์พูด

“ครับ/เจ้าปี้สิงห์”

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ผู้คนตายทั้งหมู่บ้านขึ้น มันได้กลายเป็นคดีที่ทำให้ตำรวจทุกคนต่างสงสัยกันเป็นอย่างมากว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถหาหลักฐานจากที่เกิดเหตุมายืนยันข้อสงสัยและข้อสันนิษฐานของพวกเขาได้เลย และตำรวจเพียงคาดการณ์เอาไว้ว่าคดีนี้น่าจะเป็นคดีฆาตกรรม และไม่มีใครเชื่อว่าคดีนี้เกิดจากสิ่งลี้ลับอย่างผีเลย ซึ่งสวนทางกับความคิดของชาวบ้านที่เชื่อว่าคดีนี้เกิดจากผี จนกระทั่งเวลาได้ผ่านมาเป็นสัปดาห์แล้วคดีนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าเลยจนทำให้ทีมตำรวจหน่วยสืบสวนที่รับผิดชอบคดีนี้อย่างทีมของสารวัตรอุดมถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับบ่อยๆ

ส่วนยัยส้มป่อยหลังจากกลับมาถึงตัวเมืองเชียงใหม่ เธอก็มีอาการจับไข้หัวโกร๋นเนื่องจากการเจอศพในครั้งนั้นทำให้เธอเสียขวัญ เเละกว่าอาการจะดีขึ้นก็ใช้เวลาไปเกือบสัปดาห์เลยทีเดียว และเธอก็สาบานว่าเธอจะไม่ขอดูศพพวกนี้อีกแล้วเป็นครั้งที่สอง

แต่ก็นั่นแหละครับ หลังจากที่ยัยส้มป่อยสาบานต่อหน้าผมจบไม่ถึง 5 วินาที เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นมาทันที และคนที่โทรเข้ามาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นสารวัตรอุดมคนที่เธอแอบชอบ เเละหลังจากที่ยัยส้มป่อยรับสายแทนที่เธอจะดีใจ แต่ยัยส้มป่อยกับทำท่าทางเหมือนจะร้องไห้ออกมาซะอย่างนั้น เมื่อรู้ว่าในตอนนี้สารวัตรอุดมกำลังโทรตามพวกเราทั้งสองคนให้ออกไปทำข่าวอีกครั้ง เนื่องจากว่าตอนนี้มีหมู่บ้านที่ชาวบ้านตายทั้งหมู่บ้านเกิดขึ้นอีกแล้วเป็นหมู่บ้านที่สอง ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านแรกไปหลายอำเภอเลยทีเดียว

"อีส้มป่อย ระหว่างเป็นสาวเคิ้น (ผู้หญิงที่ไม่มีใครเอา) กับสารวัตรอุดมมึงจะเลือกอะไร" ผมถามยัยส้มป่อยในขณะที่มันกำลังหน้าซีดหลังจากวางสายจากสารวัตรอุดม

"บ่าเสม คิงจะไปมาถามกูจะอี้หนา (ไอ้เสม มึงอย่ามาถามกูอย่างนี้นะ)" ส้มป่อยตะโกน

"เเสดงว่ามึงกลัวผี จนยอมปล่อยสารวัตรอุดมไปแล้วใช่ไหม"

"บ่าควาย กูเลือกสารวัตรอุดมค่ะ ไปเก็บครัวโวย ถ้ากูบ่อมีผัวกูจะโต้ดมึง (ไอ้ควาย กูเลือกสารวัตรอุดมค่ะ ไปเก็บกระเป๋าไวๆ เลยนะมึง ถ้ากูไม่มีผัวกูจะโทษมึง)" ยัยส้มป่อยมองผมตาเขียว ก่อนจะวิ่งไปเก็บกระเป๋าอย่างรวดเร็ว

"มึงนั่นแหละควาย เดี๋ยวมาจับไข้หัวโกร๋นอีกรอบ ครั้งนี้กูไม่มาดูแลแล้วนะ" ผมหัวเราะเบาๆ

"ผีก่อกลัว ผัวกะไขได้ กูต้องสู้ผีหื้อได้ (ผีก็กลัว ผัวก็อยากมี กูต้องสู้ผีให้ได้)" ส้มป่อยตะโกนไล่หลังผม ในขณะที่ผมกำลังเดินกลับห้องเพื่อเก็บกระเป๋าเดินทางของตัวเอง และนั่นทำให้พวกเราทั้งสองคนต้องออกเดินทางไปที่หมู่บ้านที่เกิดเหตุอีกครั้ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel